สกลธีแก้จราจร เล็งโอนให้กทม. รสนาเปิดกุนซือ

"ชัชชาติ" ตั้งเป้าพัฒนาทางเดินเท้าคุณภาพกว่า 1,000 กม.ทั่ว กทม. "สุชัชวีร์” ย้ำจุดยืนต่อต้านการคุกคามทางเพศ ลั่นทำกรุงเทพฯ ให้เป็นตัวอย่าง "สกลธี” เล็งโอนอำนาจการจัดการจราจรจาก ตร.มาให้ กทม.เบ็ดเสร็จ แกนนำ พปชร.มั่นใจคว้าที่นั่ง ส.ก.มากที่สุด  "รสนา" เปิดทีมที่ปรึกษา 5 ด้านหากได้เป็นผู้ว่าฯ "บิ๊กเนม"  เพียบ

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ต่างลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กลุ่มอิสระ หาเสียงบริเวณตลาดสะพานสองและตลาดโชคชัย 4  เขตลาดพร้าว พร้อมสำรวจทางเท้าโดยรอบตลาดริมถนนลาดพร้าว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง  ซึ่งระหว่างเดินสำรวจพบปัญหาผิวทางเท้าขรุขระ แผ่นกระเบื้องไม่แน่น มีสิ่งปลูกสร้างและป้ายจราจรกีดขวาง คนแก่และคนพิการใช้งานไม่สะดวก สายสื่อสารไม่เป็นระเบียบ ทางม้าลายไม่ปลอดภัย และปัญหาความสะอาด พร้อมกับเสนอนโยบายเดินทางดี เพื่อพัฒนาทางเดินเท้าที่มีคุณภาพ

นายชัชชาติกล่าวว่า ทางเท้าเป็นปัญหาเรื้อรังของกรุงเทพฯ จากข้อมูลทีมเพื่อนชัชชาติตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 พบการร้องเรียนเรื่องทางเท้ากว่า 150 จุด จึงมีนโยบายกรุงเทพฯ เดินได้ พัฒนาทางเดินเท้าคุณภาพ 1,000 กิโลเมตร (กม.) เป้าหมาย  1,000 กม. ถือว่าไม่เยอะและดำเนินการได้จริง ถ้าหากเฉลี่ยรายเขต 50 เขต แต่ละเขตจะพัฒนาขั้นต่ำเพียง  20 กม.เท่านั้น ต้องเลือกให้ความสำคัญจากทางเท้าที่มีการใช้งานหนาแน่นและได้รับการร้องเรียนบ่อยครั้งเป็นลำดับแรก และพัฒนาให้สอดคล้องกับแต่ละบริบทและการใช้งานของแต่ละพื้นที่

"ทางเท้าที่มีคุณภาพต้องออกแบบให้คนทุกกลุ่มสามารถใช้งานได้ ผ่านมาตรฐานการก่อสร้างที่แข็งแรงคงทน ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างหรือซ่อมแซมไม่นานเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ริมทางให้ร่มเงาจากการดูแลโดยรุกขกรมืออาชีพ  เมื่อทางเท้าดีสุดท้ายคนจะออกมาเดินมากขึ้น สุดท้ายก็จะมีผลดีกับเศรษฐกิจ จากนั้นเราก็จะควบคุมความปลอดภัยบนท้องถนน ปรับปรุงทางม้าลาย จำกัดความเร็วรถบนถนน ทุกอย่างต้องเชื่อมโยงกันทั้งระบบ” นายชัชชาติกล่าว

วันเดียวกัน นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ตลาดเสรีมาร์เก็ต ห้างพาราไดซ์ปาร์ก พบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายซื้อของ โดยนายสุชัชวีร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสกดดันให้กรรมการบริหารพรรค ปชป.ลาออก เพื่อสร้างความมั่นใจในนโยบายไม่คุกคามทางเพศว่า ตรงนี้เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะตัดสินใจ แต่ยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค เป็นเรื่องที่สะเทือนใจทุกคน ซึ่งตนก็ตกใจและสะเทือนใจมาก และตนมีจุดยืนชัดเจนว่าต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศและความรุนแรงทุกรูปแบบ และตั้งใจว่าหากเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าในหน่วยงาน กทม. ถ้ามีการล่วงละเมิดทางเพศไม่ว่าในระดับไหน จะถือเป็นความวินัยผิดร้ายแรง โดยให้เริ่มที่ กทม.เป็นหน่วยงานแรก ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าจะไม่ยอมเรื่องเหล่านี้

"ผมเดินลงพื้นที่ทุกวัน แสดงความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนเห็นว่า หากเลือกตนเข้ามาทำงานจะได้เห็นผู้ว่าฯ ที่ทำงานหนักสุดๆ จริงๆ และไม่ท้อต่อเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น จะเป็นตัวแทนในการดูแลความเรียบร้อยของ กทม.ให้ครบทุกมิติ เปลี่ยนชีวิตคน กทม. หยุดปัญหาซ้ำๆ"

นายสุชัชวีร์กล่าวถึงนโยบายให้ขายของบนทางเท้าได้ว่า หากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ทางเท้าต้องเรียบสนิท ต้องสะอาด มีถังขยะรองรับในพื้นที่ที่เหมาะสม และจะมีการบริการก๊อกน้ำประปาฟรีทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนรวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าได้ใช้ เพื่อความสะดวกสามารถล้างมือได้ แต่อย่างไรก็ตามกรุงเทพฯ จะต้องอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย จุดไหนที่สามารถให้ค้าขายได้ก็อนุโลมให้ แต่พื้นที่ไหนที่ขายไม่ได้ เช่นบริเวณทางขึ้นลง ติดทางข้าม ก็ไม่สามารถอนุญาตให้ขายได้

ด้านนายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.กลุ่มอิสระ กล่าวระหว่างลงพื้นที่ถนนรองเมือง สามย่าน ว่า วันนี้นอกจากจะมาพบประชาชนเพื่อหาเสียงแล้ว ตนยังมาดูการจราจรบนถนนรองเมือง เขตปทุมวัน ซึ่งได้รับการร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง เป็นสถานที่ที่มีความแออัดและการจราจรติดขัด เนื่องจากมีรถจอดริมข้างทางซึ่งทำให้กีดขวางการจราจร

"ตรงละแวกนี้มักได้รับร้องเรียนเรื่องสิ่งกีดขวางการจราจร เพราะมีรถจอดริมถนน รวมถึงรถขนส่งต่างๆ ที่จะมาจอดรถเพื่อขนส่งสินค้าในช่วงเช้า และทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัดและกลายเป็นปัญหา ซึ่งคิดว่าในอนาคตอันใกล้ควรจะมีการโอนและการบังคับใช้เกี่ยวกับจุดห้ามจอดต่างๆ มาที่ กทม.โดยเบ็ดเสร็จ เพราะจะทำให้ กทม.สามารถกวดขันบังคับใช้ได้มากขึ้น เพราะถึงแม้ตอนนี้จะทำได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีการลักลั่นกันอยู่ระหว่าง กทม.กับตำรวจจราจร”​ นายสกลธีกล่าว

นายสกลธีกล่าวด้วยว่า ตนยังมีแนวคิดจะส่งเสริมพื้นที่ว่างเปล่าที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่นพื้นที่ใต้ทางด่วน ที่จะเจรจากับการทางพิเศษฯ เพื่อขอใช้พื้นที่ตามโครงการ คือทำเป็นลานกีฬา หรือโคเวิร์กกิงสเปซ ให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่มาใช้ประโยชน์ได้ โดยโคเวิร์กกิงสเปซที่ว่าอาจจะไม่ต้องหรูหรา แต่ทำเป็นพื้นที่ทำงานได้  หรืออาจใช้ตู้คอนเทนเนอร์แบบฮิปๆ ที่วัยรุ่นชอบ จัดหา  WiFi และเครื่องอำนวยความสะดวกให้เขา เป็นพื้นที่ให้เขามาใช้สมองและระดมความคิดในการทำงานร่วมกัน

ขณะที่นายอภิชัย เตชะอุบล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพ (ส.ก.) พร้อมด้วย น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ รองโฆษกศูนย์การเลือกตั้ง ส.ก.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ช่วยนายมินทร์ ลักษิตานนท์ ผู้สมัคร  ส.ก.เขตจอมทอง เบอร์ 5 หาเสียง โดยนั่งเรือไฟฟ้าต้นแบบลดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม ล่องไปตามเส้นทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ชุมชนวัดใหม่ยายนุ้ย, วัดราชโอรส,  สวนลิ้นจี่ 100 ปี ที่มีลิ้นจี่บางขุนเทียนได้ขึ้นทะเบียน  GI ของ กทม. ซึ่งเป็นต้นแบบแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังเขตจอมทอง

นายอภิชัยกล่าวว่า การหาเสียงตลอดเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรค พปชร.ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี เพราะผู้สมัครของพรรคทั้ง 50 เขตเดินหน้าลงพื้นที่ขอโอกาส ขอคะแนนเสียงต่อเนื่องทุกวัน ที่สำคัญผู้สมัครของพรรคล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีทั้งอดีต ส.ก.ที่มีประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในการที่จะเข้ามาดูแลประชาชน  พร้อมที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้ชุมชนต่างๆ ตามแนวนโยบายของพรรค ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาการเดินทางของคนกรุงเทพฯ ปัญหาเรื่องการทำมาหากิน การค้าขาย  เรื่องสภาพแวดล้อม การเพิ่มพื้นสีเขียว การเข้าถึงการบริการภาครัฐ ความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ ที่อยู่อาศัย  ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงมั่นใจว่าจะคว้าชัยชนะได้มากที่สุดแน่นอน

ส่วน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครรับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 7 โพสต์รายชื่อคณะที่ปรึกษา หากได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีทั้งหมด 5  ด้าน ดังนี้ 1.ด้านการยกระดับคุณภาพการศึกษา รศ.ดร.อุทัย ดุลยเกษม อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปการ, นายสัญญา มัครินทร์ นักการศึกษาแบบบูรณาการและออกแบบกระบวนการเรียนรู้, นายพิภพ ธงไชย เลขาธิการอาสามูลนิธิเด็ก, นางรัชนี ธงไชย ผู้อํานวยการโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก 

  2.ด้านพัฒนาสังคมและความปลอดภัย นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา โครงการบ้านมั่นคง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ อ.ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม (CivicNet) ดร.ศุธาฎา เมฆาวงศกุล นักนโยบายสาธารณะและธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน 3.ด้านแก้ปัญหาปากท้องและสวัสดิการ ผศ.ประสาท มีแต้ม  นักสิทธิผู้บริโภคและพลังงาน ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ นางปาริฉัตร เหล่าธีระศิริวงศ์ กรรมการกองทุนสงเคราะห์ กระทรวงศึกษาธิการ

 4.ด้านดูแลสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ นายเดชา ศิริภัทร หมอพื้นบ้านและประธานมูลนิธิข้าวขวัญ นพ.กุศล  ประวิชไพบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักขับเคลื่อนจริยธรรมแพทย์ พทป.แวสะมิง แวหมะ (หมอแวร์)  สมาคมแพทย์อายุรเวชแผนไทยประยุกต์ 5.ด้านปฏิรูประบบคมนาคมผังเมือง รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ วิศวกรไฟฟ้าระบบ Smart Grid นายสังวรณ์ พุ่มเทียน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ (กสท โทรคมนาคม)  นายชูชาติ ศุภวรรธนางกูร นักชลประทานและการบริหารจัดการน้ำ นายพิสิษฐ์ พิบูลย์ศิริ นักชลประทานและการบริหารจัดการน้ำ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง