
เพลงลูกทุ่งเป็นศิลปะการแสดงทรงคุณค่าอยู่คู่กับสังคมมาตั้งแต่ยุคอนาล็อกจนถึงยุคดิจิทัล นอกจากจะให้ความบันเทิงแก่ผู้ฟังแล้ว เนื้อหาที่ขับร้องยังบอกเล่าเรื่องราวหลายแง่มุมทั้งชีวิต วัฒนธรรม สังคม ความรัก ขณะที่ภาษาในเพลงลูกทุ่งมีเอกลักษณ์ ใช้คำสัมผัสเกิดเนื้อร้องที่สละสลวย ศิลปินลูกทุ่งเพลงดังที่ทุกคนรู้จัก เช่น ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, สุรพล สมบัติเจริญ, สายันห์ สัญญา, ยอดรัก สลักใจ, พุ่มพวง ดวงจันทร์ ,ต่าย อรทัย, ไมค์ ภิรมย์พร, ก๊อต จักรพันธ์ เป็นต้น
ปัจจุบันเพลงลูกทุ่งมีการประยุกต์ตามความเปลี่ยนแปลงและมีการแข่งขันมากขึ้น เช่น ลูกทุ่งเพื่อชีวิต ลูกทุ่งสตริง เนื้อหาเพลงไปทางสองแง่สามงาม ความรักสารพัดรูปแบบ พร้อมกับจังหวะดนตรีที่จดจำได้ง่าย รวมถึงมีเวทีประกวดเพลงลูกทุ่งมากมายตามหน้าจอ จัดทัวร์คอนเสิร์ต ส่งผลให้เพลงลูกทุ่งยังครองใจคนเจนใหม่ มีศิลปินลูกทุ่งหน้าใหม่เกิดขึ้น

เหตุนี้ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงวัฒนธรรม และกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดโครงการ “ลูกทุ่งสร้างสรรค์ผสานสมัย พลังศิลปวัฒนธรรมไทยสู่สากล” เพื่อส่งเสริมวงการเพลงลูกทุ่งของไทยที่มีประวัติยาวนานกว่า 84 ปี เป็นผลงานถ่ายทอดเรื่องราวผ่านยุคสมัย ภายใต้โครงการนี้ มี 5 กิจกรรมสำคัญ คือ การจัดเสวนาลูกทุ่งไทย 4 ภาค ,การจัดการประกวดหางเครื่องระดับเยาวชน ,การผลิตสารคดีสั้นลูกทุ่งไทย ,การจัดทำหนังสือ 84 ปี ลูกทุ่งไทย ที่สามารถดาวน์โหลดเพื่อหาความรู้ได้อย่างไม่จำกัด และการจัดแสดงคอนเสิร์ต 84 ปี ลูกทุ่งไทย ชมฟรี วันที่ 14 มกราคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

ร้อยตรีพงศ์พรรณ บุญคง นักจัดรายการวิทยุ ผู้คร่ำหวอดในวงการเพลงลูกทุ่ง เล่าจุดกำเนิดเพลงลูกทุ่งว่า พ.ศ.2481 ถือเป็นปีปฐมฤกษ์ของเพลงลูกทุ่ง ศิลปินลูกทุ่งคนแรก คำรณ สัมบุณณานนท์ บันทึกเสียงเพลงลูกทุ่งชื่อ เพลงสาวชาวไร่ ถือเป็นเพลงแรก จากนั้นเกิดนักร้องลูกทุ่งมากมาย หลังปี พ.ศ.2500 ความนิยมเพลงไทยสากลลดลง มีการแบ่งเพลงเป็น 2 แนว คือ แนวตลาด เพลงลูกทุ่ง กับแนวผู้ดี เพลงลูกกรุง ซึ่งเพลงลูกทุ่งเข้าไปอยู่ในการรับรู้ของคนไทยทั่วประเทศ
อ.อานันท์ นาคคง ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรี ปี 2562 กล่าวว่า อนาคตของเพลงลูกทุ่งนอกจากการส่งเสริมกิจกรรมเพลงลูกทุ่ง สิ่งที่สำคัญ คือ การต่อยอดเพลงลูกทุ่งไทย สังคมลูกทุ่ง ชุมชนลูกทุ่ง รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดียที่จะช่วยเผยแพร่เพลงลูกทุ่ง ให้ทุกคนเข้าถึงอย่างกว้างขวาง ไม่จำกัดแค่วิทยุเหมือนในอดีต ศิลปินลูกทุ่งมีโอกาสสร้างผลงานมากขึ้น แม้ยุคนี้จะมีการประยุกต์นำดนตรีพื้นบ้าน ดนตรีสากล ดนตรีปี่พาทย์ มาผสานในเพลง หรือภาพยนตร์เพลงลูกทุ่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม รวมถึงนำเพลงลูงทุ่งในอดีตกลับมาทำใหม่ ทุกอย่างเป็นวิวัฒนาการเพลงลูกทุ่ง

ด้าน ผศ.ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ รองคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ และหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า จากความประทับใจคอนเสิร์ตกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทยเมื่อ 34 ปีที่แล้ว และโอกาสครบรอบ 84 ปีลูกทุ่งไทยเป็นแรงบันดาลใจจัดทำโครงการนี้ และเป็นการต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล ปัจจุบันเพลงลูกทุ่งไม่เลือนหาย ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนฟัง และศิลปินแต่ละยุค แม้เพลงลูกทุ่งผสมผสานกับดนตรีหลายแนว แต่มีกลิ่นอายเพลงลูกทุ่ง
“ โครงการนี้รวบรวมศิลปินและผู้เชี่ยวชาญในวงการเพลงลูกทุ่งมารวมตัวกัน เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต งานเสวนาลูกทุ่ง 4 ภาค เพื่อสะท้อนถึงความนิยมของลูกทุ่งแต่ละภาค ส่วนสารคดี 24 ตอน จะสร้างความตระหนักรู้ความสำคัญเพลงลูกทุ่ง อีกไฮไลท์อยู่ระหว่างทำวิจัยและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการลูกทุ่ง จากนั้นจะเผยแพร่ในรูปแบบของหนังสือเล่ม และ E-book เพื่อเข้าถึงประชาชนวงกว้างสู่การต่อยอดองค์ความรู้ต่อไป ” ผศ.ดร.สุกัญญากล่าว

ฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมเห็นความสำคัญกับการอนุรักษ์และลืบสานเพลงลูกทุ่งเสมอมา รวมถึงส่งเสริมกาารแสดงดนตรีไทย การแสดงดนตรีพื้นบ้าน ล่าสุด จัดมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ ดนตรีสานศิลป์ 2 ถิ่นวัฒนธรรม รวมนักร้องเพลงลูกทุ่ง เพลงพื้นบ้าน หรือการแสดงดนตรีไทย ขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ทางดนตรี
งานแถลงข่าวเปิดโครงการครั้งนี้ มีการแสดงเพลงลูกทุ่งจากศิลปินชื่อดัง อย่าง ชาย เมืองสิงห์, ศรชัย เมฆวิเชียร, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, ดวงตา คงทอง และ เชิงชาย บัวบังศร บุตรชายครูชาญชัย บัวบังศร ศิลปินคนโปรด สนใจติดตามโครงการลูกทุ่งสร้างสรรค์ผสานสมัยฯ ได้ที่ Facebook: faculty of communication arts chulalongkorn university

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองทุนพัฒนาสื่อฯ ก้าวสู่ปีที่ 11 อย่างยั่งยืน เปิดงาน STEPPING INTO YEAR 11: Beyond Sustainability โชว์ผลงานสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
นางสาว ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน STEPPING INTO YEAR 11: Beyond Sustainability


