สอบ3นิ้วโยงบึ้มร.1รอ. ตร.คุม‘บุ๊ก-แรปเปอร์’ฝากขังหญิงอายุ20ปาระเบิดปิงปอง

ตำรวจคุม “หนุ่มนักร้องเพลงแรป” พร้อมพวก สอบโยงปาบึ้ม ร.1 รอ. ที่ตั้งบ้านพักนายกฯ หรือไม่  หลังกลับจากร่วมชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำระเบิดปิงปองหล่นใส่ตัวเองบาดเจ็บย่านคลองเตย “ธนกร” เผย "บิ๊กตู่” ไม่มีข้อสั่งการพิเศษปล่อย ตร.ดำเนินคดี “เลขาฯ สมช.” แย้มเหตุระเบิดหน้า ร.1 รอ.มีหลายประเด็นน่าสนใจ  “เทพไท” วอนเสื้อแดงหยุดสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งรอบใหม่

ความคืบหน้าเหตุคนร้ายขว้างระเบิดปิงปองใส่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.)  ถนนวิภาวดีรังสิต จำนวน 2 นัด โดยระเบิดข้ามเข้าไปตกบริเวณสนามหญ้าตรงข้ามกองรักษาการณ์ ซึ่งด้านในเป็นบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ช่วงเวลาประมาณ 19.50 น.ของวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นพบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ 1 คัน มีผู้ขับขี่ 1 คน ผู้ซ้อนท้าย 1 คนนั้น

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) เดินทางไปที่ สน.บางซื่อ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว

พล.ต.ต.อรรถพลกล่าวว่า ในรายละเอียดของคดียังไม่ขอเปิดเผย โดยเฉพาะเรื่องพยานหลักฐาน หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 เม.ย.) เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (พฐ.) และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) ได้เข้าไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือสามารถจับกุมตัวนายธนายุทธ หรือบุ๊ก (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาครอบครองระเบิด พร้อมเพื่อนชาย 1 คน และผู้หญิงอีก 1 คน ภายหลังทำระเบิดปิงปองหล่นจนเกิดระเบิดได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินกลับบ้านพักภายในชุมชนร่มเกล้า แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นนายธนายุทธยอมรับว่าระเบิดที่หล่นเป็นของตัวเอง และยังมีระเบิดซุกซ่อนอยู่ในบ้านอีก

 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพักของนายธนายุทธ พบประทัดลูกบอล 164 ลูก ไข่ก๊อง 8  ลูก พลุควัน 1 ลูก ระเบิดควันสีดำ 22 ลูก จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดบริเวณประตู ร.1 รอ.ได้เข้าสอบสวนผู้ต้องหารายนี้ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่

พ.ต.อ.ดนุภัทร ขวัญพสุมนต์ ผกก.สน.ท่าเรือ กล่าวว่า จากการสอบปากคำนายธนายุทธยอมรับเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ได้ไปร่วมชุมนุมทางการเมืองที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนจะเดินทางกลับบ้านพักย่านคลองเตย  ซึ่งระหว่างทางผ่าน ร.1 รอ. แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดดังกล่าว และไม่ได้เป็นผู้ขว้างระเบิดปิงปองเข้าไปด้านในพื้นที่เขตพระราชฐาน

จากการตรวจสอบประวัตินายธนายุทธ ไม่เคยมีประวัติหรือพฤติกรรมในการใช้อาวุธรุนแรง มีเพียงประวัติการชุมนุมทางการเมือง และยังเป็นแกนนำที่มักจะไปร่วมงานชุมนุมในฐานะนักร้องเพลงแรป คอยร้องเพลงให้ผู้ชุมนุมฟัง นอกจากนี้ยังเป็นเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามอยู่เช่นเดียวกัน

 “จะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเปิดที่บริเวณหน้าประตู  ร.1 รอ.หรือไม่นั้น ต้องรอการสอบสวนขยายผลและตรวจสอบกล้องวงจรปิด ว่ามีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกันมากน้อยเพียงใด รวมไปถึงหลักฐานทางกองพิสูจน์หลักฐาน ในการตรวจเขม่าดินปืนและรอยนิ้วมือ รวมไปถึงหลักฐานแวดล้อมอื่นๆ ด้วย” ผกก.สน.ท่าเรือระบุ

นายอาทร อยู่สมบูรณ์ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งมาเป็นทนายให้นายธนายุทธ กล่าวว่า นายธนายุทธถูกควบคุมตัวและถูกแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง แต่ข้อเท็จจริงพบเป็นแค่พลุและระเบิดควันเท่านั้น ส่วนที่เกิดระเบิดที่ ร.1 รอ. นายธนายุทธปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวข้อง

ในช่วงค่ำ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอฝากขังครั้งที่ 1 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ น.ส.ปฏิมา ฝากทอง อายุ 20 ปี  ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น พาอาวุธเข้าไปในเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 221, 371

กรณีกล่าวหาเมื่อวันที่ 10 เม.ย.65 ภายหลังเลิกจากการรวมตัวชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ผู้ต้องหากับพวกขี่รถจักรยานยนต์มาทาง ถ.วิภาวดีฯ มุ่งหน้าไปทางแยกสุทธิสาร แล้วเกิดระเบิดโดยระเบิดปิงปอง  บริเวณประตู ร.1 รอ. จำนวน 2 นัด ระเบิดข้ามเข้าไปตกบริเวณสนามหญ้า ตรงข้ามกองรักษาการณ์

ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยพนักงานสอบสวนขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-22  เม.ย.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 7 ปาก และรอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง  ประกอบกับผู้ต้องหาไม่มีอาชีพใด หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี

ศาลพิจารณาคำร้องและเหตุจำเป็นแล้วอนุญาตฝากขังได้ ต่อมาเมื่อครบเวลาไม่ปรากฏมีผู้ใดยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมไปยังเรือนจำต่อไป

โดยมีรายงานว่า นายธนายุทธ ณ อยุธยา อายุ 20  ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับที่ สน.ท่าเรืออีกรายหนึ่ง พนักงานสอบสวนบางซื่อจะยื่นฝากขังในวันที่ 12 เม.ย.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์รับทราบรายงานช่วงค่ำ (10 เม.ย.) ถึงเหตุปาระเบิดปิงปองบริเวณประตู ร.1 รอ. จำนวน 2 นัด ตกบริเวณสนามหญ้า ตรงข้ามกองรักษาการณ์ดังกล่าว ซึ่งนายกฯ ไม่มีความคิดเห็นต่อเหตุการณ์และไม่มีข้อสั่งการพิเศษใดๆ  มอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป

“ช่วงวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์นี้ ท่านนายกรัฐมนตรียังคงทำงานติดตามสถานการณ์อยู่ที่บ้านพัก   เพื่อให้คำแนะนำหรือข้อสั่งการหากมีความจำเป็นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ส่วน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ได้รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ซึ่งได้มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจะมาจากสาเหตุใดต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า  เพราะมีหลายประเด็นที่น่าสนใจอยู่

ถามว่า มีประเด็นอะไรบ้างที่บอกว่าน่าสนใจ  เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า ตอบไม่ได้ คาดเดาไปเดี๋ยวจะมีปัญหาได้ เอาเป็นว่ารอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้เสร็จสิ้นก่อนดีกว่า เพราะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช  พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "เห็นภาพการเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดงบางคน ที่ฉวยโอกาสใช้วันที่ 10 เมษายน จัดกิจกรรมรำลึกคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต  และใช้โอกาสนี้เคลื่อนไหวทางการเมือง รื้อฟื้นความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการนำเอาเหตุการณ์ความขัดแย้งในอดีตขึ้นมาขยายผลและตอกย้ำสร้างเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งของสังคมขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ความรู้สึกของผู้คนในสังคมกำลังจะคลี่คลายสลายสีเสื้อให้หมดสิ้นจากสังคมไทยไปแล้ว และสังคมก็ไม่อยากจะเห็นความขัดแย้งทางการเมือง หรือการชุมนุมทางการเมืองบนท้องถนน แบบปักหลักพักค้างแรมเดือนแรมปีเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นการทำลายเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติจากประชาคมโลก แต่จนบัดนี้ก็ยังมีกลุ่มคนที่พยายามเคลื่อนไหวแบ่งแยกประชาชน โดยสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งของสังคมให้เกิดขึ้นอีก"

นายเทพไทระบุอีกว่า "บ้านเมืองควรจะก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมือง และกลุ่มคนที่เป็นแกนนำ หรือหัวโจกของขบวนการขัดแย้ง ก็ควรจะทบทวนบทบาทของตัวเอง  ไม่ควรปลุกระดมสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นระหว่างคนในชาติอีก มีแกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดงในอดีตหยิบฉวยเอาเหตุการณ์คนเสื้อแดงเสียชีวิตมาเคลื่อนไหว เหมือนกับการแก้ตัว แก้เกี้ยวที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในการนำผู้คนมาเสียชีวิต โดยพยายามโยนความผิดไปยังรัฐบาลในยุคนั้น  ทั้งที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และอยากให้ทุกฝ่ายได้เคารพกระบวนการยุติธรรม ยึดคำพิพากษาของศาลเป็นข้อยุติ การที่แกนนำบางคนพยายามเคลื่อนไหวในตอนนี้ ก็เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง และปฏิเสธความรับผิดชอบการเป็นผู้นำการชุมนุมของตัวเอง ในข้อกล่าวหาพาคนไปตาย และเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งเป็นชนักติดตัวจนถึงทุกวันนี้"

 “ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้ยุติการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคมให้เกิดขึ้นมาอีก ขอให้ร่วมกันผลักดันให้สังคมไทยเดินหน้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง  ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมาก็ควรจะปล่อยวาง กลุ่มบุคคลที่เป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งก็ควรที่จะยุติบทบาทการเคลื่อนไหว ปล่อยให้สังคมขับเคลื่อนไปเอง ด้วยแนวทางและวิถีทางประชาธิปไตยจะดีที่สุด” นายเทพไทระบุ

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "​แกนนำไพร่ยุให้คนเผาบ้านเผาเมือง เมื่อนายของไพร่ได้เป็นนายกฯ ไพร่ได้เป็นอำมาตย์ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี ทั้งๆ ที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยที่เหมาะกับตำแหน่ง ยังสะเออะออกมาจัดงานรำลึกการกระทำของตนเอง มันคือการประจานตัวเองว่ามี DNA ที่นิยมความรุนแรง ทำลายโอกาสของประเทศชาติ".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง