พณ.ขยับเงินเฟ้อ5.5-6.5%

“พาณิชย์” เผยเงินเฟ้อ ก.ค.2565 เพิ่ม 7.61% ชะลอตัวลง หลังทำสถิติสูงสุดในเดือนที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจากน้ำมัน แม้แก๊สโซฮอล์ เบนซินจะลดลง พร้อมปรับเป้าเงินเฟ้อใหม่เป็น 5.5-6.5%

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) ว่าในเดือนกรกฎาคม 2565 เท่ากับ 107.41 เทียบกับมิถุนายน 2565 ลดลง 0.16% เทียบกับเดือน ก.ค.2564 เพิ่มขึ้น 7.61% ซึ่งลดลงจากเดือน มิ.ย.2565 ที่เคยขึ้นไปถึง 7.66% ส่วนเงินเฟ้อรวม 7 เดือนปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) เพิ่มขึ้น 5.89% และเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก ดัชนีอยู่ที่ 103.50 เพิ่มขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.2565 และเพิ่มขึ้น 2.99% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.2564 และเฉลี่ย 7 เดือนเพิ่มขึ้น 2.01% 

นายรณรงค์กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น สาเหตุหลักยังคงเป็นสินค้ากลุ่มพลังงาน ที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 33.82% แม้ว่าน้ำมันบางชนิด เช่น แก๊สโซฮอล์ และเบนซินจะลดลง แต่ดีเซลที่เป็นต้นทุนการผลิตและการขนส่งยังคงเดิม รวมถึงก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 8.02% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น ไก่สด พริกสด และต้นหอม เครื่องประกอบอาหาร และอาหารสำเร็จรูป ราคาเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่หมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่ม 7.35% สินค้าสำคัญที่สูงขึ้น เช่น หมวดเคหสถาน เพิ่ม 8.42% โดยเพิ่มขึ้นจากค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม แต่ก็มีสินค้าสำคัญหลายรายการลดลง เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ผักและผลไม้บางชนิด เช่น ถั่วฝักยาว มะนาว ขิง ผักคะน้า กล้วยน้ำว้า ฝรั่ง และลองกอง เป็นต้น

นายรณรงค์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือน ส.ค.2565 ยังประเมินไม่ได้ เพราะมีหลายปัจจัยมาก หากกลุ่มพลังงาน ราคาสูงขึ้น เงินเฟ้อก็จะสูง ถ้าราคาทรงตัวหรือลดลง เงินเฟ้อก็จะลดลง แต่เดือน ส.ค.2564 ฐานเงินเฟ้อต่ำ ก็น่าจะมีผลทำให้เงินเฟ้อสูง ส่วนผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม หากดูสมมติฐานนี้ ก็มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อบ้าง แต่สัดส่วนคำนวณเงินเฟ้อไม่ได้มาก อย่างค่าไฟมีสัดส่วน 3.85%

“สนค.ได้ปรับเป้าหมายตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2565 ใหม่ เป็นระหว่าง 5.5-6.5% ค่ากลาง 6% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 4-5% ค่ากลาง 4.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และการคาดการณ์เงินเฟ้อของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของไทย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมิน 4.2-5.2%, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 6.2%, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) 6.5%, คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) 5.7% และแบงก์เอกชน ประเมิน 5.9% และ 6% เป็นต้น” นายรณรงค์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง