นับถอยหลังค่าเฉลี่ยใหม่ PM 2.5 คุมฝุ่นพิษ

ช่วงสองเดือนมานี้หลายคนเจ็บป่วยด้วยอาการภูมิแพ้กำเริบ อักเสบบวมในช่องจมูก น้ำมูกไหลมากกว่าปกติ   เพราะมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่หายใจเข้าไปในวันที่สภาพอากาศย่ำแย่ เมืองห่มคลุมด้วยหมอกควันและมลพิษอากาศ ปัญหาฝุ่นพิษบั่นทอนสุขภาพคนไทยเป็นประจำทุกปี

รายงานคุณภาพอากาศโลกปี 2565 ที่เพิ่งเปิดตัว  ซึ่ง IQAir จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลคุณภาพอากาศ PM2.5 จาก 7,323 เมือง ใน 131 ประเทศ และภูมิภาค โดยรวบรวมข้อมูลมาจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศภาคพื้นดินกว่า 30,000 แห่งทั่วโลก และใช้เกณฑ์แนะนำคุณภาพอากาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นค่าพื้นฐานในการนำเสนอข้อมูลคุณภาพอากาศ จากรายงาน IQAir ระบุว่า คุณภาพอากาศของไทยแย่ติดอันดับ 5 จากทั้งหมด 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่อันดับที่ 57 จาก 131 ประเทศ และทุกภูมิภาคทั่วโลก 

ข้อค้นพบจากรายงานมีเพียง 8 เมืองจากทั้งหมด 296 เมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่ผ่านหลักเกณฑ์ค่าแนะนำคุณภาพอากาศ PM2.5 ฉบับปรับปรุงล่าสุดปี 2564 ของ WHO

ส่วนไทยและอินโดนีเซียมีจำนวนเมือง/ อำเภอ ที่มีมลพิษมากที่สุดจากทั้งหมด 15 อันดับของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่ไทยมี 7 อำเภอที่มีมลพิษสู งคือ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี, อ.เมืองน่าน จ.น่าน, อ.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ, คลองตาคต จ.ราชบุรี, ท่าวาสุกรี จ.พระนครศรีอยุธยา, ดอนหัน จ.ขอนแก่น , ยางซ้าย จ.สุโขทัย และอินโดนีเซียมี 5 เมืองคือ ปาซาร์เคมิส, ชีเลงเซีย, จาการ์ตา, เบกาซี, สุราบายาตามลำดับ

กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีค่าความเข้มข้นฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยรายปี สูงเป็นอันดับที่ 5  ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอันดับที่ 52 ของโลก มีค่าความเข้มข้น PM2.5 เฉลี่ย 18 มคก./ลบ.ม.

ปี 65 เดือนมีนาคม คือ เดือนที่ค่าฝุ่น PM2.5 ในไทยพุ่งสูงมากที่สุดในรอบปี รองลงมาคือเดือนเมษายน จังหวัดที่มีความเข้มข้นฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยต่อปี มากที่สุดของไทย คือ สระบุรี รองลงมาคือ หนองคาย น่าน ลำปาง และขอนแก่น ตามลำดับ โดยดัชนีคุณภาพอากาศ ของทั้ง 5 จังหวัด ในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน มีแค่ 4 ระดับ เท่านั้นคือ ระดับที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยหรือร่างกายอ่อนแอ (สีส้ม) ระดับที่ส่งผลกระทบต่อทุกคน ระดับเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมาก และระดับอันตราย (สีแดงเลือดหมู) และยังเป็นช่วงที่ประชาชนในภาคเหนือของไทยมีความเสี่ยงต่อผลกระทบสุขภาพจากมลพิษทางอากาศรุนแรง   ซึ่งสถานการณ์ฝุ่นPM2.5 ปีนี้เยอะไม่แพ้ปีที่แล้ว

องค์การอนามัยโลก (WHO) ใช้เกณฑ์แนะนำคุณภาพอากาศ (Air Quality Guidelines: AQGs) ฉบับใหม่ เพิ่มมาตรฐานการกำหนดค่าเฉลี่ยรายปีของฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 5 มคก./ลบม. จากดิม 10 มคก./ลบ.ม.  และค่าเฉลี่ยราย 24ชั่วโมงของฝุ่น PM 2.5 ที่ 15 มคก./ลบ.ม. ลดจากเดิม 25 มคก./ลบ.ม.

ส่วนประเทศไทยมีประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม สมควรปรับปรุงการกำหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไปเพื่อเป็นเกณฑ์สำหรับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามพรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 กำหนดมาตรฐานฝุ่นPM 2.5 ในบรรยากาศโดยทั่วไป ให้ค่าเฉลี่ยในเวลา 24 ชม. จะต้องไม่เกิน 37.5 ไมครอน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ส่วนค่าเฉลี่ย PM2.5 ในเวลา   1  ปี  จะต้องไม่เกิน  15 มคก./ลบ.ม

นุชจริยา อรัญศรี ผู้อำนวยการส่วนมลพิษจากยานพาหนะ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ค่าเฉลี่ยฝุ่นPM2.5  รวมถึงสีที่ใช้แจ้งเตือนระดับคุณภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจะเปลี่ยนไป  ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือของคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศเกี่ยวกับการคำนวนค่า AQI  การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้น จะสร้างความปลอดภัยต่อสุขภาพประชาชนมากขึ้น ปัจจุบันนี้ไทยใช้มาตรฐานฝุ่นPM2.5  ไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. ใน 24 ชม. เมื่อปรับใหม่เหลือ 37.5 มคก. ฝุ่นจะลดลง ในบรรยากาศ ยิ่ง WHO กำหนดค่าเฉลี่ยไว้ 15 มคก./ลบ.ม.  แต่การปรับค่ามาตรฐานต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสภาวะเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทย ก็ต้องค่อยๆ ปรับ แต่จีนและอินเดียยังมีค่ามาตรฐานสูงกว่าบ้านเรา

“ การออกมาตรฐานฝุ่นในบรรยากาศให้เข้มขึ้นจำเป็นอย่างมาก เพื่อลดการระบายมลพิษจากแหล่งกำเนิด เพื่อให้คุณภาพอากาศเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยต้องควบคุมผ่านมาตราการต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง กระทรวงทรัพย์ กระทรวงเกษตร ควบคุมการเผาที่โล่ง ในพื้นที่ป่า ส่วนยานพาหนะ  กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด ปี 2567               จะมีการปรับเปลี่ยนบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 สำหรับรถยนต์ใหม่ ตามแผนชาติแก้มลพิษฝุ่นละออง กระทรวงพลังงานออกประกาศกำหนดคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 รองรับ เพื่อคุมการปล่อยไอเสีย หนึ่งในตัวการก่อฝุ่นให้เข้มงวดขึ้น เพราะควันดำจากรถยนต์ดีเซล WHO ยืนยันมีสารก่อมะเร็ง  “ นุชจริยา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผอ. กล่าวด้วยว่า การลดฝุ่นในเมือง ไม่ได้มาจากฝุ่น PM2.5 อย่างเดียว ยังมีก๊าซต่างๆ จากการเผาไหม้ ก่อให้เกิดฝุ่นทุติยภูมิ ยกตัวอย่างรถจักรยานยนต์ไม่ได้ปล่อยควันดำ แต่ปลดปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซไฮโดรคาร์บอน  ซึ่งทำปฏิกริยากับมลพิษในอากาศ ก่อเกิดฝุ่นขนาดเล็ก ฝุ่นในกรุงเทพฯ 25% เป็นฝุ่นทุติยภูมิ แยกเป็นฝุ่นจากจักยายนนต์ 5%  การกำหนดมาตรฐานรถยนต์ทุกประเภท เพื่อลดฝุ่นทุติยภูมิ  ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งทำมาตรฐานยูโร 5 รองรับรถจักรยานยนต์ด้วย  เป็นตัวอย่างกำหนดมาตรการที่จะเข้มงวดขึ้นสู้ฝุ่น  ส่วนการตรวจสภาพรถจักยานยนต์และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องช่วยลดมลพิษได้

ขณะเดียวกันการควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นจากภาคอุตสาหกรรม  โรงงานอุตสาหกรรมจะปรับปรุงค่ามาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้น อีกทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะเข้มงวดในการตรวจโรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 800 โรงงาน โดยเฉพาะช่วงที่คาดการณ์ปริมาณฝุ่นเยอะหรือสภาพอากาศแย่ ต้องกวดขันโดยเฉพาะโรงงานที่ใช้พลังงานถ่านหิน โรงหลอมเหล็ก   แม้โรงงานตั้งอยู่ชานเมือง แต่การกระจายของฝุ่นมาถึงเมือง ปัจจัยสภาพอากาศมีผลเพิ่มปัญหาฝุ่น ขณะนี้กรุงเทพฯ เหนือ เจอปัญหาฝุ่น ส่วนภาคอีสานไม่ใช่ไม่มีฝุ่น กำลังจะมา

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติครั้งล่าสุด ผอ.ระบุมีการยกระดับมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นในพื้นที่เมือง พื้นที่เกษตร และพื้นที่ป่าไม้  เน้นการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษหลักๆ การบริหารจัดการพื้นที่ การบริหารจัดการมลพิษในภาครวม

ปัญหาอุปสรรคของการแก้ปัญหาฝุ่นพิษในประเทศไทย นุชจริยาระบุว่า ภาคการเกษตรเผชิญปัญหาด้านนวัตกรรม ความรู้ และเงิน การเปลี่ยนวิถีการเผาในที่โล่งต้องมีความพร้อม การส่งเสริมความรู้ ทางเลือกในการจัดการ และการสร้างภาคีเครือข่าย นอกจากนี้ มีอุปสรรคจากปัญหาหมอกควันและไฟป่าข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นมลพิษข้ามพรมแดน ต้องมีการประสานและสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้านให้ตระหนักการลดการเผา   เพราะฝุ่นที่ปกคลุมบ้านเราไม่ได้มาจากแหล่งกำเนิดในประเทศอย่างเดียว

ด้าน อัลลิยา เหมือนอบ นักรณรงค์ด้านมลพิษทางอากาศ กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลไทยต้องกำหนดให้มีมาตรฐานการปล่อยมลพิษ PM 2.5 จากปลายปล่องและจากแหล่งกำเนิดหลัก (Emission Standard) และออกกฎหมาย PRTR ที่จะช่วยให้รัฐบาลสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานเพื่อกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อม กำหนดแนวทางการวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5  ตลอดจนติดตามตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมาย การวางแผนรองรับเหตุฉุกเฉิน ลดใช้สารเคมีเป็นพิษในกระบวนการผลิตและลดปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิด เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทาง

“ ประชาชนภาคเหนือของไทยมีความเสี่ยงต่อผลกระทบสุขภาพจากมลพิษอากาศ โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี ข้อมูลรายงานของกรีนพีซ ประเทศไทย พบว่า การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในภาคเหนือตอนบนของไทย และการขยายการลงทุนของบริษัทอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ของไทยเพื่อผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง คือสาเหตุหนึ่งของมลพิษข้ามพรมแดนที่มีความเชื่อมโยงกับวิกฤตฝุ่นควันในภาคเหนือ “ อัลลิยา กล่าว

เมืองไทยต้องคละคลุ้งด้วยฝุ่นพิษต่อไป  ส่วนในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น 14  พ.ค. นี้ กรีนพีซ  เปิดแคมเปญ #VoteForClimate เข้าคูหากาสิ่งแวดล้อม กรีนพีซ มีข้อเสนอนโยบายสิ่งแวดล้อมต่อพรรคการเมือง โดยปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่น PM2.5 คือ หนึ่งในประเด็นสิ่งแวดล้อมที่ต้องผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของคนในประเทศ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทอ. ส่งเครื่องบินบีที-67 ทิ้งน้ำ 3 พันลิตร แนวไฟไหม้วิกฤตภาคเหนือ

กองทัพอากาศ ได้เผยแพร่ข้อมูล สนับสนุนภารกิจการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ (SEE & STRIKE ) โดยส่งอากาศยาน AU-23 PEACE MAKER (Sensor)

รัฐบาลซัดกลับ 'พิธา' ไม่รู้กาลเทศะ จ้องด้อยค่านายกฯ

'รองโฆษกรัฐบาล' ย้ำชัดรัฐบาลมีแผนป้องกันภัยชัดเจน ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติต้องรอบคอบ โต้กลับ 'พิธา' ไม่รู้กาลเทศะ จ้องด้อยค่านายกฯ ดิสเครดิต รบ.

การันตี 'ทักษิณ' โรดโชว์เชียงใหม่ ทำตามระเบียบพักโทษเป๊ะ!

'สมศักดิ์' ชี้ 'ทักษิณ' ไปเชียงใหม่ทำตามระเบียบราชทัณฑ์ อ้างปกติกรณีพักโทษ ไม่มีคิวรวมก๊วน สส. พบนายใหญ่ ขอแล้วยังไร้สัญญาณตอบรับ

5 พื้นที่จมฝุ่นเดินหน้า'เขตมลพิษต่ำ'

สัปดาห์ที่ผ่านมาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในกรุงเทพฯ ถือว่าเกินค่ามาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพสูงสุดในรอบปี หลายเขตค่าฝุ่นถึงระดับวิกฤตทะลุ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาพรวมทุกเขตใน กทม. อ่วมจากฝุ่นปกคลุม  แม้ตอนนี้ชาว กทม. พอหายใจหายคอให้สะดวกขึ้น