‘ADB’หั่นจีดีพี ปี65เหลือ2.9% เงินเฟ้อแตะ6.3

"เอดีบี" ลุยหั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 2.9% หลังราคาพลังงาน-สินค้าอุปโภคบริโภคทะยาน พ่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หวั่นกระทบความต้องการกดส่งออกทรุด คาดเงินเฟ้อไทยปีนี้ทะยานแรงแตะ 6.3% "กสิกรไทย" จับตาแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย ส.ค.นี้ 0.25% ลดแรงกดดันเงินเฟ้อพุ่ง

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือเอดีบี ได้ปรับลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2565 ลงเหลือ 2.9% จากคาดการณ์เดิมที่ 3% และปี 2566 เหลือ 4.2% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.5% ถึงแม้จะมีสัญญาณไปในทางบวก เนื่องจากราคาพลังงานและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะส่งผลต่อความต้องการส่งออกที่ลดลง ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ลดลง

นอกจากนั้น คาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นจาก 3.3% เป็น 6.3% ในปี 2565 และในปี 2566 จาก 2.2% เป็น 2.7% เนื่องจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง

ทั้งนี้ เอดีบียังได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกอยู่ที่ 4.6% ในปีนี้ จากคาดการณ์เดิมที่ 5.2% เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอลง การเงินตึงตัวในระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว และภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเป็นผลจากการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียอย่างต่อเนื่อง

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.25% ในเดือน ส.ค.นี้ เพราะหากปล่อยให้เงินบาทอ่อนค่าไปเรื่อยๆ จะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ เพราะในภาพรวมขณะนี้เงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ที่สูงผิดปกติ กดดันให้ค่าเงินอ่อนค่า ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลดีไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนมากเกินไป พร้อมกันนี้การขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน พ.ย. จะเหมาะสมมากขึ้น สอดคล้องกับภาวะการท่องเที่ยวของไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตัวเลขนักท่องเที่ยว 7 ล้านคนในปีนี้มีโอกาสเป็นไปได้ ทำให้มีเงินสะพัดช่วยให้เศรษฐกิจอยู่ในสถานะที่ดีขึ้น

"แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐกับดอกเบี้ยไทยเริ่มมีผลต่างน้อยลงต่อการไหลออกของเงินทุน เนื่องจากว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอการขายทรัพย์สินในไทย ทำให้กสิกรไทยปรับคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนในช่วงสิ้นปีจะอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ จาก 33.55 บาทต่อดอลลาร์" นายกอบสิทธิ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง