บ่นอุบแก้วิกฤตไม่ง่าย ‘บิ๊กตู่’ขอทุกคนอย่าสิ้นหวัง ‘สุเทพ’ไร้กังวลตระกูลชินฯ

“บิ๊กตู่” ชี้ไม่มีปัญหาอะไร แก้ไขได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำหรือทำไม่กี่ปี หรือจะสำเร็จง่ายๆ รับหลายคนไม่พอใจรัฐบาล แต่ขออย่ามัวตำหนิจนขัดแย้ง ช่วยกันแก้ปัญหาด้วย เผยเติมใจให้ตัวเองทุกวัน ขอทุกคนอย่าสิ้นหวังหมดกำลังใจ  เตือนคนไทยไม่รักกันประเทศจะดีขึ้นได้อย่างไร บอกนายกฯ ไม่เก่งที่สุดแค่มี "รมต.-ขรก." เป็นทีมงานสำคัญ "ชัยวุฒิ" ลั่นประชุมใหญ่ พปชร.ไม่มีหวือหวาเหมือน พท. "สุเทพ" ไร้กังวล "ทักษิณ" ส่ง "อุ๊งอิ๊ง"  ชิงนายกฯ ระบุสถานการณ์เปลี่ยนไปมาก หลอกไม่ง่ายเหมือน 20 ปีก่อน "เศรษฐกิจไทย" คึกคักประชุมพรรค

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 24 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง : การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ) พ.ศ. 2565-2569 พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์,  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และนายสัมพันธ์ ฤทธิเดช เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังพลของชาติ เพราะถือว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ เป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการพัฒนาคนทุกช่วงวัยจึงถือเป็นรากฐานสำคัญที่ต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนอย่างรอบด้าน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความยากจนการศึกษา การเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพ ซึ่งการพัฒนาเด็กประถมวัย ถือเป็นโอกาสแรกที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บริหาร เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ ติดตามกำกับดูแล รวมทั้งการริเริ่ม แต่ผู้ปฏิบัติคือรองนายกฯและรัฐมนตรี ซึ่งต้องนำนโยบายไปสู่การขับเคลื่อน นำไปสู่การปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานและข้าราชการ เรามีห่วงโซ่ในสายบังคับบัญชา เราจะอ่อนตรงไหนไม่ได้ หรือจะไม่ให้ความสำคัญกับตรงไหนไม่ได้ เพราะทุกคนถือเป็นห่วงโซ่ที่ต้องทำงานไปด้วยกัน สายการบังคับบัญชาหรือช่วงการบังคับบัญชา ถ้าทุกคนเอาใจใส่ ร่วมมือและบูรณาการงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่การพูด จะต้องนำเอางานทั้งหมดมาคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนหรือการพัฒนาการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม ทุกอย่างต้องมาบูรณาการงานร่วมกัน

 “รัฐกำหนดโจทย์ไว้ในยุทธศาสตร์ชาติให้แล้วทั้ง 6 ข้อ ครอบคลุมทั้งหมด ถือเป็นแผนแม่บท ดังนั้นถ้าเราไม่ทำอะไรกันเลยทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเพียงแต่พูดแล้วไม่ทำหรือไม่ริเริ่ม ไม่มีทางจะเป็นไปได้ ที่ผ่านมาเราทำมาหลายปี ทุกอย่างที่สามารถแก้ไขและมีความพร้อม อย่างเช่นการแก้ไขปัญหาโควิด-19 หรือสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้น แม้หลายคนจะมองว่ายังไม่ดีพอหรือไม่พอใจ แต่ถ้าหลายปีที่ผ่านมาเราไม่เตรียมความพร้อม เราจะเจอสถานการณ์ที่หนักกว่านี้ ดังนั้นทุกคนต้องทำงานต่อเนื่องร่วมกันในนามของรัฐบาลที่ต้องแก้ปัญหาและสร้างทัศนคติของคนในสังคมให้ได้ ทำให้ทุกคนเกิดความเข้าใจ และสร้างการรับรู้ ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ขอร้องว่าทุกคนอย่าท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจ ตนเองพยายามที่จะเติมใจให้ตัวเองตลอดเวลาทุกวันว่าต้องทำงานให้สำเร็จตราบใดที่เรายังมีหน้าที่อยู่ หลายอย่างตนอาจจะเข้าไปก้าวล่วงสักนิด อาจจะเตือนเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือสอบถามว่าเรื่องนี้ทำหรือยัง ถือเป็นหน้าที่ต้องทำและต้องขอโทษ เพราะคือหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องทำ อะไรที่แนะนำได้ก็แนะนำ อะไรที่สงสัยก็จะถามไป อะไรที่อธิบายกลับมาตนก็เข้าใจ สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้คือการพุ่งเป้าหาเป้าหมายให้เจอ และเริ่มให้ได้โดยเร็วที่สุด และทยอยทำทุกอย่างก็จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าทำทีเดียวไม่มีทางสำเร็จ เพราะไม่มีผลงานปรากฏให้คนอื่นรู้ เพราะไม่ได้สร้างการรับรู้ ดังนั้นจึงต้องสร้างการรับรู้ จะได้เห็นถึงปัญหาว่าคืออะไร เพราะทุกคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน แต่เราต้องรวมพลังมาให้ได้เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่กำหนด

อย่าแต่ตำหนิต้องช่วยกันแก้

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องสร้างทัศนคติ สร้างหลักคิดที่ดี ถูกต้อง สร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ถ้าพูดเพียงหลักการอย่างเดียวก็จะได้เพียงหลักการ ถ้าแก้ง่ายคงแก้กันไปนานแล้ว เราพยายามทำหลายอย่าง ทั้งของเก่า ของใหม่ และอนาคต ต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนให้ได้ว่าเราทำไปหมดแล้ว อยู่ที่ว่าจะเดินหน้าไปได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงเวลาที่มี ประชาชนต้องรับรู้ว่าได้รับการดูแลไปแล้วมากน้อยแค่ไหน และย้อนกลับไปดูว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง เป้าหมายสำคัญคือต้องการประชาชนที่มีศักยภาพสูง

“ผมไม่ต้องการคำเยินยอหรืออะไรต่างๆ จากใครทั้งสิ้น ขอให้ภูมิใจจากสิ่งที่เราทำ เราทำดีก็รู้ตัวว่าเราทำดี เราทำไม่ดีก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ดี ทำไม่ดีก็แก้ไขเท่านั้นเอง ทำไม่ดีก็แก้ไขเท่านั้นเอง ทำดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีมากขึ้นทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอด และผมก็คิดว่าทุกคนร่วมมือกับผมมาด้วยดีเสมอมา” นายกฯ กล่าว

จากนั้นภายหลังพิธีลงนามเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้ต้องใช้หลายอย่างขับเคลื่อน โดยต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำพูดวันหนึ่งแล้วก็เลิก พูดไปมันก็ได้เท่านั้น ดูที่การกระทำดีกว่าว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ทุกคนที่อยู่กับตนก็ร่วมกันทำมาหลายปีแล้ว ก็ต้องดูว่าผลงานสำเร็จอะไรไปแล้วบ้าง เราคาดหวังว่าถ้าทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อันนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะ ถ้าได้ทำเราก็จะทำต่อเนื่องไป สานต่อสิ่งที่มันสำเร็จ และสิ่งที่กำลังใกล้สำเร็จ หรือที่ยังไม่สำเร็จ ทุกคนรู้ปัญหาดีหมด ไม่ว่าใครจะออกมาพูด รู้ปัญหาประเทศไทยหมดทุกคนนั่นแหละ แต่มันอยู่ที่จะทำอย่างไร How to do คือสิ่งสำคัญ จะทำได้หรือไม่

“ผมย้ำไปแล้วว่าการทำงานทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเก่งที่สุด มันไม่ใช่ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการทุกคน คือทีมงานที่ต้องทำ จะต้องร่วมมือกันในทุกมิติ ทุกระดับ ทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันก็มีพี่น้องประชาชนอยู่กับเราด้วย คำว่าอยู่กับเราคือช่วยกันทำงาน เพื่อใคร ก็เพื่อตัวเอง รัฐบาลมีจิตปรารถนาแค่นั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้หลายๆ อย่างเราพยายามแก้ไขให้ดีที่สุด มันไม่มีอะไรที่จะสำเร็จได้มาง่ายๆ เราต้องผจญปัญหาฟันฝ่าอุปสรรคหนักมากมาย ทำไมตนถึงพูดอย่างนี้ เพราะอยู่มาหลายปี และก็รู้ว่าอะไรมันเกิดขึ้น และอะไรมันจะเกิดขึ้นอีก เราก็พยายามป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีกในสิ่งที่ทำให้ประเทศเราพัฒนาช้าเกินไป ก็พยายามอย่างเต็มที่อย่างยิ่งยวด หน้าที่นายกฯ มีตรงไหนก็ทำตรงนั้น โดยคณะทำงานทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นผู้ที่จะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ติดตามกำกับดูแลร่วมมือกับพี่น้องข้าราชการทั้งหลาย ต้องให้กำลังใจกัน ถ้ามัวแต่ตำหนิต่อว่ากัน คนทำมันก็หมดกำลังใจ

“ผมก็ได้แต่บอกว่าอย่าท้อแท้แล้วกัน สิ่งเหล่านี้คือความท้าทายของประเทศไทย ที่วันนี้ยังมีปัญหาอยู่ อะไรก็แล้วแต่ หรือยังเดินไปข้างหน้าไม่ได้ หรือทำไม่เสร็จ ทำไม่ได้ นั่นคือความท้าทาย เป็นการท้าทายกับประเทศไทย และคนทั้งประเทศว่าท่านจะได้หรือท่านจะไม่ได้ ประเทศไทยจะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น ทุกคนร่วมรับชะตากรรมกันหมด ถ้าเราไม่รักกัน ไม่ร่วมมือกัน เหมือนอย่างที่ผมบอก ผมรักทุกคน และพยายามทำให้ทุกคน ดังนั้นขอให้ช่วยกัน สื่อต่างๆ ก็ช่วยกันนิดนึง ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันขัดแย้งกัน ก็มีตัวอย่างอยู่แล้ว ขัดแย้งมาก ขัดแย้งน้อย มันเกิดอะไรกับประชาชนในประเทศ ผมไม่ต้องการให้อะไรมันเกิดขึ้นทั้งสิ้น” นายกฯกล่าว

'สุเทพ'ดักคอ'แม้ว'ปชช.รู้ทัน

วันเดียวกัน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการประชุมใหญ่พรรค พปชร. ในวันที่ 3 เม.ย. ที่ จ.นครราชสีมา ว่าเป็นการประชุมวาระทั่วไป ทั้งการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคแทนที่ว่าง รวมถึงงบการเงิน แต่ไม่มีการเปิดตัวนายกรัฐมนตรีเหมือนพรรคเพื่อไทย (พท.) เพราะพรรคเรามีนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วคือ พล.อ.ประยุทธ์ เราทำงานอยู่แล้ว นโยบายมีอยู่แล้ว ก็ขับเคลื่อนได้ คงไม่ต้องเปิดอะไรให้หวือหวา เพราะเราเปิดตัวทุกวัน

“การที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าหวั่นไหว เป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว ไม่ตื่นเต้นอะไร พรรคเพื่อไทยเป็นของนายทักษิณ ชินวัตร ก็ส่งลูกสาวท่านมาคุมพรรค” นายชัยวุฒิกล่าว   

เช่นเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) เผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่งถึงเรื่องที่นายทักษิณส่ง น.ส.แพทองธารมาเดินเกมการเมืองหวังจะเป็นนายกฯ หญิงว่า อย่ากังวลใจว่ามันจะเป็นสงครามกลางเมือง ให้นึกว่าเป็นธรรมชาติ ธรรมดาของการเมืองมันจะกลายเป็นศึกชิงแผ่นดินของตระกูลชิน ไม่ต้องไปวิตกกังวลมาก  เพราะเราเคยรู้เห็นประสบกันมาแล้วว่าระบอบทักษิณทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างไร

 “ผมไม่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการหรือตามความฝันของคุณทักษิณ เพราะสถานการณ์มันเปลี่ยนไปมากแล้ว ความคิดเห็นของคนก็เปลี่ยนไปแล้ว คุณทักษิณก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการทำตลาดทางการเมือง เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการสื่อสารของโลกยุคใหม่ แต่วันนี้คนอื่นๆ ฝ่ายอื่นๆ ก็รู้เท่าทัน ความก้าวหน้าทางด้านการสื่อสารในโลกยุคใหม่ ประชาชนทุกฝ่ายได้รับข้อมูลข่าวสารพร้อมๆ กันเร็วเท่ากัน มีการวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความรู้กัน เพราะฉะนั้นทุกคนก็รู้ข้อเท็จจริงมากพอๆ กัน หลอกไม่ง่าย เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนที่คุณทักษิณเคยทำ ผมไม่รู้สึกกังวลใจ” นายสุเทพกล่าว

ประธาน มปท.ยืนยันด้วยว่า จนถึงขณะนี้ยังคงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ นำประเทศไปสู่ความสงบเรียบร้อย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์มีความปรารถนาดี มีความตั้งใจดีที่จะทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน

ที่พรรคเพื่อชาติไทย นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย กล่าวว่า ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก 3 ท่าน เพื่อทาบทามเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค เป็นนายทหาร 2 ท่าน และพลเรือน 1 ท่าน และ 1 ใน 3 ตอบตกลง ซึ่งพรรคขออุบไว้ก่อนไว้ หลังสงกรานต์หรือต้นเดือนพ.ค.65 จะมีเซอร์ไพรส์การเปิดตัวอีกที

อย่างไรก็ดี วันนี้พรรคเพื่อชาติไทยได้เปิดตัว พล.อ.อ.ดิลก ชัยนเรศ นั่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติไทย ซึ่งเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 รุ่นเดียวกับพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี 

ที่พรรคเศรษฐกิจไทย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ครั้งที่ 3/2565 โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ยังมีสมาชิกพรรค อาทิ นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ, นายปีเตอร์ ไมอ๊อกซิ ดารานักแสดง  ตลอดจนนายอัมรินทร์ คอมันตร์ นักธุรกิจระหว่างประเทศที่มีบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายเติมตระกูล กมลวิศิษฏ์ บุตรชายนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมด้วย 

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ได้แก่ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์, นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และนายไพร  พัฒโน, ที่ปรึกษาได้แก่นายอัมรินทร์ คอมันตร์ และนายอร่าม โล่ห์วีระ ส่วนผู้ช่วยนายทะเบียน นายธนสาร ธรรมสอน และนายสุธี พงษ์เพียรชอบ, ผู้ช่วยเหรัญญญิก นางนุชนารถ วงศ์ปาลิต, พ.ต.ท.ปฐม นาคะเสงี่ยม ขณะที่นายไผ่  ลิกค์, นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข เป็นรองเลขาธิการพรรค นอกจากนี้ ยังเลือกผู้แทนภาคในภาคต่างๆ เพื่อรับผิดชอบงานของพรรคในภาคทั้งหมด พร้อมกันนี้ยังมีมติให้นายสะถิระ  เผือกประพันธุ์ ส.ส.เขต 8 จ.ชลบุรี พรรคเศรษฐกิจไทย ทำหน้าที่เป็นโฆษกพรรคต่อไป

มีรายงานว่า ที่ประชุมพรรคยังพูดคุยหารือถึงการกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค การเตรียมการเลือกตั้ง    การแบ่งเขตเลือกตั้ง การเตรียมการคัดสรรผู้สมัครรับเลือกตั้ง การกำหนดแนวทางของพรรค กรณีการเลือกตั้งท้องถิ่นรูปแบบพิเศษกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจนเสร็จสิ้นการประชุม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอเชิด’ สะกิดเตือน ‘เศรษฐา’ หมอคุมยาก เปลี่ยนตัว ‘รมว.สธ.’ เกิดปัญหาแน่

‘หมอเชิด’ แนะ’เศรษฐา’ฟังเสียงสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคนที่ยกมือให้ด้วย พร้อมระบุหมอควบคุมยาก เปลี่ยนตัวรมว.สธ.เกิดปัญหาแน่

‘เศรษฐา’ ลุยสวน ชิมทุเรียน 3 สายพันธุ์

เมื่อเวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางด้วยรถยนต์อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ถึงสวนนวลทองจันทร์ ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการผลิตทุเรียนคุณภาพปลอดภัยมูลค่าสูง และรับฟังปัญหาจากเกษตรกร