ชัชชาติพร้อมให้ สัญญา‘รถไฟฟ้า’ ‘กมธ.งบฯ’ขอมา

“ชัชชาติ” แจง กมธ.งบประมาณฯ พร้อมให้ข้อมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวเมื่อขอมา โว 216 ข้อทำได้แน่  อบรมผู้บริหารระดับสูงด้านผู้นำเมือง  แนะอย่าเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง ชี้ต้องไร้โกงเก็บคนเก่งไว้ให้ได้

  เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่มีนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทำหน้าที่ประธาน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 ก.ค. มีการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยเฉพาะในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2 แห่งคือ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าชี้แจง

  รายงานแจ้งว่า งบประมาณของ กทม. วงเงิน 20,634.7242 ล้านบาท ได้รับความสนใจจาก กมธ.ซักถามกว่า 20 คน โดยได้สอบถามทั้งปัญหาสายไฟฟ้าและสื่อสาร, โครงการก่อสร้างสะพานเกียกกาย, ปัญหาขยะใน กทม., อุโมงค์ยักษ์, ปัญหาทางเท้า, เรื่องภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. ได้สอบถามถึงสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมขอเอกสารด้วย ซึ่งนายชัชชาติชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นคนทำสัญญาส่วนต่อขยายที่ 1 กับส่วนต่อขยายที่ 2 จ้างถึงปี 2585 เป็นเรื่องที่อยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เราได้ทำหนังสือเร่งรัดไปแล้วว่าผลการสอบสวนเป็นเช่นใด มีความคืบหน้าอะไรหรือไม่ ส่วนสัญญา ปี 2572-2585 ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ต้องดูว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ส่งไป ป.ป.ช.ด้วย ไม่เช่นนั้นปี 2572-2585 ต้องจ้างเดินรถ และจะมีค่าเสียหาย ซึ่งมีคนบอกว่าเขาคงเรียกแพงถ้าเราจะขอเลิกสัญญา แล้วประมูลใหม่ปี 2572 กำลังหาลู่ทางว่ากระบวนการครบถ้วนหรือไม่ มีอันไหนที่ควรเข้าสภา กทม.แล้วไม่ได้เข้าหรือเปล่า ขณะนี้กำลังให้ทางฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอยู่

  “ส่วนสัญญาท่านขอก็ต้องให้ท่าน แต่ประเด็นคือสัญญานี้เขียนว่าห้ามเปิดเผยต่อสาธารณชน ยกเว้นเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้าท่านขอผมก็คงปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะท่านเป็น กมธ. คงเปิดเผยให้ท่านได้ตามที่ท่านร้องขอ” นายชัชชาติกล่าว

 นายชัชชาติกล่าวว่า งบประมาณ กทม.ยังมีงบอีก 80,000 ล้านบาท ที่ได้จากภาษีต่างๆ รวมแล้วประมาณแสนล้านบาท ไม่ได้เยอะถ้าเทียบกับงบของรัฐบาล 3.1 ล้านล้านบาท เป็น 2.5% ของเงินรัฐบาล แต่เราดูแลประชากร 15% ดังนั้นงบแสนล้านไม่ได้เยอะเกินขอบเขตที่เราดูแลอยู่ ซึ่ง กทม.มีแผนแม่บทอยู่แล้ว 7 ยุทธศาสตร์ 20 ปี โดยในฐานะคนเข้ามาใหม่คงไม่ปรับยุทธศาสตร์ทันที เพราะไม่อยากให้ผู้ว่าฯ มาทียุทธศาสตร์เปลี่ยนที แต่เราคงพยายามทำให้ยุทธศาสตร์ที่เรามีเข้ากับของที่มีอยู่ก่อน คิดว่าไม่แตกต่าง ส่วนตัวคิดว่าอยู่ที่การปฏิบัติมากกว่า

  ด้าน น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. ได้ซักถามแสดงความเป็นห่วงว่าถ้าไม่มีเงินจะทำได้หรือไม่ นายชัชชาติชี้แจงว่า ทำได้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามีปัญหาตรงนี้แน่ และในนโยบาย 216

ข้อ มีจำนวนมากไม่ได้ใช้เงิน แค่เปลี่ยนวิธีคิด เช่น Open data ก็ไม่ได้ใช้เงิน ใช้แพลตฟอร์มในการแจ้งเหตุ ส่วนโครงการที่ใช้เงินรอทำปีหน้า ขณะที่อุปสรรคสำคัญคือเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงาน กทม.ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิธีง่ายที่สุดคือผู้ว่าฯ ต้องเดินไหว้ไปทั่ว เดือนแรกก็ไหว้ทุกหน่วยงานขอความร่วมมือ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี รวมถึงภาคเอกชนด้วย

ในเวลา 14.00 น. นายชัชชาติเป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง รุ่น 7) โดยมี รศ.อนันต์ มโนมัยพิบูลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย และผู้เข้ารับการศึกษาอบรมเข้าร่วมพิธี โดยนายชัชชาติกล่าวตอนหนึ่งว่า อนาคตเมืองจะใหญ่ขึ้น ถ้าเมืองไม่มีคนก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะหัวใจของเมืองก็คือคน ฉะนั้นการเรียนรู้เมือง ก็คือการเรียนรู้คน ดูว่าคนในเมืองมีความต้องการอะไร ยิ่งแต่ละเมืองสร้างคนเก่ง เก็บคนเก่งๆ หรือดึงคนเก่งเข้ามาได้มากแค่ไหน ย่อมทำให้การพัฒนาเมืองก้าวไกลได้มากยิ่งขึ้น ต้องอำนวยความสะดวกให้คน ต้องไม่มีคอร์รัปชัน ลดขั้นตอนในการติดต่องาน ถ้าเข้าใจคน ก็จะเข้าใจเมือง อย่าไปตัดสินว่าคนอื่นผิดหรือถูก เราไม่รู้ว่าประสบการณ์ในชีวิตของคนอื่นได้พบเจออะไรมาบ้าง อย่าเอาตนเองเป็นเป้าหมาย ยอมรับความแตกต่าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา แสวงหาจุดร่วม มองดูจุดต่าง อ่อนน้อมถ่อมตนในการเรียนรู้ นำวิสัยทัศน์ไปพัฒนาเมือง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง