แย่งเก้าอี้ปธ.สภากทม. ‘น้องเหลิม’ประกาศจอง-ก.ก.รวมเสียงวัดพลัง/‘บิ๊กตู่’ปัดโยงรบ.

คนกรุงเทพฯ ออกมาใช้สิทธิ์ 60.73% “ชัชชาติ” นำโด่งกวาดคะแนน 1.3 ล้านเสียง ลงพื้นที่คลองลาดพร้าวร่วมกับว่าที่ ส.ก.ก้าวไกล-เพื่อไทยทันควัน หวังแก้ปัญหาน้ำท่วมใน 4 เขต บอกเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ทำเพื่อคน กทม. “พท.-ก.ก.” เริ่มวางเกมชิงเก้าอี้ประธานสภา กทม.แล้ว เพื่อไทยอ้างได้ 20 เก้าอี้ต้องคั่วตำแหน่ง  “น้องเหลิม” ประกาศจองแต่ไก่โห่ “ก้าวไกล” หวังรวบเสียงวัดพลัง ขณะที่ "บิ๊กตู่” ฉุนถูกถามผลคะแนนแลนด์สไลด์  ปัดไม่เกี่ยวเรตติง รบ.-คะแนนนิยม บอกให้ดูต่อไปจะดีขึ้นไหม “แม้ว” โผล่วิเคราะห์ชี้ผลเลือกตั้งสะท้อน 3 ป.หมดสภาพขายไม่ออก เชื่อเลือกตั้งใหญ่ซ้ำรอยแน่

เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) อย่างไม่เป็นทางการว่า  มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 4,402,948 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์  2,673,696 คน หรือ 60.73% บัตรดี 2,561,447 ใบ คิดเป็น 95.80% บัตรเสีย 40,017 ใบ คิดเป็น 1.50% ไม่เลือกผู้ใด  72,227 ใบ คิดเป็น 2.70%

ทั้งนี้ ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ 100% ผลปรากฏว่า อันดับ 1 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  สมัครในนามอิสระ 1,386,215 คะแนน อันดับ 2  นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  254,723 คะแนน อันดับ 3 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร  พรรคก้าวไกล (ก.ก.) 253,938 คะแนน อันดับ 4 นายสกลธี ภัททิยกุล สมัครในนามอิสระ 230,534 คะแนน  อันดับ 5 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สมัครในนามอิสระ  214,805 คะแนน อันดับ 6 น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมัครในนามอิสระ 79,009 คะแนน อันดับ 7 น.ต.ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย 73,826 คะแนน อันดับ  8 นายวีรชัย เหล่าเรืองวัฒนะ สมัครในนามอิสระ  20,750 คะแนน อันดับ 9 พ.ท.หญิง ฐิฏา รังสิตพล  มานิตกุล สมัครในนามอิสระ 19,859 คะแนน และอันดับ 10 น.ส.วัชรี วรรณศรี สมัครในนามอิสระ  8,280 คะแนน

ส่วนผลคะแนนเลือกสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร  (ส.ก.) มีผู้มาใช้สิทธิ์ 2,624,731 คน คิดเป็น  60.49% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทย  (พท.) ได้ 20 ที่นั่ง พรรค ก.ก. 14 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 9  ที่นั่ง กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 3 ที่นั่ง พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) 2 ที่นั่ง และพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) 2 ที่นั่ง

ด้านความเคลื่อนไหวของนายชัชชาติ ว่าที่ผู้ว่าฯ  กทม. ในเวลา 05.30 น.ออกเดินและวิ่งออกกำลังกายที่สวนลุมพินี โดยระบุว่าการมาวิ่งที่สวนลุมพินีเป็นวิถีชีวิตปกติ เป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่อยากเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อเปลี่ยนเมือง เนื่องจากมาเจอเพื่อนและได้ใช้พื้นที่สาธารณะพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ขณะเดียวกันได้รับการสนับสนุนจากชมรมนักวิ่งตามสวนต่างๆ ในกรุงเทพฯ

เมื่อถามถึงความพร้อมในการทำงานผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติตอบว่า เตรียมชุดไปทำงานได้เลยทันที เมื่อประชาชนสั่งไปทำงานก็ต้องทำงานที่ดี คาดว่าวันนี้อาจเดินทางไปลงพื้นที่ว่าจุดไหนมีปัญหาอะไรบ้าง ทีมงานของตนเองเป็นคนรุ่นใหม่และมีพลัง และขอขอบคุณคะแนนเสียงกว่า 1.3 ล้านคะแนน เป็นกำลังใจที่ก้าวเดินต่อไป  แต่อย่ายึดติดมากกับคะแนน สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อดูแลคน กทม. 6 ล้านคนอย่างเท่าเทียมกัน

 “3 สิ่งแรกที่จะทำทันทีคือ การหารือกับข้าราชการ  กทม. เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายของผม ต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่ต้องแก้ไข และปัญหาปากท้องประชาชน” นายชัชชาติกล่าว

ชี้การเมืองใหญ่ต้องปรับกลยุทธ์

เมื่อถามถึงการเลือกตั้ง กทม.จะส่งสัญญาณไปถึงการเมืองใหญ่หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่อยากให้มองไปไกลถึงขั้นนั้น ไม่อยากให้แบ่งขั้วการเมืองว่าเป็นฝั่งประชาธิปไตยหรือฝั่งใด ตอนนี้มาเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของทุกคน ไม่อยากผูกมัดกับการเมืองใหญ่ ย้ำว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ส่วนจะเป็นการสร้างแรงกดดันไปถึงรัฐบาลหรือไม่ก็แล้วแต่คนตีความ แต่รัฐบาลคงต้องดูบทเรียนจากการเลือกตั้ง กทม.เพื่อปรับกลยุทธ์เหมือนกัน

ต่อมานายชัชชาติลงพื้นที่บริเวณคลองลาดพร้าว พร้อมนายวิโรจน์ รวมถึงว่าที่ ส.ก.ลาดพร้าวและจตุจักร พรรค ก.ก. และว่าที่ ส.ก.วังทองหลาง พรรค พท.ขึ้นเรือสำรวจเส้นทางคลองลาดพร้าว โดยนายชัชชาติให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ยังไม่ได้รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนถามมาคือปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะคลองลาดพร้าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นที่ 4  เขต ได้แก่ วังทองหลาง, ลาดพร้าว, จตุจักร และห้วยขวาง  ซึ่งเป็นพื้นที่ของว่าที่ ส.ก.พรรคเพื่อไทย 2 คน และว่าที่  ส.ก.ก้าวไกล 2 คน จึงได้เชิญมาคุยกันเพื่อฟังปัญหาของพื้นที่ นำปัญหาและข้อมูลมาประกอบ รวมถึงปัญหาอื่นๆ  ของเขตนี้ จะได้มาลงในนโยบาย ขณะเดียวกันได้คุยกับนายวิโรจน์ซึ่งพร้อมร่วมมือ พร้อมฝากนโยบายไว้ 12 ข้อ ก็ต้องดูว่าสิ่งไหนจะช่วยปฏิบัติได้อย่างไร

 “นับเป็นนิมิตหมายที่ดีในการร่วมมือกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชนในเขต โดยเฉพาะ ส.ก.เข้าใจรายละเอียดในพื้นที่ได้ดี พื้นที่ไหนเกี่ยวข้องกับ ส.ก.พรรคไหน ก็จะเชิญมาคุยเวลาลงพื้นที่ อยากเห็นกรุงเทพฯ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เห็นแตกต่างกันได้แต่อย่าทะเลาะกัน ทุกท่านต้องการทำงานเพื่อประชาชนเหมือนกัน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราจะร่วมมือกัน โดยไม่ได้คิดถึงพรรคการเมือง  คิดถึงคนกรุงเทพฯ เป็นหลัก สุดท้ายแล้วจะเดินหน้าได้อย่างเข้มแข็ง สร้างบริบทการเมืองใหม่ โดยพรุ่งนี้จะเดินทางไปฝั่งตะวันออกเพื่อดูเรื่องที่เร่งด่วน เราและว่าที่ ส.ก.ต้องทำงานเลย ไม่มีเวลาฮันนีมูน" นายชัชชาติกล่าว

ขณะเดียวกันในเรื่อง ส.ก.เริ่มมีความเคลื่อนไหวชิงอำนาจกันแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ พท.ที่ได้ ส.ก.มากสุด 20 เก้าอี้ โดยแกนนำพรรคและว่าที่ ส.ก.ได้เริ่มวางตัวบุคคลจะมาเป็นประธานสภา กทม.ทันที ทำให้พรรค ก.ก.ที่ได้ ส.ก.มา 14 คน พอทราบข่าวก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน  เพราะมองว่าหากรวมเสียง ส.ก.ได้เกินกึ่งหนึ่งแล้วดันว่าที่ ส.ก.ของพรรคลงชิงประธานสภา กทม.ก็อาจโหวตชนะพรรคเพื่อไทยได้ จึงต้องจับตามองปัญหาเกาเหลาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลในการชิงเก้าอี้ประธานและรองประธานสภา กทม.

 รายงานจากพรรค พท.แจ้งว่า ว่าที่ ส.ก.โดยเฉพาะสายฝั่งธนบุรีต้องการผลักดันนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร หรือเฮียล้าน ว่าที่ ส.ก.เขตจอมทอง ที่ย้ายมาจาก ปชป. และมีดีกรีเป็นอดีตประธานสภา กทม. หรือนายนวรัตน์ อยู่บำรุง  ว่าที่ ส.ก.เขตหนองแขม คนใดคนหนึ่งเป็นแคนดิเดตประธานสภา กทม. แต่นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด หรือเจ๊แจ๋น ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ส.ก.จะผลักดันนายวิรัตน์  มีนชัยนันท์ ว่าที่ ส.ก.มีนบุรี น้องชายนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.เป็นประธานสภา กทม. ทำให้ต้องเคลียร์กันภายในเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น

'น้องเหลิม' จองเก้าอี้

 นายนวรัตน์กล่าวถึงกระแสข่าวจะมาเป็นประธานสภา  กทม.ว่า ขึ้นอยู่กับพรรคและผู้ใหญ่ในพรรคจะตัดสินใจ คงไม่ไปก้าวล่วงอะไรได้ แต่ว่าโดยหลักแล้วพรรคได้ ส.ก.เยอะที่สุด 20 คน ก็ต้องให้พรรคเป็นคนจัด ส่วนพรรคก้าวไกลได้เพียง 14 เสียง ส่วนเรื่องที่มีว่าที่ ส.ก.ก้าวไกลจะไปรวมเสียงจาก ส.ก.พรรคอื่น ก็เห็นว่าไม่ถูกกันไม่ใช่หรือ  แต่สำหรับตนเองแล้วคุยได้หมด ไม่ว่าจะ ส.ก.จาก ทสท.,  พปชร.และ ปชป.คุยกันได้หมด

 เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวประธานสภา กทม.ยังมีตัวเลือกอย่างนายวิรัตน์ และนายสุทธิชัย เขาตอบว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในพรรคจะพิจารณา เรื่องนี้ไม่เคยได้คุยกับพรรค แต่ว่าในบรรดา ส.ก.เพื่อไทยตอนนี้ทั้งหมด ยังไม่เคยเป็นประธานสภา กทม. และตนเองอาวุโสที่สุดเป็นมา  7 สมัยแล้ว ส่วนนายวิรัตน์กับนายสุทธิชัยเคยเป็นประธานสภา กทม.มาแล้ว เขาก็คงไม่รังเกียจตนหรอก ก็คงเปิดทางให้

ขณะเดียวกันก็มีการแสดงความเห็นถึงผลการเลือกตั้งดังกล่าวอย่างมาก โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แสดงความยินดีกับนายชัชชาติที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาว กทม.เลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. โดยยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมร่วมทำงานกับนายชัชชาติและทีมงานทุกคน เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนา อะไรที่เป็นผลดี มีประโยชน์ต่อชาวกรุงเทพฯ โดยย้ำว่าไม่ว่าใครจะเป็นผู้ว่าฯ กทม. มาจากพรรคการเมืองไหน ในฐานะนายกฯ พร้อมทำงานร่วมกับทุกคน ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ที่คะแนนเทไปที่พรรคฝ่ายค้าน โดย พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า "ทำไมเหรอ  เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตย เป็นการเลือกตั้ง ก็เหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งนี้เป็นเพียงจังหวัดหนึ่งก็เท่านั้นเองในประเทศไทย ซึ่งก็เป็นความคิดเห็นของประชาชน ความชอบพอของประชาชนก็ว่ากันไปตามกลไกของประชาธิปไตย รัฐบาลก็ยินดีด้วย และขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้ทำงานให้สำเร็จ ทั้งนี้ก็เป็นการทำเพื่อพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลคะแนนที่ออกมาเป็นการสะท้อนให้เห็นอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ไม่สะท้อนอะไรทั้งนั้นแหละ มันไม่สะท้อนอะไรกับผมนี่ ก็พรรคที่สนับสนุนรัฐบาลผมพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้ส่งใครลงเลือกตั้งมิใช่หรือ”  ผู้สื่อข่าวท้วงว่า แต่พรรคพลังประชารัฐส่งผู้สมัคร ส.ก.และได้มาเพียง 2 เขตเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "อ้าว ก็ประชาชนเขาเลือกหรือเปล่าล่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน  เลือกหรือไม่เลือกก็เป็นเรื่องของประชาชน ก็ดูต่อไปว่าเลือกมาแล้วมันจะทำอะไรให้ดีขึ้นไหม แต่ผมก็หวังว่าจะดีขึ้น"

'บิ๊กตู่' ปัดไม่เกี่ยวเรตติงรัฐบาล

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แต่คะแนนประชาชนที่เลือก ส.ก.เทคะแนนให้ฝ่ายค้านอย่างถล่มทลาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีอารมณ์ว่า "แล้วทำไมล่ะ ไม่สะท้อนอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่เกี่ยวกับเรตติงของรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล" เมื่อถามว่าไม่เกี่ยวกับคะแนนนิยมของตัวนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ใครจะนิยมหรือไม่นิยม ผมก็ทำของผมเต็มที่นั่นแหละ โอเคนะ” เมื่อถามอีกว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของนายกฯ หรือไม่  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่มี ก่อนเดินออกจากโพเดียมทันที

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายชัชชาติที่ได้คะแนนมากมายและมากที่สุด ในฐานะรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานของนายชัชชาติ เพราะบอกแล้วว่าใครได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. เราก็สนับสนุนการทำงานตลอด  ส่วน พปชร.เราก็ต้องมาทบทวนว่าผิดพลาดในเรื่องการทำงานตรงไหน เราต้องมาแก้ไข แต่สำหรับการเลือกตั้ง ส.ก. ที่พรรคเราได้มา 2 ที่ ก็ต้องแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง รวมถึงคนที่ได้คะแนนอันดับสองด้วย

เมื่อถามอีกว่า ผลคะแนนที่ออกมาจะแสดงถึงทิศทางการเลือกตั้งระดับชาติในครั้งหน้าหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรายังไม่ได้ประเมิน ขอให้เราประเมินก่อน ส่วนจะเป็นแลนด์สไลด์ตามที่พรรค พท.ระบุหรือไม่ ยังไม่ทราบ  คงต้องมีการประเมินดูก่อนว่าเป็นอย่างไร

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า นายชัชชาติหาเสียงโดยใช้นโยบายไม่เคยกล่าวร้ายใคร ถือเป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ และเดินแบบนี้มาตั้งแต่ต้น ในอนาคตก็อยากให้เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ส่วนผลการเลือกตั้งจะสะท้อนอะไรมาถึง พปชร.หรือไม่ คิดว่าพรรคต้องทบทวนดู ซึ่งเราเตรียมการทบทวนบทบาทต่างๆ ไว้อยู่แล้ว

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ยินดีกับนายชัชชาติด้วยที่ชนะการเลือกตั้ง และหวังว่าผลจากการเลือกตั้งจะทำให้ประชาชนมีความหวัง และต้องการอยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ขอเอาใจช่วยคนที่ทำงานทุกฝ่าย

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวถึงผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ว่า หากมองเฉพาะผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมือง  ผู้สมัครของพรรคถือว่าได้รับคะแนนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะใน กทม.พรรคไม่มี ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่กลับได้ ส.ก.ถึง 9 คน ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งเป็นที่น่าพอใจ และแสดงให้เห็นว่าประชาชนให้การตอบรับพรรคดีขึ้น

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าการรัฐประหารคือความล้มเหลว ถึงแม้ว่าคณะรัฐประหารจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฉุดรั้งสังคมไทยไม่ให้เดินหน้า ทั้งการร่างกติกาที่บิดเบี้ยว การทำลายกลไกประชาธิปไตย  และบ่อนทำลายกำลังของภาคประชาชน จาก คสช.มาจนถึงรัฐบาลประยุทธ์ ที่รวบรวมนักการเมืองที่ไม่ได้เห็นคุณค่าของประชาธิปไตยมาไว้ด้วยกัน​ อย่างไรก็ตามความเลวร้ายของการรัฐประหาร ตลอดจนความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลประยุทธ์และคณะ ได้ทำให้ประเทศไทยถดถอยและล้มเหลวอย่างน่าอับอาย จนประชาชนไม่อาจฝืนใจเลือกตัวแทนที่เป็นซากเดนจากมรดกรัฐประหารได้อีกต่อไป

'แม้ว' ตีกินส่งผลระดับชาติ

ในช่วงค่ำวันที่ 22 พ.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรู้ผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก.กับเพจ The Room44 ว่า สะท้อนว่าประชาชนจะสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ และเบื่อความไม่มีความสามารถในการบริหารของรัฐบาลปัจจุบันและ  กทม. จึงเกิดการโหวตเชิงยุทธศาสตร์ บางคนอาจอยากลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล แต่กลัวไม่ชนะจึงเทคะแนนให้นายชัชชาติ โดยไม่มีใครไปชี้นำ อีกทั้งการโหมโรงของฝ่ายตรงข้ามยิ่งกระตุ้นให้เกิดการโหวตเชิงยุทธศาสตร์

เมื่อถามว่าจะส่งผลต่อการเมืองระดับชาติอย่างไร  นายทักษิณกล่าวว่า การเมืองระดับชาติจะคล้ายกัน ยิ่งรัฐบาลอยู่นานเท่าไหร่ประชาชนแย่ โอกาสที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะอย่างท่วมท้นจะยิ่งสูงขึ้นเพราะคนทนไม่ไหว โอกาสที่ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันจะแพ้ราบคาบสูง ถึงแม้ว่าจะตุนกระสุนไปซื้ออย่างไรก็เอาไม่อยู่ ส่วนการเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรค พท.จะเกิดแลนด์สไลด์หรือไม่นั้น เชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาส ถ้าให้โอกาสเหมือนที่ กทม.ก็แลนด์สไลด์แน่นอน และแนวโน้มที่ประชาชนจะให้โอกาสมีสูงเนื่องมาจากปัญหาต่างๆ

เมื่อถามว่าเห็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยในการเลือกตั้ง ส.ก.เป็นอย่างไรบ้าง และเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้หรือยัง นายทักษิณกล่าวว่า  ในฐานะเป็นพ่อก็ภูมิใจ ไม่คิดว่าจะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้ รู้ว่า น.ส.แพทองธารเข้าใจการเมืองตั้งแต่อายุ 12 แต่ไม่นึกว่าจะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้ ส่วนเรื่องแคนดิเดตนายกฯ  ต้องแล้วแต่ตัวเขาและพรรคเพื่อไทย คงไม่ไปชี้นำว่าลูกต้องไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ

 “หากถามว่า น.ส.แพทองธารอยากเป็นนายกฯ หรือไม่ คือไม่เลย แต่อยากช่วยให้พรรคแข็งแรง ให้ ส.ส.ยึดโยงอยู่กับพรรค เพราะต้องยอมรับว่ามีการซื้อ ส.ส. เขตหนึ่งตอนนี้ขึ้นไปถึง 60 ล้านแล้ว แต่รับรองเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าสถานการณ์ประเทศยังเป็นแบบนี้ 80 ล้านก็เอาไม่อยู่ เป็นการเอาเงินที่โกงไปมาคืนประชาชน แล้วประชาชนก็ไม่เลือก คอยดูดิ” นายทักษิณระบุ

ถามอีกว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยถูกพรรคภูมิใจไทยดูดไปเยอะหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ห่วง เรียกว่าเป็นการถ่ายเลือด เชื่อว่าประชาชนไปกับพรรค บางคนหลงตัวเอง คิดว่าตัวเองคะแนนดีมากโดยไม่สนใจพรรค บางคนออกไปตั้งพรรค ผลออกมาก็เห็นชัด บอกว่าจะเป็นแม่เหล็กสุดท้ายไม่ใช่แม่เหล็ก 

เมื่อถามว่า บรรดาลุงๆ ควรบริหารอย่างไรถ้าใจยังสู้  นายทักษิณกล่าวว่า ทั้ง 3 ลุงหมดสภาพ ทั้งอายุ บางคนสังขารและการไม่เปิดรับโลกภายนอก ยิ่งอยู่ยิ่งพัง ถ้าเป็นตนเองเจอเช่นนี้มาตกลงกันดีกว่า เลือกตั้งเมื่อไหร่ดี ไม่ต้องรอเอเปก ไปไม่ถึงเอเปกหรอก ถึงเวลาถอยให้บ้านเมืองเดินหน้าแล้ว อย่าไปเห็นแก่ตัว คิดว่าตัวเองสามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้

เมื่อถามว่า ยังยืนยันจะกลับบ้านเหมือนเดิมหรือไม่  นายทักษิณกล่าวว่า ยืนยันแต่ไม่บอกว่าเมื่อไหร่ ขอเวลาที่เหมาะสม  

ถามว่า มีกระแสข่าวคุยกับ พล.อ.ประวิตร นายทักษิณกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรรู้จักตนเองตอนจะเป็น ผบ.ทบ. แต่เมื่อพ้นแล้วไม่เคยคุยกันเลย และข่าวที่ว่าเจอกันที่ลอนดอนนั้น ตนเองอยู่ดูไบ ถ้าจะคุยกันคุยออนไลน์ได้ ไปเจอให้เป็นข่าวทำไม ส่วนข่าวที่ พล.อ.ประวิตรจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยคงยาก ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแต่ละคนโดนผ้าคลุมหัวผูกตากันทั้งนั้น. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง