ปล่อยนั่งดื่ม3วัน คนไทยการ์ดตก เชียงใหม่โควิดพุ่ง

ศบค.เผยติดเชื้อรายใหม่ 7,679 ราย เสียชีวิต 56 ราย ห่วงเชียงใหม่คลัสเตอร์โผล่อื้อ "บิ๊กตู่" กลับถึงไทยขอบคุณทุกฝ่ายร่วมมือเปิดประเทศไร้ปัญหา "สธ." สำรวจร้านอาหารหลังเปิดขายแอลกอฮอล์ 3 วัน พบบางแห่งหย่อนยาน ดื่มเกินเวลา สถานที่แออัดเสี่ยงติดเชื้อสูง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,679 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 7,136 ราย จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,864 ราย, ค้นหาเชิงรุก 272 ราย, เรือนจำ 536 ราย, เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,935,442 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 8,482 ราย ยอดหายป่วยสะสม 1,818,463 ราย อยู่ระหว่างรักษา 97,585 ราย อาการหนัก 2,205 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 483 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 56 ราย เป็นชาย 28 ราย หญิง 28 ราย ผู้เสียชีวิตมีอายุ 60 ปีขึ้นไป 42 ราย มีโรคเรื้อรัง 11 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม. 7 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 19,394 ราย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 3 พ.ย. ได้แก่ กทม. 772 ราย, ปัตตานี 484 ราย, สงขลา 454 ราย, ยะลา 326 ราย, ชลบุรี 324 ราย, เชียงใหม่ 322 ราย, ตรัง 249 ราย, สมุทรปราการ 242 ราย, นราธิวาส 207 ราย, นครศรีธรรมราช 196 ราย โดยภาพรวมในประเทศลดลงทุกพื้นที่ รวมถึง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตัวเลขลดลง เหลือเพียง จ.ปัตตานี ที่ตัวเลขยังทรงตัว ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเร่งเข้าฉีดวัคซีน รวมทั้งยังพบคลัสเตอร์ใหม่ๆ ในหลายพื้นที่ อาทิ ที่ จ.ชลบุรี พบคลัสเตอร์ทหารเกณฑ์ของกองทัพเรือ ส่วน จ.เชียงใหม่ พบคลัสเตอร์แคมป์คนงานและชุมชน จ.แม่ฮ่องสอน พบคลัสเตอร์งานศพและหอพักนักเรียน

"พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวหรือพื้นที่สีฟ้า ที่อยากให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ จ.เชียงใหม่ เพราะพบการระบาดหลายคลัสเตอร์ โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีการเข้มงวดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากยังห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและภัตตาคาร รวมถึงยังจำกัดเวลาการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แค่ 21.00 น." พญ.สุมณีกล่าว

ผู้ช่วยรองโฆษก ศบค.กล่าวว่า ในส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 พ.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 787,976 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 77,014,092 โดส ซึ่งการฉีดวัคซีนตั้งเป้าจะฉีดสะสมให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือน พ.ย.

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เวลา 18.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางกลับถึงประเทศไทยหลังเสร็จสิ้นภารกิจเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP)สมัยที่ 26 ที่สหราชอาณาจักร โดยมีคณะแพทย์ พยาบาลจากโรงพยาบาลราชวิถี มาตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน ATK พร้อมฉีดพ่นฆ่าเชื้อภายหลังคณะออกจาก บน.6

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ลงมาช้านิดเพราะต้องตรวจ ATK ผลออกมาเป็นลบและก็ตรวจ RT-PCR ซ้ำ ตอนไปต่างประเทศก็โดนตรวจ รวมผู้นำกว่า 120 ประเทศ รวมถึงทีมงานคณะทำงาน คนเกือบ 2 หมื่นคน เขาตรวจเข้ม ทั้ง ATK และ RT-PCR กลับมาถึงไทยก็ตรวจตามมาตรการ ทั้งนี้ หากอยากให้ประเทศไทยเปิดหน้ากากคุยกันตามปกติก็ต้องร่วมมือกัน

"ตอนอยู่ต่างประเทศก็มีความเป็นห่วงประเทศไทย ซึ่งประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. และผมได้ติดตามการรายงานอย่างต่อเนื่องทางโทรศัพท์ ทางไลน์ต่างๆ เหล่านี้ ทุกส่วนก็รายงานว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่อาจมีปัญหาอยู่บ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่น่ายินดี ต้องขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเราได้กำหนดเป้าหมายจะมีการประเมินผลทุก 15 วัน และเท่าที่ทราบ รายงานสถิติการติดเชื้อโควิดลดลง วันนี้อยู่ที่กว่า 7,000 ราย ซึ่งหลายอย่างก็ดีขึ้น ทั้งหมดอยู่ที่เราจะให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อย่าขัดแย้งอะไรกันมากนักไม่เช่นนั้นก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ถ้าสถานการณ์โควิดดีขึ้น การท่องเที่ยวดีขึ้น ห่วงโซ่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะดีขึ้น ธุรกิจต่างๆ ประชาชนก็จะมีรายได้ เราต้องช่วยกันทำ" นายกฯ กล่าว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า หลังเปิดประเทศยังไม่พบอะไรที่เป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งได้มีการเร่งรัดตรวจ RT-PCR ตนได้กำชับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าผลการตรวจต้องออกโดยเร็ว เพราะมาตรการกำหนดไว้ว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศจะพักเพียงแค่หนึ่งคืน เพื่อรอผลการตรวจ เบื้องต้นคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยต้องจองโรงแรมที่ขึ้นทะเบียนไว้กับทางการของเราอยู่แล้ว หากผลไม่ติดเชื้อผู้ที่เดินทางเข้ามาก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที

ถามถึงหลายฝ่ายเป็นห่วงคลัสเตอร์ จ.เชียงใหม่ รองนายกฯ ยืนยันว่าสามารถควบคุมได้ และสั่งการให้เฝ้าระวังและเร่งฉีดวัคซีน หากเป็นพื้นที่บนดอยหรือพื้นที่ห่างไกลการคมนาคมขนส่งไม่สะดวก ให้จัดทีมโดยโรงพยาบาลในพื้นที่นั้นๆ ออกฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในชุมชนและหมู่บ้านให้มากที่สุด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และสาธารณสุขจังหวัดได้รับปากว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งส่วนกลางได้จัดส่งวัคซีนให้แล้ว ตามกำหนดอย่างเพียงพอ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีประชากรรวม 1.7 ล้านคน ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1.2 ล้านคน

เปิดปท.เริ่มหย่อนยาน

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลง “มาตรการ UP เปิดบ้าน เปิดเมือง เปิดประเทศ และ CIVID Free Setting” ว่า ใน 1 เดือนที่ผ่านมาก่อนเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว จากการสำรวจอนามัยโพลเรื่อง การปฏิบัติตามหลักการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด (UP) พบภาพรวมการสวมหน้ากากในที่สาธารณะ การล้างมือ เลี่ยงเอามือสัมผัสใบหน้า เลี่ยงออกนอกบ้าน ยังทำดีระดับ 90% ขึ้นไปยกเว้นสวมหน้ากากเมื่ออยู่ที่บ้าน พบเพียง 50-60% ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ลดลง และการผ่อนคลายมาตรการขึ้น จะสังเกตได้ว่าประชาชนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัดมีการออกนอกบ้านมากกว่าในพื้นที่อื่นๆ ส่วนการตรวจ ATK ในกรณีที่มีความเสี่ยงพบราว 70%

ถามถึงประชาชนไปสถานที่ท่องเที่ยวก่อนเปิดเมือง พบว่า 65-80% ยังไม่ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนที่เลือกไปคือสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติและวัฒนธรรม ซึ่งจะมีความปลอดภัย เพราะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง แต่มีประชาชนส่วนหนึ่งไปสถานที่ท่องเที่ยวคล้ายผับบาร์ สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ยังมีอยู่ในพื้นที่

ต่อมาถามถึงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานที่ท่องเที่ยวก่อนการเปิดเมือง พบว่า ภาพรวม แม้สถานที่ท่องเที่ยวเปิดโล่ง แต่ยังไม่ทำตามมาตรการเข้มข้นเท่าที่ควร และเข้มข้นน้อยกว่าที่ตลาด ขอเน้นย้ำไปยังผู้ประกอบกิจการ กิจกรรมเมื่อเปิดแล้วมาตรการสำคัญยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจและปลอดภัย

อย่างไร​ก็ตาม ​สถานประกอบการในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด ที่ผ่านการประเมินมาตรการ COVID Free Setting 3,068 แห่ง จากลงทะเบียน 3,192 แห่ง คิดเป็น 96% โดยประเภทกิจการที่เข้าร่วมการประเมินมากที่สุด คือ ร้านอาหาร สปา นวดเพื่อสุขภาพ และห้างสรรพสินค้า พบว่ามาตรการส่วนใหญ่ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ได้แก่ การฉีดวัคซีนของพนักงาน การจัดอุปกรณ์ป้องกันโรคที่เพียงพอ การแยกสำรับข้าวของเครื่องใช้ของศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้า การควบคุมกำกับติดตาม การคัดกรองความเสี่ยง และระบบกรองอากาศเฉพาะที่

ถามว่า เมื่อเปิดให้ร้านอาหารสามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางพื้นที่จะมีปัจจัยเสี่ยงในการติดโควิดอย่างไร นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า หลังดำเนินการมา 3 วันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบมีความเสี่ยงบางประการ คือ 1.การดื่มซึ่งอาจจะเกินเวลา หรือเกินกว่าที่ประกาศ ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด 2.ความแออัด เพราะประชาชนส่วนหนึ่งอึดอัดอุดอู้กับการที่ต้องอยู่กับบ้าน เมื่อเปิดนำร่องท่องเที่ยว ก็จะมุ่งไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพราะฉะนั้นการเว้นระยะห่างก็ลดลง เช่นเดียวกับร้านอาหาร แต่เชื่อว่าระยะหนึ่ง ร้านอาหาร ประชาชนจะค่อยๆปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์และการปฏิบัติตามามาตรการ 3.มีส่วนน้อยประชาชนดื่มเกินพอดี มีความเมา นำไปสู่ความเสี่ยงในเรื่องของการละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติมาตรการป้องกันตนเอง

"เราจะมีการเฝ้าระวังและลงสุ่มตรวจสอบเป็นระยะเพื่อที่จะดูการปฏิบัติเป็นระยะเวลา 7-14 วัน เพื่อประเมินว่าการดำเนินการมีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร ควบคู่กับสถานการณ์พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ด้วย" อธิบดีกรมอนามัยระบุ

จ.เชียงใหม่ สถานการณ์โควิด-19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 492 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 488 ราย ส่วน 4 รายเป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ค.2564 ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่เดือน ก.ค.-ปัจจุบันอยู่ที่ 13,664 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4,513 ราย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง