สวทช.ผุด4หลักสูตร' สถาบันนวัตกรรมป่าไม้จ.แพร่'       แจ้งเกิดแนวคิด 'เศรษฐกิจใต้ผืนป่า'

แพร่เป็นจังหวัดยากจนอันดับสองของภาคเหนือ ส่วนหนึ่งของปัญหาเศรษฐกิจมาจากพื้นที่่ส่วนใหญ่ ของจังหวัด 70% เป็นผืนป่า และภูเขา พื้นที่ราบที่สามารถทำการเกษตร มีน้อย  ทั้งที่ในอดีต แพร่มีความรุ่มรวยทางเศรษฐกิจมาก เพราะมีป่าไม้จำนวนมาก เป็นแหล่งส่งออกไม้สักของประเทศ  ถึงขนาดว่าเคยมีโรงเรียนป่าไม้แพร่  ที่ให้ข้าราชการป่าไม้ได้เรียน  แต่โรงเรียนป่าไม้แพร่ได้ปิดตัวลงในปี 2536 เพราะรัฐบาลประกาศนโยบายปิดป่าเมื่อพ.ศ.  2532  เนื่องจากป่าไม้ของไทยถูกทำลายไปมาก จนเหลือพื้นที่ป่าเพียงประมาณ 32  %  เท่านั้น

แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีขีชีวิการทำมาหากินของผู้คนจำนวนมาก ตลอดจนมีพ.ร.บ.ป่าชุมชนปี 2562  ที่เปิดโอกาสให้ คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าและใช้ประโยชน์จากป่าได้  ได้จุดประกายความคิดของกรรมาธิการการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของวุฒิสภา  (กมธ. การอุดมศึกษาฯ วุฒิสภา) ที่เห็นว่าควรรื้อฟื้นโรงเรียนป่าไม้แพร่ให้กลับมาใหม่ ภายใต้แนวคิด“เศรษฐกิจภายใต้ผืนป่า (Economy Under the Forest) ” ในชื่อ “สถาบันนวัตกรรมด้านป่าไม้จังหวัดแพร่” ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากโรงเรียนป่าไม้แพร่ในอดีต ตรงที่ต้องการอนุรักษ์ป่า  และให้คนในชุมชนสามารถทำมาหากินหาประโยชน์จากป่าได้ ไปพร้อมๆกับการดูแลรักษาป่าให้คงอยู่ต่อไป

ล่าสุดทางกมธ. การอุดมศึกษาฯ วุฒิสภา ได้ทำเอ็มโอยูร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำโดย ดร.เจนกฤษณ์ คณาธารณา รองผู้อำนวยการ สวทช. พร้อมด้วยนางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ ผู้ช่วยผอ. สวทช.  เพื่อร่วมมือในการส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนการดำเนินการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมด้านป่าไม้ จังหวัดแพร่ ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจภายใต้ผืนป่า  ” โดยมี นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ รศ. ดร.สุภาวิณี สัตยาภรณ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายกองค์การบริหารส่วน จ.แพร่ นายประทีป บินชัย ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนแพร่ นายโชคชัย พนมขวัญ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ ร่วมลงนามความร่วมมือโดยมีพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธาน กมธ.การอุดมศึกษาฯ วุฒิสภา และนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ กมธ.การอุดมศึกษาฯ วุฒิสภา ลงนามความร่วมมือครั้งนี้

นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์

นายอภิชาติ  กมธ.การอุดมศึกษาฯ วุฒิสภา กล่าวว่า การจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมด้านป่าไม้ จังหวัดแพร่ ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจภายใต้ผืนป่า (Economy Under the Forest)” ริเริ่มโดยกมธ.อุดมศึกษาฯ  วุฒิสภา ซึ่งมีเป้าหมายต้องการฟื้นฟูและพัฒนาป่าไม้ในจังหวัดแพร่ และสร้างเครือข่ายโดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมนั้น เพื่อให้การดำเนินงานการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมด้านป่าไม้  จ.แพร่ บรรลุผลสำเร็จ   จึงได้เชิญสวทช.  มาร่วมดำเนินการ ซึ่ง สวทช. มีภารกิจอย่างหนึ่งในการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมการเกษตรให้เกิดการขยายผลอย่างทั่วถึง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ตลอดจนเชื่อมโยงเครือข่ายการทำงานและสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกรและชุมชน กับภาครัฐและภาคเอกชน ผ่านการพัฒนาเชิงพื้นที่


“เรามองว่า สวทช.มีกลไกการดำเนินงานต่าง ๆ ที่จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริม พัฒนาและสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงเป็นที่มาของการจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนการดำเนินการจัดตั้ง”สถาบันนวัตกรรมด้านป่าไม้จังหวัดแพร่ “ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจภายใต้ผืนป่า หรืออEconomy Under the Forest ” เพิ่มอีกหนึ่งฉบับ โดยเป็นการลงนาม 7 ฝ่าย คือ กรมป่าไม้ จังหวัดแพร่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ วิทยาลัยชุมชนแพร่ เทศบาลเมืองแพร่ และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ภายใต้การสนับสนุนของ กมธ.อุดมศึกษา วุฒิสภา”นายอภิชาติกล่าว

ส่วนบันทึกความร่วมมือดังกล่าวมีขอบเขตการดำเนินงานของ สวทช. ได้แก่ 1.พัฒนาและยกระดับทักษะ (re-skill/up-skill) ในการบริหารจัดการป่าชุมชนให้กับกรรมการป่าชุมชนและผู้เกี่ยวข้อง 2.ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้ชุมชน 3. ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการประยุกต์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่เพื่อสร้างคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ และ 4. สนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้และให้คำปรึกษาในการสร้างมูลค่าจากการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากสิ่งแวดล้อม (คาร์บอนเครดิต) รวมถึงการลดการสร้างมลพิษจากการเผาป่าและวัสดุเหลือใช้ภาคเกษตร ภายใต้การร่วมกันจัดหาทรัพยากรในการดำเนินงาน และการสนับสนุนจากจังหวัดแพร่ กรมป่าไม้ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ วิทยาลัยชุมชนแพร่ และเทศบาลเมืองแพร่

ดร.เจนกฤษณ์ คณาธารณา

ดร.เจนกฤษณ์ คณาธารณา รองผอ.  สวทช. กล่าวว่า  สวทช.  เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการยกระดับขีดความสามารถ ส่งเสริม พัฒนา และสนับสนุนการดำเนินการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมด้านป่าไม้จังหวัดแพร่ ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจภายใต้ผืนป่า  ” ซึ่งสอดคล้องกับการทำงานของ สวทช. โดย สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ของเรา ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาชุมชนภาคการเกษตรสู่ความยั่งยืนลดความเหลื่อมล้ำด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม(วทน.) โดยทางสวทช. จะเร่งรัดการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน วทน. การทดสอบ การสังเคราะห์เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับพื้นที่ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาคการเกษตร ตลอดจนสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกที่มีความยั่งยืนในพื้นที่ประกอบด้วย ด้านเศรษฐกิจ คือ ช่วยชุมชนลดต้นทุน สร้างรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ ด้านสังคม ช่วยลดการอพยพย้ายถิ่น เกิดสุขภาวะที่ดีขึ้นในชุมชน และด้านสิ่งแวดล้อม เกิดการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model)
“ที่กล่าวมา เป็นโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวไปพร้อมกันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตควบคู่กับการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน ที่สำคัญยังเป็นแนวทางที่สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ขององค์การสหประชาชาติอีกด้วย”ดร.เจนกฤษณ์กล่าว

ด้านนางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ ผู้ช่วยผอ. สวทช. กล่าวเสริมว่า สำหรับแนวทางการดำเนินงานตามความร่วมมือฯ นี้ สวทช. จะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากความเชี่ยวชาญของนักวิจัย สวทช. ในด้านต่าง ๆ เพื่ออบรมให้กับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปประยุกต์และต่อยอดกับพื้นที่ได้อย่างเหมาะสมต่อไป  ใน4 หลักสูตร ได้แก่  1.การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ อาทิ หลักสูตรสำรวจและการเก็บรักษาเชื้อพันธุกรรมพืช พืชป่า พืชหายาก พืชสมุนไพร สำหรับคลังทรัพยากร หลักสูตรสำรวจความหลากหลายของเห็ดกินได้ในป่าชุมชน 2.การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน อาทิ หลักสูตรการขยายพันธุ์ไผ่พันธุ์ดีด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ หลักสูตรการผลิตไม้ดอก ไม้ประดับสำหรับแหล่งท่องเที่ยวในป่าชุมชน หลักสูตรถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเห็ดป่ากินได้ หลักสูตรการเลี้ยงชันโรง หลักสูตรการเพาะเลี้ยงครามและฮ่อมสำหรับผลิตสีย้อมธรรมชาติ 3.การประยุกต์ใช้เกษตรสมัยใหม่ อาทิ หลักสูตรการใช้เทคโนโลยี Smart IoT และระบบการให้น้ำในแปลงเพาะชำกล้าไม้ หลักสูตรสำหรับการติดตาม PM2.5 และเฝ้าระวังไฟป่าในป่าชุมชน (เครื่องเก็บตัวอย่างฝุ่น-Nano Sampler) หลักสูตรการใช้เทคโนโลยีโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการผลิตพืช (เมล็ดพันธุ์ สมุนไพร พืชผักมูลค่าสูง) และ 4.การท่องเที่ยว อาทิ หลักสูตรการประยุกต์ใช้นวนุรักษ์แพลตฟอร์มเพื่อการจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ รวมถึงหลักสูตรการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สวนอากาศสะอาดเคลื่อนที่ นวัตกรรมลดฝุ่นพิษ

ในวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เป็นภัยต่อสุขภาพ ประชาชนจะได้รับคำเตือนให้ลดกิจกรรมกลางแจ้งเมื่อค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม แต่ถ้าขั้นวิกฤตระดับสีแดงให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่สามารถไปพักผ่อนหย่อนใจในสวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่จุดเสี่ยง  จากปัญหาฝุ่นพิษจุดประกายให้เกิดโครงการ

IRPC ต่อยอดพัฒนาปุ๋ยหมีขาว 4 สูตรใหม่ หนุนเกษตรกรลดต้นทุน-เพิ่มผลผลิตกว่า 20%

IRPC เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมปุ๋ยหมีขาว 4 สูตรใหม่ ใช้งานง่าย มีความปลอดภัย เพื่อตอบโจทย์เกษตรกรช่วยเพิ่มผลผลิตกว่า 20% และลดต้นทุนการผลิต พร้อมยกระดับมาตรฐานเกษตรกรรม เอื้อเกษตรกรเติบโตอย่างยั่งยืน

กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ i-CREATe 2023

10 ส.ค.2566 - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธานพิธีเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่องวิศวกรรมพื้นฟูสมรรถภาพและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก ครั้งที่ 16 (i-CREATe 2023) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 สิงหาคม