เอาจริง!ยึดภาคใต้ บิ๊กป้อมนำทีมขนทัพใหญ่ เรืองไกรขยี้ปมหมอเลี้ยบ

ปชป.เจอศึกหนัก พปชร.ไม่เกรงใจแล้ว รุกหนักหวังยึดพื้นที่ภาคใต้เบ็ดเสร็จ เตรียมขนทัพใหญ่ เข็น "บิ๊กป้อม" ตรึงพื้นที่ 3 จังหวัดหัวเมือง เสริมทัพแน่น "อนุมัติ-นักธุรกิจพันล้านค้าน้ำมันรายใหญ่ภาคใต้" ไม่แคร์เก้าอี้ ส.ว. ลาออกเป็นขุนพล พปชร.ภาคใต้ตอนล่าง "เรืองไกร" ร้อง กกต.สอบยุบ พท.ปมหมอเลี้ยบ กัลฟ์ฯ ฟ้อง "โรม" 100 ล้าน

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.) กล่าวถึงการเดินทางไปเปิดสาขาพรรคที่จังหวัดนราธิวาส ของ​ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า มีสมาชิกไปต้อนรับกันอย่างคึกคัก ถือเป็นเรื่องที่ดี และคาดว่าเร็วๆ นี้จะเชิญ พล.อ.ประวิตรไปเปิดสาขาพรรคอีก 2-3 จุด เช่น นครศรีธรรมราช สงขลา​ และสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า​ พปชร.จะดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างดี

เมื่อถามว่า คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยังคงอยู่กับ​ พปชร.ใช่หรือไม่ เพราะนายกฯ อาจจะเบื่อกับปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรคที่ผ่านมา นายสายัณห์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในพรรคขณะนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ทุกอย่างจบหมดแล้ว

เมื่ิอถามว่า​ ถ้านายกฯ ไม่เอา พปชร. จะเป็นปัญหากับพรรคหรือไม่ นายสายัณห์กล่าวว่า ค่อยคิดกันอีกที แต่ ณ วันนี้ พปชร.ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ยังคงยืนยันที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคอยู่ และไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะถอดใจ หรือเบื่อกับปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรค​ เพราะนายกฯ สร้างมากับมือ คงไม่เบื่อง่ายๆ อีกทั้งขณะนี้ในพรรคก็มีความเข้มแข็งอยู่เยอะ

เมื่อถามว่าปัญหาใน​ พปชร.ที่บอกว่าจบ แต่ดูเหมือนมันยังไม่จบ นายสายัณห์กล่าวว่า ต้องขอเวลาแก้ไขอีกหน่อย ตอนนี้สมาชิกสามัคคีกันดี เชื่อว่าผู้ใหญ่จะแก้ไขให้สมาชิกสบายใจได้ และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเดี๋ยวมันก็จบ จบแบบแฮปปี้เอนดิง เชื่อว่าทุกอย่างจะมีทางออก ขอเวลานิดนึง

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าอาจจะมีการยุบสภากลางปีหน้า นายสายัณห์กล่าวว่า ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะมีการยุบสภา ซึ่ง ส.ส.รัฐบาลทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองในสภา อย่างน้อยต้องไปอยู่ในองค์ประชุม เพื่อโหวตกฎหมายสำคัญให้ผ่าน ซึ่งสมัยประชุมนี้ฝ่ายค้านไม่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ อาจจะสบายใจได้ส่วนหนึ่ง แต่ที่ต้องตระหนักคือมันมีกฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่เกี่ยวกับการเงิน ถ้าไม่ผ่านสภารัฐบาลก็อยู่ไม่ได้​ รัฐบาลอยู่มาได้ถึงวันนี้ 3 ปีกว่า ถือว่าไม่ใช่น้อย ถ้าผ่านสภาสมัยนี้ไปได้ก็ครบ 3 ปีพอดีแล้ว

มีรายงานจากพรรคพลังประชารัฐแจ้งว่า จากการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตรที่จ.สงขลา เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่นายอนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งได้ลาออกจาก ส.ว. มีผลเมื่อวันที่ 3 พ.ย. มาต้อนรับด้วยนั้น

มีรายงานว่า นายอนุมัติจะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญทำพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง อย่างพัทลุง สงขลา ปัตตานี สตูล ยะลา และนราธิวาส ทั้งนี้ นายอนุมัติถือว่ามีฐานคะแนนมากในพื้นที่ โดยเฉพาะสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เคยลงสมัครเลือกตั้ง ส.ว.สงขลาปี 57 ได้รับเลือกด้วยคะแนนสูงสุด ภายหลังมีการรัฐประหาร​ 22​ พ.ค.57 นายอนุมัติได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ​ (สนช.)​ ก่อนลาออกไปช่วงต้นเดือน​ มี.ค.62​ มาช่วยพลังประชารัฐภาคใต้ตอนล่าง​ในการเลือกตั้ง กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น​ ส.ว.​ในเดือ​น พ.ค.62 และลาออก

รายงานข่าวแจ้งว่า​ นายอนุมัติเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ด้านพลังงานในภาคใต้ เช่น อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ADAMI (อดามี) จำกัด ถือเป็นสายตรงของ​ พล.อ.ประวิตร​ ซึ่งต้องการให้มาช่วยเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง​ ส.ส.ครั้งหน้า​ โดยมีพื้นที่​ จ.สงขลาเป็นฐานเสียงสำคัญ​ นอกจากนี้​ ส.ส.ภาคใต้ตอนล่างหลายคนยังให้การสนับสนุน​ เพราะเห็นว่าเป็นคนที่มีบารมี​ เป็นผู้นำได้​ และจะช่วยให้ ส.ส.จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กระจัดกระจายกันตามกลุ่มต่างๆ​ มีเสถียรภาพมากขึ้น​ รวมถึงที่ผ่านมานายอนุมัติถือว่าเป็นนายทุนใหญ่คนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ภาคใต้ด้วย ก่อนหน้านี้ ตอนช่วงพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีการเสนอชื่อคนเป็นส.ว. 250 คน เคยมีข่าวว่ากลุ่มภาคใต้ก็พยายามผลักดันให้นายอนุมัติได้เป็นรัฐมนตรีในโควตาของภาคใต้ แต่ติดขัดเรื่องโควตา เลยทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอชื่อเป็น ส.ว.ชุดแรก 250 คนแทน จนล่าสุดนายอนุมัติจึงลาออกจาก ส.ว. เพื่อมาช่วยพลังประชารัฐเต็มตัวก่อนศึกเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม สำหรับนายอนุมัติ เนื่องจากเพิ่งพ้นจากการเป็น ส.ว.มาเมื่อต้นเดือน พ.ย.2564 ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ผู้ที่พ้นจากการเป็น ส.ว.ไม่ถึงสองปี ไม่สามารถรับตำแหน่งทางการเมืองเช่นรัฐมนตรีได้

นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. กับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าคงไม่มีแล้ว เพราะต้องทำงานช่วยกันเพื่อผลประโยชน์โดยรวม ซึ่งรัฐบาลมีอายุจำกัด เหลือเวลาอีกแค่ปีเศษ ถ้าจะรบกวนให้ประชาชนออกมาเลือกตั้งบ่อยๆ มันก็คงไม่ดี ฉะนั้นเวลาที่เหลือต้องรักษาบรรยากาศการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่ยังรออีกหลายเรื่อง

เมื่อถามว่า มีกระแสว่าฝ่ายค้านจะมีการรับน้องในเรื่องขององค์ประชุม นายสรวุฒิกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่อยากให้ฝ่ายค้านคำนึงว่าสภาประกอบด้วยสมาชิกที่เลือกมา ไม่ได้เลือกฝ่าย ฝ่ายค้านต้องยึดเป้าหมายในการรับใช้ประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าฝ่ายค้านไม่ช่วยกันรักษาองค์ประชุมหรือรักษาบรรยากาศในการทำงาน จะทำให้โอกาสในการแก้ไขปัญหาประชาชนของฝ่ายค้านลดลง คิดว่าฝ่ายค้านจะไม่หนีไปเล่นเกมที่ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ โดยการทำให้สภาล่ม เช่น มาแล้วไม่กดบัตร ฝ่ายค้านไม่ควรทำ เพราะว่าจะเอาอคติส่วนตัวมากำหนดชะตากรรมประเทศ หรือประชาชน ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

นายสรวุฒิกล่าวว่า ส่วนการพิจารณากฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับการเงินนั้น เป็นหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้ว ถ้าหากวันหน้าเกิดเหตุการณ์สภาล่มอีก ก็ไม่ใช่หน้าที่ของประธานวิปฯ คนเดียว ต้องอยู่ที่ทุกฝ่าย เป็นหน้าที่ของทุกคน

จี้ปธ.วิปฯหัดมีน้ำใจพรรคร่วมรบ.

นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ในฐานะวิปรัฐบาลกล่าวว่า มีความกังวลต่อบทบาทการทำหน้าที่ของนายนิโรธ ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ในบทบาทของ ส.ส.ในสภา จะพบการตอบโต้กับฝ่ายค้าน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นบทบาทฐานะ ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาล ดังนั้นเมื่อนายนิโรธเข้ารับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลแล้ว ควรปรับท่าที เพื่อให้การทำงานร่วมกันในสภาสามารถเดินหน้า ประคับประคองสภาไม่ให้ล่ม ซึ่งจะส่งผลต่อรัฐบาลด้วย ขอเรียกร้องด้วยว่า ให้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล และมีน้ำใจกับพรรคร่วมรัฐบาลให้มากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการทำงานที่เป็นประโยชน์กับประชาชนทุกฝ่าย ไม่ใช่เอาผลประโยชน์ของพรรคเป็นตัวตั้ง

ด้านพรรคฝ่ายค้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในสมัยประชุมนี้จะมีกฎหมายสำคัญเข้าหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส., พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งคาดว่าจะเข้าในเดือน ธ.ค.รวมถึงกรณีการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งมี ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติเข้า ดังนั้น ขอให้จับตาการประชุมร่วมดังกล่าวว่าอาจมีโอกาสที่องค์ประชุมล่ม เพราะร่างดังกล่าวก็ล่มไปก่อนปิดสมัยประชุมครั้งที่ผ่านมา เพราะเสียงไม่พอ ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะ ส.ส.ซีกรัฐบาลขาดประชุมเยอะ

ขณะเดียวกันการประชุมวันแรกในสมัยประชุมนี้ ก็มีสัญญาณที่ไม่ดี เพราะองค์ประชุมล่มตั้งแต่วันแรก ดังนั้นถือเป็นความท้าทายของประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ ที่จะต้องประสานงานกับทั้ง ส.ว. ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งนี้ อยากให้โอกาสท่านทำงานก่อน

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยที่ขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ซึ่งมีนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีปราศรัยด้วยนั้น กรณีดังกล่าวทำให้สงสัยว่าจะเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ จึงได้ตรวจสอบพบว่านายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เคยต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีความผิดเกี่ยวกับหน้าที่ราชการมาแล้ว 2 คดี คือคดีหมายเลขแดงที่ อม. 91/2559 วันที่ 4 ส.ค.2559 ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ป.อาญา ม.157 ให้จำคุก 1 ปี แต่รอการลงโทษไว้ 1 ปี และคดีหมายเลขแดงที่ อม. 107/2559 วันที่ 25 ส.ค.2559 ซึ่งศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ป.อาญา ม.157 ให้จำคุก 1 ปี ซึ่งตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 70 หัวหน้าพรรคสามารถตั้งสมาชิกเป็นผู้อำนวยการพรรคได้ ตั้งแล้วต้องรายงานให้คณะกรรมการบริหารพรรคทราบ แต่หากสรุปตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 12 บุคคลที่ห้ามสมัครเป็นสมาชิก เช่น (9) บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี หรือ (12) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฯลฯ

"ดังนั้น นายสุรพงษ์จึงน่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย การปรากฏตัวและปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายของนายสุรพงษ์บนเวทีประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมือง จึงน่าจะมีปัญหาตามมาว่า มีการกระทำอันฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.28 และ ม.29 หรือไม่" นายเรืองไกรระบุ

นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ได้ลงบทความของนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ไว้ด้วย ซึ่งวันดังกล่าวก็มีการถ่ายทอดการปราศรัยบนเวทีการประชุมใหญ่ด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ชุดที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 ต.ค. เมื่อนายสมพงษ์ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรค และมีการเลือกนายชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กิจกรรมทางการเมืองหลังจากวันที่ 28 ต.ค. จึงควรอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริการพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ แต่เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ยังได้นำบทความของนายสุรพงษ์มาลงไว้ อันทำให้เข้าใจได้ว่านายสุรพงษ์ยังคงเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 72 การที่นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ยังเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยอยู่นั้น จึงมีปัญหาว่าเป็นได้หรือไม่ ถ้าเป็นไม่ได้ จะถือเป็นคนอื่นหรือผู้ใดที่มิใช่สมาชิก ตามความใน พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.28 หรือ ม.29 หรือไม่

"จากข้อเท็จจริงของนายสุรพงษ์ ในฐานะผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย จึงมีเหตุต้องขอให้ กกต.ตรวจสอบว่านายสุรพงษ์ เป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย หรือสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ จะมีการฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง ม.28 และ ม.29 หรือไม่ ถ้ามีการฝ่าฝืน จะถือเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเพื่อไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งชุดเดิมและชุดใหม่ตาม ม.92 หรือไม่ และ กกต.ต้องดำเนินคดีอาญาตาม ม.108 หรือไม่ ในวันที่ 8 พ.ย. เวลา 10.00 น. จะไปร้องให้ กกต.ตรวจสอบกรณีดังกล่าวต่อไป" นายเรืองไกรกล่าว

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ฯ ฟ้องคดีต่อพรรคก้าวไกลและตนเอง สืบเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีดาวเทียมไทยคม ที่ได้อภิปรายนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา โดยการฟ้องดังกล่าวมี 3 คดีด้วยกัน คือ 1. ฟ้องพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้เผยแพร่การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนั้น ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 2.ฟ้องผม ในฐานะผู้อภิปรายและนำสิ่งที่อภิปรายมาเผยแพร่ต่อ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเช่นเดียวกัน 3.ฟ้องละเมิดเป็นคดีแพ่งต่อผม เรียกค่าเสียหายมูลค่า 100 ล้านบาท.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธรรมนัส' เชื่อ 'บิ๊กป้อม' มีชื่อสำรอง หาก 'ไผ่ ลิกค์' คุณสมบัติไม่ผ่านเป็นรมต.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอชื่อต่อนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ กับโควตาที่ยังว่างอยู่ ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร