โฆษกศาลแจง ตบหน้าทั่นโรม ต้นตอหมายจับ

โป๊ะแตก! ศาลแจงไทม์ไลน์ยิบต้นตอผู้พิพากษาออกหมายจับ “ทั่น ส.ส.รังสิมันต์” ระบุชัดพฤติกรรมส่อไปในทางบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ มีแนวโน้มว่าจะหลบหนี เพราะสารพัดอ้างติดประชุม แต่ความจริงไม่มี 

เมื่อวันศุกร์ นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ได้ชี้แจงขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคำร้องขอให้ศาลอาญาตลิ่งชันออกหมายจับนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งถูกพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณามูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ว่าเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2564 พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายจับนายรังสิมันต์ โดยอ้างเหตุผู้ต้องหาไม่พบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก 2 ครั้ง คือในวันที่ 15 ต.ค.2564 และวันที่ 26 ต.ค.2564 ซึ่งศาลอาญาตลิ่งชันไต่สวนผู้ร้องแล้วเห็นว่าในวันดังกล่าวยังไม่มีเหตุออกหมายจับ เนื่องจากผู้ต้องหาติดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค.2564 จึงมีเหตุผลที่ผู้ต้องหาไม่อาจไปพบพนักงานสอบสวนได้ มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอออกหมายจับ

นายสรวิศชี้แจงอีกว่า ต่อมาวันที่ 5 มี.ค.2565 พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ครั้งที่ 2 โดยอ้างเหตุผู้ต้องหาไม่มาพบตามหมายเรียก ศาลไต่สวนผู้ร้องแล้ว เห็นว่าในขณะที่ออกหมายเรียกยังอยู่ในสมัยประชุมรัฐสภาอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้ไปพบผู้ร้องในวันนัด จึงไม่เป็นการขัดหมายเรียก จึงให้ยกคำร้องขอออกหมายจับ และต่อมาวันที่ 14 มี.ค.2565 พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอออกหมายจับครั้งที่ 3 โดยอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในวันที่ 11 มี.ค.2565 ศาลไต่สวนพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบพยานเอกสารคำร้องขอความเป็นธรรมของนายรังสิมันต์ ที่ยื่นต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้วนัดให้ฟังมีคำสั่งวันที่ 15 มี.ค.

โฆษกศาลยุติธรรมระบุต่อว่า วันที่ 15 มี.ค. ศาลอาญาตลิ่งชันมีคำสั่งให้ออกหมายจับผู้ต้องหา เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานจากการไต่สวนว่าผู้ร้องยืนยันว่าได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้จนเสร็จสิ้นแล้วเห็นควรสั่งฟ้องนายรังสิมันต์ ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็เห็นควรสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2564 และต้องการนำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนสอบสวนส่งพนักงานอัยการอันเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย จึงออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ลงวันที่ 6 ต.ค.2564 ให้ไปพบในวันที่ 15 ต.ค.2564 แต่ในวันที่ 15 ต.ค. ผู้รับมอบอำนาจผู้ต้องหาได้มาแจ้งเหตุขัดข้องว่าติดประชุมพรรค ก.ก.ขอเลื่อนการเข้าพบเป็นวันที่ 26 ต.ค.2564 ผู้ร้องจึงออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ลงวันที่ 14 ต.ค.2564 ให้ไปพบในวันที่ 26 ต.ค.2564 แต่เมื่อถึงวันที่ 25 ต.ค.2564 ผู้รับมอบอำนาจผู้ต้องหาได้มาแจ้งเหตุขัดข้องว่าผู้ต้องหาติดประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการ ทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ... ขอเลื่อนวันเข้าพบไปก่อน ผู้ร้องจึงโทรศัพท์ไปหาทนายความของผู้ต้องหาเพื่อให้สอบถามผู้ต้องหาว่าจะมาพบผู้ร้องได้เมื่อไร ทนายความแจ้งว่าจะมาพบในวันที่ 3 พ.ย.2564 แต่ก็ไม่ได้มาตามที่นัดจนผู้ร้องได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งล่าสุดลงวันที่ 5 มี.ค.2565 ให้ไปพบในวันที่ 11 มี.ค.2565 แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้มาพบผู้ร้องตามหมายเรียก โดยเพียงแต่ให้ผู้รับมอบ อำนาจมาแจ้งเหตุขัดข้องว่าผู้ต้องหาติดประชุม กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ขอเลื่อนวันเข้าพบผู้ร้องเป็นวันที่ 31 มี.ค. 2565 พร้อมแนบหลักฐานของคณะทำงานของ กมธ. แต่ผู้ร้องได้ตรวจสอบในเว็บไซต์ กมธ.ไม่พบว่ามีการนัดประชุมในวันที่ 11 มี.ค.2565   

“ศาลจึงเห็นว่าข้อกล่าวอ้างของผู้ต้องหาที่ไม่มาพบผู้ร้องในวันที่ 11 มี.ค. ตามหมายเรียกโดยอ้างเหตุว่าติดประชุมไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากไม่ปรากฏรายละเอียดที่แสดงว่าผู้ต้องหาติดประชุมในวันดังกล่าว และส่อไปในทางบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ เพื่อไม่มาตามหมายเรียก ถือว่าเป็นการไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรและให้สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงเป็นกรณีที่มีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญา และมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีไม่ยอมมาพบผู้ร้องตามหมายเรียก จึงอนุญาตให้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามขอ และเมื่อจัดการตามหมายจับได้แล้วให้ส่งบันทึกการจับกุมต่อศาลภายใน 7 วัน”

 ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.2565 นายรังสิมันต์มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกรณีการขอออกหมายจับยื่นถึงอธิบดีผู้พิพากษาตลิ่งชัน ซึ่งอธิบดีผู้พิพากษาพิจารณาทุกประการแล้วเห็นว่าพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอให้ออกหมายจับเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ศาลได้ไต่สวนพยานบุคคล พยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งพยานเอกสารคำร้องขอความเป็นธรรม แล้วมีคำสั่งในวันที่ 15 มี.ค.2565 ให้ออกหมายจับตามคำขอ

นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ขอแรงประชาชนให้ช่วยกันตามผู้พิพากษาเจ้าของลายเซ็นที่ลงนามออกหมายจับตนเอง  ว่านี่คือเกมล่าแม่มดบนโลกออนไลน์ ขอให้นายรังสิมันต์หยุดปลุกปั่น คุกคามศาล  เพราะไม่เพียงทำลายความน่าเชื่อถือของศาลยุติธรรม แต่ยังเป็นการคุกคามผู้ทำหน้าที่ตุลาการ หนึ่งในอำนาจสามเสาหลักของประชาธิปไตย   

วันเดียวกัน ที่ศาลแขวงจังหวัดขอนแก่น ได้อ่านคำพิพากษาระหว่างพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น กับจำเลยประกอบด้วย นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที, นายชัยธวัช รามมะเริง และนายเชษฐา กลิ่นดี ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) จากการทำกิจกรรมเชิญธงชาติลงจากยอดเสา และนำธงสีแดงเขียนข้อความว่าปฏิรูปกษัตริย์ชักขึ้นยอดเสา เมื่อเดือน ก.พ.2565 ซึ่งศาลมีคำพิพากษาลงโทษตามมาตรา 45 ของ พ.ร.บ.ธง ซึ่งโทษหนักที่สุด แต่เนื่องจากจำเลยยังเป็นนักศึกษา ไม่เคยมีโทษ มาก่อน ศาลจึงมีคำสั่งรอการกำหนดโทษ 2 ปี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์