ตรึงทำเนียบสกัดม็อบ ‘ชวน’ชงศาลตีความ8ปีนายกฯ/‘แรมโบ้’ขู่ปลุกมวลชนสู้

ประธานชวนยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความวาระ 8 ปีเก้าอี้ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วน “กกต.” ปัดทิ้งอ้างมีคนทำหน้าที่แล้ว ส่วน “ประยุทธ์” เล่นบทเตมีย์ใบ้  “อนุชา” เผยนายกฯ ไม่มีการสั่งการพิเศษ "วิษณุ" แจงในใจเตรียมรับมือไว้แล้ว รอเพียงศาลจะสั่งรูปแบบไหน ข้องใจม็อบต้องการกดดันศาลหรือบิ๊กตู่กันแน่ "เสกสกล" ลั่นอย่าให้คนหนุนนายกฯ ทนไม่ไหว พร้อมปลุกมวลชนสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผกก.นางเลิ้งออกคำสั่งห้ามจอดรถช่วง  21-24 ส.ค. “ชัชชาติ” ออกตัวทันควันลานคนเมืองรับได้แค่พันคน หากลงถนน กทม.ไม่เกี่ยวฝ่ายมั่นคงดูแล

เมื่อวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งคำร้องของพรรคฝ่ายค้านที่ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา จะสิ้นสุดในวันที่ 23 ส.ค.นี้หรือไม่ ว่าหลังจากได้ลงนามไปแล้วในวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้นในวันนี้จึงจะนำคำร้องไปส่งที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ต่อมาเวลา ​10.30 น. ​เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการ​สภา​ผู้แทน​ราษฎร​ได้เดินทางไปส่งหนังสือคำร้อง​จากกรณี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อยื่นต่อนายชวน ​เพื่อขอให้ส่งศาล​รัฐธรรมนูญ​วินิจฉัย​วาระการดำรงตำแหน่ง​นายกรัฐมนตรี​​ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560  มาตรา 170 วรรคสามแล้ว ทั้งนี้ต้องจับตาการประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ​ประจำสัปดาห์ในวันพุธที่​ 24  ส.ค.ว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณารับหรือไม่รับไว้วินิจฉัยหรือไม่​ และตามคำร้องที่ส่งมาให้ศาลจะมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์​ยุติการปฏิบัติ​หน้าที่นายกฯ ​ไว้เป็นการชั่วคราว​จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย​หรือไม่​

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการ​การเลือกตั้ง​  (กกต.)​ มีมติไม่ส่งเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ  พล.อ.ประยุทธ์ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 5 ส.ค. เนื่องจาก กกต.เห็นว่าสมาชิกรัฐสภามีการยื่นคำร้องผ่านประธานสภาผู้แทนฯ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา  82 แล้ว กกต.จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการอีก

ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ  ครั้งที่ 2/2565 โดยก่อนการประชุมสื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงการเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน โดยนายกฯ ไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า นายกฯ และฝ่ายความมั่นคงยังไม่ได้สั่งการอะไร เพียงแต่ให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย

ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ยังคงปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องสถานการณ์การชุมนุม โดยทำเพียงยกมือสวัสดีและยกมือปฏิเสธการให้สัมภาษณ์

ขณะที่นายอนุชากล่าวอีกรอบว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งในการประชุมยุทธศาสตร์ชาติก็ไม่ได้พูดถึงสถานการณ์การชุมนุมอะไรทั้งสิ้น และในที่ประชุมก็ไม่มีการพูดถึงประเด็นทางการเมือง มีแต่พูดถึงการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติและแนวทางวิธีการปรับเปลี่ยนการประเมินผล ทำอย่างไรจะให้ยุทธศาสตร์ชาติสามารถดำเนินการให้เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์การบริหารราชการแผ่นดิน

นายกฯ ไม่มีสั่งการพิเศษ

เมื่อถามว่า ช่วงวันหยุดที่ผ่านมานายกฯ ได้สั่งการอะไรหรือไม่หลังผู้ชุมนุมประกาศรวมตัว นายอนุชาย้ำว่า  ไม่ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม ในส่วนผู้รับผิดชอบทั้งบริเวณทำเนียบรัฐบาล มีแค่การประชุมซักซ้อมความเข้าใจกระบวนการเตรียมความพร้อมปกติ เมื่อมีกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าจะชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ถ้าใกล้กับทำเนียบฯ  ก็เป็นเรื่องปกติที่จะประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องเส้นทางที่ต้องเจรจาพูดคุยอะไรต่างๆ

เมื่อถามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกฯ  ยังประชุมตามปกติใช่หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ประชุม ครม.ที่ทำเนียบฯ ยังมีตามปกติตอนเช้า

 “อยากให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามเรื่องกระบวนการที่จะพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย การไปคาดคะเนเรื่องต่างๆ ทั้งหมดอาจไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด อยากให้ทุกอย่างเข้าอยู่ในกระบวน ที่ตอนนี้มีขั้นตอนทุกอย่างอยู่แล้ว ผลออกมาอย่างไร นายกฯ พูดย้ำว่าท่านไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องเข้าสู่การพิจารณา และผลคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็คงต้องให้ความเคารพทุกๆ อย่างอยู่แล้ว เหมือนกับประชาชนทั่วไป” นายอนุชากล่าว

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการชี้แจงของรัฐบาลหลังนายชวนยื่นเรื่องให้ศาลตีความประเด็นความเป็นนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ยังไม่ต้องถึงขนาดนั้นเพราะยังไม่รู้ศาลจะสั่งให้ชี้แจงหรือไม่ อาจไม่ต้องให้ใครชี้แจง หรือสั่งให้ใครชี้แจง อาจเป็นนายกฯ โดยตรง  หรือรัฐบาล ซึ่งก็คือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)  เพราะเรื่อง 8 ปีเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว คงไม่ต้องเป็นท่าทีของรัฐบาล จึงยังไม่รู้จะเตรียมอะไร แต่คร่าวๆ ในใจมีกันอยู่ ฉะนั้นหากศาลสั่งมาแนวทางไหนก็พร้อมชี้แจง แต่ขอเวลาหน่อยวันถึงสองวัน เรื่องนี้ไม่เสียเวลาคิด แต่เสียเวลาพิมพ์ เพราะเวลายื่นคำตอบต่อศาล การพิมพ์ต้องใช้เวลา เพราะไม่ใช่นึกจะเขียนอะไรก็เขียนไป มันตั้ง 9 ชุด

เมื่อถามว่า ข้อมูลในใจคร่าวๆ ที่ว่าคืออะไร นายวิษณุ กล่าวว่า บอกไม่ได้เดี๋ยวเสียรูปคดี

ถามอีกว่า เมื่อนายชวนยื่นเรื่องไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำสั่งรับคำร้องภายในวันที่ 24 ส.ค.เลยหรือไม่ เพราะผู้ร้องมองว่าวันดังกล่าวเลยการดำรงตำแหน่ง 8 ปี นายวิษณุกล่าวว่า แล้วแต่ศาล ไม่ทราบ  ส่วนจะใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ ก็ไม่ทราบ แต่ไม่ได้มีผลอะไรเหมือนที่ฝ่ายค้านอธิบายไปแล้วนั้นถูกต้อง เพราะเมื่อนายชวนส่งเรื่องไปที่ศาล ศาลจะสั่งสองอย่างคือไม่รับคำร้องกับรับคำร้อง ถ้ารับคำร้องจะมีคำสั่งตามมาว่า รับโดยให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ กับรับโดยนายกฯ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอคำพิพากษา ถ้าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แทน ครม.ก็อยู่ทำหน้าที่ทั้งหมด ไม่ต้องกลัวอะไรจะโมฆะไม่ว่าวันไหนศาลตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์ พ้นหรือไม่พ้น ครม.ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังมีอีกตำแหน่งคือ  รมว.กลาโหม ที่ไม่มีข้อกำหนด 8 ปี หากเป็นเช่นนั้น  พล.อ.ประยุทธ์ก็นั่งเป็นลูกน้อง พล.อ.ประวิตร ในที่ประชุม  ครม.ระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำวินิจฉัย ทั้งนี้ถ้าถึงที่สุดแล้วศาลวินิจฉัยให้พ้นเพราะประเด็น 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังรักษาการได้ แต่ควรหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และคิดว่าการหานายกฯ ใหม่ไม่น่าจะยากอะไร นายชวนคงรีบดำเนินการใน 3 วัน 7 วัน

เมื่อถามอีกว่า หากมีคำวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งแล้วไม่รักษาการต่อ พล.อ.ประวิตรจะทำหน้าที่นายกฯ รักษาการทันทีเลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มีวิธีการอยู่ เพราะนายกฯ เคยมีคำสั่งไว้ว่ากรณีไม่อยู่หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ให้ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนอันดับที่หนึ่ง รองนายกฯ คนอื่นๆ เป็นลำดับถัดๆ ไป  โดยไปหยิบคำสั่งดังกล่าวมาใช้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ยึดอำนาจแล้วขึ้นได้เลย

วิษณุข้องใจม็อบกดดันใคร

เมื่อถามว่า ที่สุดแล้วหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องแล้วไม่มีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีคำสั่งให้พ้นตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.65 การดำเนินการระหว่างนั้นของรัฐบาลจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า สมบูรณ์ทุกประการ เพราะถ้าคิดง่ายๆ หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่หรือยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์พ้นใช่หรือไม่ แต่ ครม.ยังอยู่ใช่หรือไม่ สามารถมีมติ ครม.ได้

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสกดดันจากภายนอกให้นายกฯ ออกจากตำแหน่ง รัฐบาลกังวลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบต้องถามผู้เกี่ยวข้อง แต่เรารู้อยู่ว่ามีการกดดัน ซึ่งไม่รู้ว่ากดดันใคร กดดันนายกฯ หรือกดดันศาลก็ไม่รู้

ส่วนความเคลื่อนไหวในการเตรียมรับการชุมนุมนั้น  พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยทำแค่เพียงยิ้มและยกนิ้วโป้งแสดงสัญลักษณ์ว่าเยี่ยม

ขณะที่ ​พล.ต.ต.วรากร​ อยู่อย่างไท​ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3​ ซึ่งดูแลพื้นที่ทำเนียบฯ กล่าวว่า ได้เตรียมกำลังพร้อมตลอด​ซึ่งไม่มีอะไรที่หนักใจ​ เป็นการจัดเตรียมกำลังตามปกติ ส่วนการปิดการจราจรบริเวณ​โดยรอบทำเนียบฯ อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งผู้บังคับบัญชา​ยังไม่ได้มีการกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ

ด้าน พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ได้ลงนามในคำสั่งสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งที่ 130/2565  เรื่องห้ามรถทุกชนิดเดิน ห้ามหยุดหรือห้ามจอดรถทุกชนิด เป็นการชั่วคราว เนื่องด้วยในระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค. 65 มีการนัดรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนหลายกลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มคณะหลอมรวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ นัดหมายมวลชนแนวร่วมชุมนุมระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค.65  บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2.กลุ่มราษฎรไล่ตู่ คนแดงปฏิวัติ นำโดยนายวรเดช เปรมกมล  ประกาศจัดการชุมนุมในวันที่ 24 ส.ค.65 เริ่มชุมนุมเวลา 14.00 น. บริเวณแยกราชประสงค์และเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล และ 3.กลุ่ม 14 ขุนพล นำโดยนายจิรภาส กอรัมย์ ประกาศจัดกิจกรรมขีดเส้นตายไล่เผด็จการในวันที่ 23 ส.ค.65 เริ่มชุมนุมเวลา 17.00  น.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดโดยรอบทำเนียบฯ ยังเป็นปกติ ไม่มีการปิดเส้นทางจราจรโดยรอบแต่อย่างใด มีเพียงการวางตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 10 ตู้ เพื่อสแตนด์บายไว้ที่บริเวณถนนพระรามที่ 5 ด้านข้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครและทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น

ม็อบลงถนน กทม.ไม่เกี่ยว

พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีการชุมนุมที่ลานคนเมืองของคณะหลอมรวมประชาชน ว่ายังไม่พบรายงานจากเจ้าหน้าที่ กทม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนแต่อย่างใด

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า  กทม.มีหน้าที่เตรียมพื้นที่การชุมนุม จัดรถสุขาให้ตามที่มีการขอมาเท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้ประชาชนในละแวกเดือดร้อน ไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมค้างคืน เพราะรอบบริเวณยังมีผู้คนมาออกกำลังกาย มีวัด มีร้านค้า และการสัญจรของประชาชน เกรงว่าจะสร้างความไม่สะดวกแก่ประชาชนโดยรวม

 “กทม.มีหน้าที่เตรียมพื้นที่ชุมนุมสาธารณะให้ตามกำลังที่เรามี ลานคนเมืองรับได้ 1,000 คน แต่หากมีการขยับลงมาบนถนนหรือเคลื่อนที่ เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง นอกเหนือการควบคุมของเรา เราก็จะอำนวยความสะดวกในหน้าที่ของเรา” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวและว่า ที่ผ่านมามีบรรยากาศที่สร้างสรรค์ ทำให้เห็นเนื้อหาชัดเจน  และถือเป็นเรื่องดี ไม่มีความรุนแรง แต่การลงถนนจะกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน รวมถึงการสัญจรบนถนน และการลงถนนอาจทำให้ประเด็นในการชุมนุมถูกเบี่ยงเบนไป

ขณะเดียวกัน ยังคงมีการแสดงความคิดเห็นหลากหลายประเด็นวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี โดยนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว.ระบุว่า ในเชิงวิชาการมี 3  แนวทาง คือ 1.จะนับตั้งแต่ปี 2557 2.นับตั้งแต่ปี  2560 และ 3.นับตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งองค์กรที่จะวินิจฉัยคือศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเราปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจึงควรเคารพกติกาและกฎหมายบ้านเมือง เมื่อมีองค์กรวินิจฉัยเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว จะมาทะเลาะกันทำไม ใช้ความรุนแรงและลงถนนทำไม ต้องเคารพศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้

“ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าอยู่ไม่ได้ ครบวันที่ 24  ส.ค.65 พล.อ.ประยุทธ์ก็ขาดคุณสมบัติและต้องออกไปอยู่แล้ว แต่หากศาลตัดสินว่าอยู่ได้ เพราะนับตั้งแต่ปี 2562  นั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็จะไม่ได้มาเป็นนายกฯ โดยอัตโนมัติ  เพราะจะครบวาระในปี 2566 แล้ว และประชาชนทั่วประเทศจะเป็นคนตัดสินว่าจะได้อยู่ต่อจนครบปี 2570  หรือไม่ ผมคิดว่าไม่เป็นปัญหาและเราควรเดินตามครรลอง  ถ้าไม่เคารพกฎหมายและกติกา ในอนาคตบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้” นายดิเรกฤทธิ์กล่าว

ยกโพล 93% ไม่ให้ลุงตู่ไปต่อ

ส่วนพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์  ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค พท. อ่านแถลงการณ์ของพรรคเรื่องบทพิสูจน์นายกรัฐมนตรี 8 ปีกับการปฏิรูปการเมืองไทย ระบุว่า เจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญสอดคล้องกับถ้อยคำตามลายลักษณ์อักษรของรัฐธรรมนูญ มาตรา  158 มาตรา 171 และมาตรา 264 ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในวันที่  24 ส.ค.65 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อปี 2557 และตั้งตนเองเป็นนายกฯ  ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า ต้องการปฏิรูปการเมือง แม้เมื่อมีรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งตนเองผลักดัน ก็จัดเรื่องการปฏิรูปประเทศรวมถึงการปฏิรูปการเมืองไว้เป็นหมวดหนึ่งของรัฐธรรมนูญ การไม่ให้นายกฯ อยู่ในตำแหน่งยาวนานเกินไป จึงกำหนดระยะเวลาสูงสุดไว้ 8 ปี เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจ สร้างอิทธิพลทางการเมืองขึ้น อันจะเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตทางการเมือง จึงเป็นสาระสำคัญที่ส่อแสดงถึงความต้องการปฏิรูปการเมือง

 “พล.อ.ประยุทธ์จะดำเนินการโดยประการใดกับกรณีเป็นนายกฯ มา 8 ปีแล้ว จะเป็นวิกฤตของประเทศอีกครั้งหนึ่ง และอาจนำมาซึ่งความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองขึ้น แต่สิ่งที่จะสะท้อนได้แน่นอนคือ การปฏิรูปการเมืองที่กล่าวไว้ตั้งแต่ยึดอำนาจการปกครองประเทศเรื่อยมา เป็นความจริงใจหรือเป็นเพียงวาทกรรมคำพูดที่ให้ดูดีเท่านั้น  วันสองวันนี้จะเป็นบทพิสูจน์" น.ส.ธีรรัตน์อ่านแถลงการณ์ทิ้งท้าย

ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงผลโหวตเสียงประชาชน ครั้งที่ 2  โดยเครือข่ายนักวิชาการ 8 มหาวิทยาลัยร่วมกับทีวีดิจิทัลและสื่อออนไลน์ 8 สำนัก ระหว่างวันที่ 20-21 ส.ค.ว่า  มีจำนวนการโหวตทั้งหมด 374,063 โหวต โดยเป็นการโหวตในประเทศไทย 369,484 โหวต จากต่างประเทศ 4,579 โหวต ซึ่งเมื่อถามว่า พล.อ.​ประยุทธ์​ควรดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน​ 8​ ปีหรือไม่ ผลโหวตตอบว่า  พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี  จำนวน 348,511 โหวต หรือ 93.17% และตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี จำนวน  25,552 โหวต หรือ 6.83%

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวว่า เห็นด้วยกับผลสำรวจความคิดเห็นของ  TOP NEWS VOTE ที่สำรวจความเห็นของประชาชน พบว่าส่วนใหญ่ 99% อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินกรณีการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ส่วนที่นายปริญญาโพสต์ผลโหวต 93.17% พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรเป็นนายกฯ เกิน 8 ปีนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของนายปริญญาที่จะหยิบยกโพลที่เข้าทางของตัวเองมานำเสนอ แต่ขอให้มองผลโพลอื่นๆ ด้วย เพราะใครก็รู้กันทั้งประเทศว่านายปริญญาคือพวกของใคร มีเป้าหมายรับใช้ใคร เป็นนักวิชาการในห้องแอร์ที่เคยทำประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติและประชาชนบ้าง

"อย่าลืมว่าประชาชนคนที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ยังมีมากมายเต็มบ้านเต็มเมือง ถ้าผมปลุกระดมพี่น้องประชาชนออกมาเดินถนนขับไล่นักวิชาการและนักการเมืองชั่วๆ เหล่านี้บ้าง อะไรจะเกิดขึ้น อยากเห็นม็อบชนม็อบอีกหรืออย่างไร อย่าให้พวกผมทนไม่ไหวขึ้นมาอีก สุดท้ายประชาชนสองฝ่ายออกมารบราฆ่าฟันกันบนท้องถนนอีกเหมือนในอดีต ผมไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก อย่าให้พวกผมที่สนับสนุนนายกฯ ทนไม่ไหวก็แล้วกัน  พวกผมก็มีมือมีตีน มีกำลังเหมือนกัน อย่าคิดว่าพวกฝ่ายมารเผาบ้านเผาเมืองคิดทำลายประเทศทำได้ฝ่ายเดียว พวกผมก็มีมวลชนมากมายทั่วประเทศ พร้อมที่จะเคลื่อนออกมาสนับสนุนนายกฯ พร้อมสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟันเหมือนกัน" นายเสกสกลกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์