คลุมฮิญาบ30คนป่วนใต้! หวังต่อรองเจรจาสันติสุข

เช็กกล้องวงจรปิดพบคนร้ายป่วนใต้แต่งตัวเป็นผู้หญิงคลุมฮิญาบร่วม 30 คน คาดฝีมือกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ผ่านการฝึกแสดงฝีมือโชว์แกนนำบีอาร์เอ็น ด้าน “เลขาฯ สมช.” คาดเป็นเทคนิคกดดันหวังกดดันเจรจาสันติสุข

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ประชุมหน่วยข่าวในพื้นที่เป็นการเร่งด่วน เพื่อรับฟังปัญหาและมอบแนวทางตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการ โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯ สั่งการให้ยกระดับมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก ไม่ให้มีความเสียหายต่อประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ โดย กอ.รมน.ภาค 4 สน. รับไปดำเนินการ           

พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปคือการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุร้ายเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว มีความยุติธรรม และเป็นไปตามขั้นตอน จากนั้นต้องปรับระบบการทำงานในเรื่องความมั่นคง ทั้งการพูดคุยเพื่อสันติสุข มาตรการรักษาความสงบ และเดินหน้าทำความเข้าใจ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้มากขึ้น โดยรัฐบาลพยายามทำและมีความคืบหน้า คือพัฒนาพื้นที่ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไปถึงระดับรากหญ้า พัฒนาระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ สำหรับเบาะแสเกี่ยวกับการก่อเหตุนั้น มีการรายงานข่าวอยู่แล้ว โดยการก่อเหตุครั้งนี้ได้ปรับเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุ แต่น่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่ดำเนินการ

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเชื่อมโยงกับเรื่องของการเมือง พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า การเมืองในมิติของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือความต้องการในบริบทที่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งจะดำเนินการคู่ขนานกับการใช้กำลังด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เพื่อก่อเหตุรุนแรง จึงมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณา โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจ อยู่ระหว่างดำเนินการ จึงขอให้รอฟังความชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดจึงมีการก่อเหตุในช่วงปลายปี ลักษณะเหมือนเป็นวงรอบพล.อ.สุพจน์กล่าวว่า เป็นจังหวะของเหตุการณ์ หากติดตามการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการพูดคุยเพื่อสันติสุข ที่มีความคืบหน้าและพูดคุยกันบ่อย ครอบคลุมและกว้างขวางมากขึ้น ดังนั้นกลุ่มที่เข้ามามีส่วนในปัญหาก็จะมีความต้องการที่แตกต่างกันไป ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต้องพยายามตอบสนอง ในขณะที่ไทยต้องการให้ภาคใต้เป็นพื้นที่สงบสุข อยู่ร่วมกันได้ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม เศรษฐกิจดี ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ที่ศาลากลางจังหวัดยะลา นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐได้พยายามสร้างการรับรู้ให้พี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประชาชนในพื้นที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกัน สำหรับด้านคดี มีรายงานจากชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่าขณะนี้ได้เข้าไปติดตามสืบสวนพยานในที่เกิดเหตุโดยเฉพาะพนักงานเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย สามารถดูภาพจากกล้องวงจรปิดถึงพฤติกรรมและกลุ่มคนร้ายได้อย่างชัดเจน การก่อเหตุในแต่ละจุดคนร้ายแต่งตัวเป็นผู้หญิงคลุมฮิญาบประมาณ 6-7 คน รวมแล้ว 20-30 คน น่าจะเป็นกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ที่ผ่านการฝึกใหม่ เนื่องจากระเบิดที่คนร้ายใช้ไม่มีสะเก็ดระเบิด แค่เพียงให้เกิดไฟไหม้เท่านั้น

รายงานของหน่วยความมั่นคง การก่อเหตุครั้งนี้ กลุ่มคนร้ายในพื้นที่ จ.ปัตตานี ได้มีการแบ่งเป็น 3 โซนในการก่อเหตุ ซึ่งคืนเกิดเหตุนั้นพื้นที่ จ.ปัตตานี มีการก่อเหตุ 3 จุด แต่เกิดเหตุเพียง 2 จุด คือ 1.ปั๊มน้ำมันบางจาก อ.หนองจิก 2.มินิบิ๊กซีถูกคนร้ายวางเพลิง และ 3.ลอบวางระเบิดปั๊มน้ำมัน ปตท. แต่ไม่ระเบิด จนท.เก็บกู้ไว้ได้ คนร้ายที่ก่อเหตุมีทั้งชุดเก่า และชุดใหม่ที่เป็นแนวร่วมในพื้นที่ มุ่งหวังแสดงศักยภาพให้แกนนำระดับสูงของกลุ่ม BRN เห็นผลงาน จึงได้ก่อเหตุทำลายฐานเศรษฐกิจเพื่อลดความน่าเชื่อถือของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จึงได้ระดมกำลังทำลายทรัพย์สินที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ด้านธุรกิจในพื้นที่

นอกจากนั้น ยังต้องการจะสื่อว่าฝ่ายรัฐไทยไม่ยอมให้การเจรจาสันติภาพมีความก้าวหน้าอย่างราบรื่น โดยเฉพาะพล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เป็นหัวหน้าคณะ ไม่ยอมทำตามข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องของคณะเจรจาสันติภาพของ BRN ว่าด้วยเรื่องให้ทางฝ่ายไทย ลงชื่อรับรองในเอกสารกรอบข้อตกลง TOR ที่จะนำไปสู่ในขั้นปฏิบัติทุกฉบับ และไม่ยอมให้สถานะมีหลักประกันชอบธรรมด้วยกฎหมายแก่คณะของผู้แทน BRN ที่อยู่ในต่างประเทศ และมีความประสงค์จะกลับเข้ามาในพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เปิดเวทีสาธารณะหารือกับประชาชน

ที่โรงแรมปาร์คอินทาวน์ อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คพส.) นำโดย พล.อ. วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข, พล.ต.ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 เปิดประชุมคณะประสานงานระดับพื้นที่อีกครั้ง โดยมีกลุ่มผู้ประสานงานทั้ง 8 กลุ่มเข้าร่วมกว่า 200 คน ทั้งนี้ พล.อ.วัลลภให้สัมภาษณ์ว่า อันดับแรกจะต้องรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน นำผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีในที่สุด อย่างไรก็ตามไม่ว่ากลุ่มไหนที่ก่อเหตุความรุนแรง ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะมีด้านสังคม  เศรษฐกิจ ตนก็ขอประณามการก่อเหตุความรุนแรง ซึ่งการก่อเหตุอย่างนี้ได้รับผลกระทบทั้งกลุ่มเด็กและสตรี ก็เป็นการละเมิดสิทธิ์ สำหรับการพูดคุยสันติสุขก็เป็นข้อเสนอของรัฐบาลเพื่อหาแนวทางสันติวิธี ซึ่งทุกฝ่ายก็ยอมรับ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ประชาชนลดความเชื่อมั่น แต่ยังคงคาดหวังในการพูดคุยสันติสุขต่อไป

พล.อ.วัลลภกล่าวอีกว่า หลายๆองค์กรก็ยังพยายามใช้แนวทางความรุนแรงอยู่ ซึ่งเราให้ปรับเปลี่ยนการใช้ความรุนแรงมาใช้แนวทางสันติ แต่ถ้าใช้ความรุนแรงก็ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง และประชาชนก็ออกมาประณามและต่อต้านการใช้ความรุนแรง ทุกฝ่ายก็ยืนยันมุ่งมั่นในการพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้  ที่ผ่านมาเราก็พยายามพูดคุย แต่สิ่งที่เราต้องการคือการลดความรุนแรง เราจะพยายามถึงจุดนั้นให้ได้ ส่วนในครั้งที่ 6 ที่จะมีการพูดคุยสันติสุข ก็จะเป็นการร่วมมือทั้ง 2 ฝ่าย จะทำให้มีประสิทธิภาพควบคุมความรุนแรง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง