ปิดห้องเช็กเสียงโหวต ‘บิ๊กตู่’ถามแกนนำพรรคร่วมเรียงตัวไร้ปัญหา‘ธรรมนัส’อดจ้อ

“ประยุทธ์” ปิดห้องเช็กคะแนนเสียง  ถามหัวหน้าพรรคและแกนนำเรียงตัว “อนุทิน” บอกมาครบแน่ ส่วน “จุรินทร์” รับมีขาประจำคุมไม่ได้ “บิ๊กป้อม” กำชับเสียงโหวต 11 รมต.ต้องเท่าๆ กัน สั่งลูกพรรคใครแตกแถวไม่เลี้ยงดู! สมาชิกงอแงร้องปรับเก้าอี้ มท. “นิโรธ” สับแผนโปรโมตฝ่ายค้านเอาเรื่องชาติมาเป็นตลกคาเฟ่ “ชลน่าน”  รับเสียงสู้ไม่ได้ แต่ยังคุยจัดหนัก 30 ชั่วโมงสับลุงตู่ “ธรรมนัส” รับอดจ้อแต่ขอลงมติตามฝ่ายค้าน เว้น “ประวิตร” โหวตไว้วางใจ

เมื่อวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างคึกคักในการเตรียมความพร้อมวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 13  (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ในวันอังคารที่  19 ก.ค.เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจำนวน 11 ราย ที่นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะจำนวน  186 คนเป็นผู้เสนอ

โดยรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม,  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้หารือนอกรอบที่ห้องสีเหลือง  โดยมีหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารืออย่างพร้อมเพรียง โดยใช้เวลานานกว่า 30  นาที

ทั้งนี้ ในการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลรายคนว่าแต่ละพรรคจะโหวตอย่างไร ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข  ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) บอกว่า “ภูมิใจไทยมาครบครับ ไม่มีปัญหา” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) บอกว่า “มีปัญหาอยู่แค่ 2-3 คน นอกนั้นเต็มที่” ส่วนนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)  ระบุว่า “ชาติไทยพัฒนาไม่มีปัญหาครับ” ขณะที่ พล.อ.ประวิตรบอกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า ให้ไปช่วยกันเช็กเสียง ให้ไปดูแลเสียงกันมาให้เรียบร้อยในแต่ละพรรค และอยากให้คะแนนแต่ละคนออกมาเท่าๆ กัน ทั้งนี้ มีรายงานว่าในวงหารือไม่ได้มีการนับเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทย  (ศท.) รวมอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนพรรคเล็กก็ดูแลกันไป

 สำหรับการประชุม ครม.ใช้เวลาเพียงกว่า 1 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ได้แจ้งสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ล่วงหน้าให้บรรจุวาระการประชุมในจำนวนที่น้อย เพื่อให้เหลือเวลาให้แต่ละรัฐมนตรีไปเตรียมตัวชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะตัวนายกฯ ที่ต้องทำการบ้าน เนื่องจากเตรียมสไลด์ประกอบคำชี้แจงเอาไว้จำนวนมาก

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้สอบถามรัฐมนตรีว่าใครมีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีใครพูดอะไร พล.อ.ประยุทธ์จึงขอบคุณ ครม.ที่ร่วมกันทำงานว่า “ขอบคุณ อยู่ด้วยกันมาหลายปี พอใจ และเชื่อมั่นในรัฐบาล พอเราทำงานมากขึ้นก็ต้องระมัดระวังตัวด้วย  เพราะจะถูกจับตามอง ถูกติดตาม ตรวจสอบตามระบบ  เตรียมชี้แจงตอบคำถามประชาชนให้ได้”

ภายหลังการประชุม ครม.เสร็จ พล.อ.ประยุทธ์และ  พล.อ.ประวิตรได้เข้าไปนั่งในห้องสีเหลือง โดยมีรัฐมนตรีเข้าไปพูดคุยด้วยหลายคน โดยทุกคนต่างแสดงความมั่นใจรับศึกอภิปราย ขณะเดียวกันหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม.  รัฐมนตรีหลายคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้จับกลุ่มรวมตัวพูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และมีรัฐมนตรีที่ไม่ได้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และนายประภัตร โพธสุธน  รมช.เกษตรและสหกรณ์เข้ามาพูดคุยด้วย ซึ่งช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินผ่านกลุ่มรัฐมนตรีที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ และได้แวะทักทายเล็กน้อย จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินฝ่าวงสนทนาไปยังห้องสีเหลือง แต่ก่อนถึงได้หันกลับมามองกลุ่มรัฐมนตรีดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมยกนิ้วโป้งให้ คาดว่าจะเป็นการให้กำลังใจ ในขณะที่กลุ่มรัฐมนตรียังคงยืนจับกลุ่มพูดคุยปรึกษากับนายวิษณุยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยนายสุริยะปฏิเสธว่าไม่ได้พูดคุยกันเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เป็นการพูดคุยแบบสัพเพเหระเท่านั้น

น้องตู่หวานพี่ป้อมโชว์สื่อ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้พักผ่อนอิริยาบถและพูดคุยกับ  พล.อ.ประวิตรในห้องรับรองอย่างอารมณ์ดีประมาณ 10  นาที จากนั้นเวลา 11.20 น. พล.อ.ประวิตรได้เดินนำหน้า พล.อ.ประยุทธ์มายังบริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี  ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ที่เดินตามหลังมาได้เรียก “พี่ป้อมๆ”  ก่อนยกมือไหว้และกล่าวสวัสดีครับ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรหันมารับไหว้และเดินเข้าไปตบไหล่ให้กำลังใจซึ่งกันและกันต่อหน้าสื่อมวลชน จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้เดินแยกไปขึ้นรถยนต์ออกไป ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นโพเดียมให้สัมภาษณ์เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ได้หารือกับทุกพรรคการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลในที่ประชุม ครม. ซึ่งขอให้ทุกคนเตรียมข้อมูลต่างๆ ให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น สามารถชี้แจงได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ และเชื่อมั่นทุกคนจะสามารถชี้แจง ตอบคำถามได้ในทุกประเด็นที่มีความสำคัญและเป็นข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ กังวลการเคลื่อนไหวของกลุ่มพรรคเล็กหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เคยบอกแล้วว่าทำงานด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ และเชื่อมั่นว่าทุกคนก็ทำงานมาอย่างนั้น เพราะทุกคนมีเป้าหมายคือประชาชนและประเทศชาติ ก็มีความเชื่อมั่น เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็รับได้ทุกเรื่อง

เมื่อถามว่า ถึงวันนี้ พล.อ.ประวิตรได้ให้ความมั่นใจอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมาให้ความมั่นใจในตอนนี้ มั่นใจกับท่านมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา ต่างคนต่างไว้ใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เรื่องอะไรที่เป็นปัญหาก็มาหารือมาหาทางแก้ไขร่วมกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับท่าน  และท่านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตน

 “ขอให้พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ พูดในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง พูดในเรื่องที่ไม่บิดเบือน พูดในเรื่องที่ไม่เกิดความเสียหายจากการบริหารราชการแผ่นดิน และไม่มีความเสียหายต่อประเทศชาติ เพื่อไม่ให้มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ซึ่งต้องระมัดระวังอย่างที่สุดต่อการอภิปรายในครั้งนี้ ซึ่งผมพยายามแก้ปัญหาทุกอัน ไม่อาจกล่าวได้ว่าผมทำได้ดีที่สุดหรือดีกว่าใคร ผมไม่พูด แต่พยายามทำให้มากที่สุดและทำให้ดีที่สุด ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพวกเราทุกคน ประเทศชาติสำคัญกว่าอย่างอื่น” นายกฯ ระบุ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามว่าคุยอะไรกับ  พล.อ.ประวิตร รวมทั้งเรื่องการตั้งพรรคสำรองรวมไทยสร้างชาติ โดยนายกฯ ส่ายหัวและเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที

ขณะที่นายวิษณุกล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีหลายคนมาพูดคุย ขอคำปรึกษาก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เป็นการพูดคุยสนุกสนาน ไม่เคร่งเครียด หรือปรึกษาหารือในการเตรียมพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่อย่างใด โดยได้เล่าถึงสมัยอดีตในยุคที่นายกฯ หลายคน เช่น นายกฯ ชวน,  นายกฯ บรรหาร, นายกฯ ชวลิต และนายกฯ ทักษิณ ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง และเป็นอย่างไรในการอภิปรายในสมัยนั้นๆ เล่าให้ฟังสนุกๆ ไม่ได้เจตนาที่จะหวังผลปลุกใจก่อนวันอภิปรายแต่อย่างใด แค่อยากเล่าเท่านั้น

 “เป็นห่วงมีอยู่นิดเดียวคืออภิปราย 11 คน แต่ใช้เวลาเพียง 4 วัน อาจตอบได้เพียงคนละนิด ดังนั้นจึงน่าหวั่นเกรงในเรื่องการบริหารเวลาทั้งของฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่อาจบริหารยากหน่อย” นายวิษณุกล่าว

นายวิษณุยังกล่าวถึงตัวเลขโหวตว่า ไม่เห็นว่ามีใครห่วง ทั้งนี้ต้องใช้คะแนนเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งคือคะแนน 238 ครึ่ง ดังนั้นถ้ารัฐมนตรีได้ 239 ตามที่โหวตไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีคนนั้นสอบตก ส่วนคะแนนเสียงไว้วางใจเท่าไหร่ในทางกฎหมายไม่เป็นสาระสำคัญ และคะแนนไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ไม่มีอะไรผิดบาปเพียงแต่ทำให้รู้สึกเสียเครดิต เสียรังวัดไปนิดหน่อย ว่าคนนั้นได้รับความไว้วางใจมากกว่าคนนี้ ซึ่งผ่านไป 7 วันก็ลืมกันแล้ว  และถ้าใครได้ไม่ถึง 239 ก็อยู่ไป

ลุงป้อมกำชับห้ามโหวตสวน

ด้าน พล.อ.ประวิตรหันมายิ้ม ก่อนตอบคำถามถึงเสียงของพรรคเล็ก 16 เสียงจะยังอยู่กับรัฐบาลหรือไม่  หลังมาเข้าพบเมื่อวันที่ 17 ก.ค.สั้นๆ ว่า “คุยกันธรรมดา  คุยกันธรรมดา” และเมื่อถามถึงการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะหัวหน้าพรรค ศท. เมื่อวันที่ 17 ก ค. ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสพร้อมยกมือสนับสนุนรัฐบาลในการอภิปรายหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ต้องไปถามผู้กอง มาถามอะไรผม” และเมื่อถามว่าเป็นห่วง  พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ป.ที่ถูกอภิปรายหรือไม่  พล.อ.ประวิตรเงียบไปพักใหญ่และไม่ตอบคำถาม

มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า พล.อ.ประวิตรได้เรียกประชุม ส.ส.ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจก่อนการอภิปราย โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่ง พล.อ.ประวิตรค่อนข้างอารมณ์ดี โดยได้กำชับ ส.ส.ให้ลงมติไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด 11 คน พร้อมแจ้งว่า ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้อยู่ร่วมรัฐบาลแล้ว โดยระบุว่า “ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้อยู่แล้ว เขาก็ไปเป็นตัวของตัวเอง ควบคุมอะไรเขาไม่ได้แล้ว” ขณะเดียวกันยังกำชับ ส.ส.อย่าโหวตสวน โดยระบุว่า “ใครอย่าโหวตอย่างอื่น ถ้าทำอย่างอื่น ต่อไปหมดสิทธิ์ จะไม่ดูแลอีกแล้ว”

มีอยู่ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตรได้สอบถามว่ามีใครจะแสดงความเห็นอะไรหรือไม่ ทำให้ผู้บริหารพรรคคนหนึ่งเปิดประเด็นเกี่ยวกับการปรับ ครม.หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ที่ต้องการให้  พล.อ.ประวิตรมานั่งแทน ซึ่งมี ส.ส.บางส่วนเห็นด้วย โดย  พล.อ.ประวิตรปรามว่า “ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็น  ไม่เป็นไร หลังโหวตค่อยว่ากัน ผมจะลองคุยกับนายกฯ ดู  แต่ตอนนี้ต้องโหวตให้เหมือนกัน 11 คน”

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลังและเลขาธิการพรรค พปชร. ยืนยันการอภิปรายว่าไม่มีปัญหาอะไร 

ส่วนนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า ได้ให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเตรียมข้อมูลที่จะชี้แจงไว้แล้ว มั่นใจในการชี้แจง เพราะเตรียมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ซีเรียส 

ขณะที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายอนุทินระบุว่า  พร้อมชี้แจง ส่วนทีเซอร์ของพรรคเพื่อไทย และโปสเตอร์ของพรรคก้าวไกลที่ทำออกมานั้นมองว่าเป็นเพียงสีสัน แต่ขอดูเนื้อหาที่เป็นสาระดีกว่า อะไรที่ไม่เป็นสาระก็ไม่ต้องสนใจ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการพรรค ภท. กล่าวว่า สามารถตอบได้ทุกเรื่องที่อยู่ในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้เกร็งกับการอภิปราย แค่รอฟังว่าผู้อภิปรายจะอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง

ด้านนายจุรินทร์กล่าวว่า ได้เตรียมชี้แจงตามข้อเท็จจริง และสิ่งที่รัฐมนตรีของเราได้ทำมา เราจะนำมาแจ้ง  ส.ส.ในสภาและประชาชนได้รับทราบ

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า ทำการบ้านมากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งวันที่ 19 ก.ค.จะมีการตรวจสอบข้อสอบปากเปล่า มีอะไรติชมก็ว่ากันได้ และไม่ต้องติวหรอก เอาตัวเองให้รอดก่อน

ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทยและรองหัวหน้าพรรค ปชป.ยอมรับถึงเสียงโหวตของพรรคว่า คนที่มีปัญหาก็ยอมรับว่ามีปัญหา ต้องพยายามพูดคุยกัน มีอะไรก็พูดคุยกันในพรรค หากสุดวิสัยจริงๆ ก็เอาเท่าที่ได้

ขณะเดียวกันที่พรรค ปชป.มีการประชุม ส.ส.พรรค เพื่อเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่พบนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 2 คนได้ลงมติสวนแนวทางของพรรคมาโดยตลอด

นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีพรรค ศท.ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะกระทบเสียงโหวตหรือไม่ว่า  พรรค ศท.จะค้านหรือโหวตอย่างมีคุณภาพต้องฟังเป็นเรื่องๆ ไป แต่มั่นใจว่า ศท.ดีเอ็นเอเป็นฝ่ายรัฐบาล และทั้งหมดอยู่ที่บารมีของ พล.อ.ประวิตร เพราะพื้นฐานของ ส.ส.พรรค ศท.ก็มาจากพรรค พปชร.

“การปล่อยทีเซอร์หรือคลิปวิดีโอต่างๆ ออกมาของฝ่ายค้านนั้นเป็นการแสดง เอาเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจของประเทศมาเป็นเรื่องล้อเล่น เป็นการแสดงไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ จะทำเป็นเรื่องสนุก หรือตลกคาเฟ่ หรืออะไรนั้นคิดว่าไม่ใช่” นายนิโรธกล่าวติติงการโปรโมตอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน

ฝ่ายค้านเท 30 ชั่วโมงสับประยุทธ์

สำหรับความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านนั้น นพ.ชลน่านยอมรับว่า การลงมติยกมือในสภายากมากที่เอาชนะได้  เว้นแต่มีหลักฐานทำให้ ส.ส.และประชาชนเห็น ซึ่งพรรคได้เตรียมความพร้อมทั้งข้อมูล หลักฐาน แฉพฤติการณ์พฤติกรรมความผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลว ส่อทุจริต เอื้อประโยชน์ ใช้งบประมาณแผ่นดินแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจโปสเตอร์และคลิปที่เผยแพร่ออกไป จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ขอให้ติดตามการอภิปรายวันแรกจนถึงวันสุดท้าย

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เนื่องจากมีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้องของพี่น้องประชาชน  และอนาคตของประเทศ จึงมุ่งมั่นทำให้ประชาชนเห็นธาตุแท้ของเครือข่ายประยุทธ์ ที่ประคับประคองกันอยู่ด้วยความเชื่อมโยงของผลประโยชน์และการทุจริตคอร์รัปชัน  เพียงหวังที่จะใช้สะสมเป็นกระสุนดินดำสำหรับการเลือกตั้งในครั้งต่อไป

 “พรรคได้เปิดกลไกการมีส่วนร่วมผ่านช่องทาง  LINE OA เพื่อไทย @pheuthai เพื่อให้มีส่วนร่วมทั้งการลงมติไม่ไว้วางใจประยุทธ์และพวก พร้อมฝากข้อความสั้นๆ ถึง พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีในรัฐบาล” นายประเสริฐระบุ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวว่า ในวันแรกจะเริ่มอภิปรายรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน, นายศักดิ์สยาม ตามด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายจุรินทร์ และนายจุติ ส่วนในวันที่  20 ก.ค.จะเริ่มอภิปรายนายนิพนธ์, นายชัยวุฒิ, นายสันติ, พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ โดย พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์จะเป็นการอภิปรายแบบคิวเดี่ยว จากนั้นจะเป็นการอภิปรายชุด 3 ป.ตามด้วย พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงค่ำ โดยจะใช้เวลากับ พล.อ.ประยุทธ์ทั้งหมด 30 ชั่วโมง

ด้าน ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงการเข้าพบ พล.อ.ประวิตรเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ว่า พล.อ.ประวิตรได้ขอร้องให้พรรคยกมือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทั้งหมด แต่ได้ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากว่าวันนี้สถานะของพรรคคือพรรคฝ่ายค้าน ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว และถึงแม้พรรคไม่ได้ร่วมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านได้จัดสรรแบ่งเวลากันไว้หมดแล้ว  แต่เราก็จะโหวตตามมติของพรรคฝ่ายค้าน ทุกคนในพรรคจะโหวตไปในทางเดียวกัน ยกเว้นโหวตให้ พล.อ.ประวิตร  ที่พรรคยังสนับสนุนการทำหน้าที่บริหารราชการของท่าน  เนื่องจากว่ายังไม่เห็นข้อบกพร่องและการทุจริตใดๆ เกิดขึ้น

นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีพรรค ศท.จะร่วมอภิปรายกับฝ่ายค้านจะทำได้หรือไม่ว่า ญัตติเป็นของสภา ตามข้อบังคับไม่ได้ห้ามไม่ให้ผู้เสนอญัตติอภิปราย แต่ข้อบังคับจะเขียนไว้ว่า ผู้ที่มีสิทธิ์อภิปรายก่อนคือผู้ร่วมเสนอญัตติ ดังนั้นพรรค  ศท.ต้องหารือกับวิปฝ่ายค้านหากจะอภิปราย และต้องให้วิปฝ่ายค้านส่งชื่อส่งเวลาเข้ามา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง