ฉับไว!สภาส่งบันทึกกรธ.ถึงศาล

นศ.วปอ.รุ่น 64 เปิดเพลงให้กำลังใจ “บิ๊กตู่” รมว.กลาโหม ลั่นคำพูดต้องออกจากใจ เหมือนสัญญาที่ให้ไว้กับแผ่นดิน “วิษณุ” บอกไม่แปลกเอกสารชี้แจงรั่ว “เลขาฯ สภา” ฉับไวส่งคำบันทึกกรธ.ถึงศาลแล้ว ยันเป็นแหล่งจัดเก็บเอกสารประวัติศาสตร์ “คณะหลอมรวมฯ”  เชื่อ “มีชัย” พลีชีพตัวเอง หวังเอาตัวรอด

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่กระทรวงกลาโหมตามปกติ จากนั้นเวลา 14.00 น. ได้ไปเป็นประธานในพิธีปิดหลักสูตรของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 วิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 63 วิทยาลัยการทัพบก ชุดที่ 67 วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 54 และวิทยาลัยการทัพอากาศ รุ่นที่ 56 ที่อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ

โดยผู้จัดงานได้แจ้งงดสื่อมวลชนเข้าติดตามทำข่าว ต่างจากเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ได้เดินทางเป็นประธานงานสรุปผลการศึกษาของนักศึกษา วปอ.รุ่น 64 ซึ่งผู้จัดงานอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าติดตามทำข่าวได้  

ทั้งนี้ นักศึกษา วปอ.รุ่น 64 ได้มอบช่อดอกไม้ พร้อมกับร้องเพลงบ้านเกิดเมืองนอน และจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานพิธีปิดหลักสูตรว่า ต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้องช่วยกัน รัฐบาลทำแต่ฝ่ายเดียวคงไม่ได้ ภาคธุรกิจต้องช่วยขับเคลื่อนด้วยทำอย่างไรให้นึกถึงผู้มีรายได้น้อย ต้องทำให้ได้ ถ้าเราคิดพยายาม แต่เราทำไม่ได้ มันอันตรายที่จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ตนขอฝากไว้ด้วย หลักการสุดท้ายจุดมุ่งหมายเดียวกันคือเราไปด้วยกัน เราต้องคิดเผื่ออนาคต วันนี้ปัญหาเยอะเราต้องแก้ปัญหา และเดินหน้าเพื่ออนาคตเพื่อลูกหลานของเรา มีภาระอันยิ่งใหญ่ของพวกเราต้องดูแลประเทศชาติของเรา และสถาบันกษัตริย์ต้องได้รับการพิทักษ์รักษาและปกป้อง

 “ผมขอบคุณในบทเพลงที่ร้อง ผมซาบซึ้งใจทุกคนเปิดเพลงอะไรก็ตาม หรือพูดต้องออกมาจากใจ ไม่ว่าคำพูดหรือร้องเพลงใดก็ตาม ต้องออกมาจากใจ ด้วยใจเจตนาที่บริสุทธิ์ มุ่งหวังและคาดหวังทำให้สำเร็จ เพราะเป็นคำมั่นสัญญาระหว่างเรา ทุกอย่างคือคำมั่นสัญญาที่ผมให้ไว้ในแผ่นดินนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดส่งสำเนาบันทึกการประชุมและรายงานการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งที่ 501 ซึ่งรับรองบันทึกการประชุม กรธ. ครั้งที่ 500 โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันอังคารที่ 13 ก.ย.ว่า ไม่ทราบ ตนไม่รู้ว่าศาลพูดอะไรอย่างไรกันบ้าง แต่เมื่อมันเป็นประเด็นออกมาจึงเรียกมาดูอีกที ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ศาลเรียกดูบันทึกการประชุมของ กรธ. ศาลอาจจะอยากรู้ว่าในการประชุมเป็นอะไรอย่างไร ไม่ถือว่าแปลกประหลาดอะไร แค่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนติดใจเขาก็เรียกให้แล้ว

นายวิษณุกล่าวว่า การพิจารณาของศาลไม่มีกำหนดเวลา สามารถพิจารณาไปได้เรื่อยๆ แต่กรณีแบบนี้ดูท่าแล้วคงจะไม่มีพิจารณาไปเรื่อยๆ เห็นบอกว่าวันที่ 14 ก.ย.หมดเขตที่จะส่งเอกสารแล้ว อาจจะพิจารณาได้ตั้งแต่วันนั้นหรือวันรุ่งขึ้นเลย แต่พิจารณาจบหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ                  เมื่อถามว่า การที่มีเอกสารหลุดออกมาจะมีผลกระทบอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ยังคิดไม่ออกว่าจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ เพราะการที่จะมีเอกสารหลุดออกมามันเกิดขึ้นได้ในทุกคดี จริงๆ แล้วมันคือคำให้การที่ยื่นไป ไปผ่านคนตั้งเยอะแยะ ฉะนั้น การหลุดออกมาไม่ได้แปลกประหลาดอะไร เมื่อถามย้ำว่า มันอาจจะมีผลกระทบกับรัฐบาล เพราะการที่เอกสารหลุด อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามทำข้อมูลยื่นไปเพิ่มเติมเพื่อหักล้างคำชี้แจง นายวิษณุย้ำว่า ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรต้องทำความจริงให้กระจ่างแจ้ง เป็นการดีที่สุด อย่าไปคิดอะไรมาก

 เมื่อถามอีกว่า ได้คุยกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เกี่ยวกับการบันทึกการประชุม กรธ. ที่มีการโต้แย้งนายมีชัยว่ามีการรับรองบันทึกการประชุมครั้งที่ 500 แล้วหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยคุยกับนายมีชัย แม้จะถูกมองว่าอยู่ก๊วนเดียวกัน ไม่เคยคุย ไม่เคยปรึกษาใดๆ ทั้งสิ้น ยืนยันได้

  ถามว่า ถ้าดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ เพื่อทำหน้าที่การประชุมเอเปก เสร็จแล้วยุบสภาหรือลาออกแบบไหนจะดีกว่ากัน รองนายกฯ ระบุว่า ถ้าลาออกต้องหานายกฯ ใหม่ โดยเข้าสภาเลือกนายกฯ ใหม่ แต่ถ้ายุบสภาไม่ต้องหานายกฯ ใหม่ แต่ตนยังยืนยันว่าการยุบสภามันจะทำให้เกิดความยุ่งยาก ในเมื่อกฎหมายลูกมันยังไม่ประกาศใช้

ต่อข้อถามว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้มาเป็นประธานการประชุมเอเปก ภาพของประเทศไทยมันน่าจะดีกว่าใช่หรือไม่ รองนายกฯ บอกว่า ไม่ทราบ ไม่อยากชี้นำอะไร แต่เห็นว่ามันน่าจะภาคภูมิใจมากกว่า เพราะประเทศเขาคงจะคิดว่าการที่เขาเดินทางมาประชุมเอเปกจะต้องมาเจรจากับใคร 

วันเดียวกัน นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้เตรียมเอกสารไว้แล้ว เนื่องจากศาลได้ส่งหนังสือขอเอกสารมาทางอีเมลเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เอกสารฉบับทางการมาถึงสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ในช่วงเวลา 18.00 น. ในวันเดียวกัน ซึ่งทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เตรียมส่งเอกสารที่ทางศาลรัฐธรรมนูญขอมาในวันที่ 9 ก.ย.นี้เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารของทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ถือว่าเป็นหลักฐานทางชั้นศาลได้หรือไม่ นางพรพิศตอบว่า เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ มีเอกสารครบ เพราะเราเป็นแหล่งจัดเก็บเอกสารทางประวัติศาสตร์ของสถาบันนิติบัญญัติทั้งหมด ดังนั้นทุกอย่างจึงมีครบ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมีสถานการณ์ใดๆ รุนแรงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้บอกเองว่าจะยังไม่ทำอะไร ตนเชื่อว่าขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังรอดูจนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีมติออกมาอย่างไรมากกว่า ดังนั้นช่วงนี้จึงไม่คิดว่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองแต่อย่างใด

เมื่อวันศุกร์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ พร้อมแกนนำคณะหลอมรวมประชาชน แถลงที่พีซทีวี ซอยนวลจันทร์ ถึงกรณีเอกสารชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญของ พล.อ.ประยุทธ์และนายมีชัย หลุดจนถูกนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ

โดยนายนิติธรกล่าวว่า เมื่อนายมีชัย เป็นอดีตประธาน กรธ. จึงถือว่าเป็นเอกสารสำคัญ และศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาโดยยึดถือความจริง ดังนั้น ถ้าเอกสารหลุดเป็นของจริงแล้ว ถือว่าเป็นเซียนเอาตัวเองรอด และแสดงถึงการไม่พัวพันกับการตัดสินใจคดีนี้ ดังนั้น นายมีชัยจึงต้องการทำลายตัวเองและไม่ประสงค์ให้เอกสารของตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เอกสารจึงเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีน้ำหนักทั้งสิ้น

นายนิติธรกล่าวว่า ขณะเดียวกัน กลับไปยืนยันถ้อยความในเอกสารบันทึกการประชุมความมุ่งหมายอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ 60 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง อีกทั้งต้องการเผยแพร่แนวคิด พัฒนาการต่างๆ จึงหวังว่าความมุ่งหมายนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการอ้างอิง ศึกษารัฐธรรมนูญ 60

 “นายวิษณุพูดว่าทำภายหลัง เท่ากับต้องการด้อยค่าพยานเอกสาร ซึ่งนักกฎหมายไม่ทำกัน และไม่มีใครทำ นอกจากคนอาศัยกฎหมายมาสร้างอำนาจมาหากิน ดังนั้น เอกสารที่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์หวังจะเป็นแต้มต่อทางการเมือง แต่นายมีชัย ได้ทำลายตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นายนิติธรระบุ

แกนนำคณะหลอมรวมฯ กล่าวว่า เอกสารชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นจริงแล้ว แสดงว่ามีเจตนาไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญนี้จริง ตามการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ เป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ให้ค่า และให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญที่กำหนดเวลาให้ดำรงตำแหน่งรวมไม่เกิน 8 ปี อีกอย่างศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเมื่อ 24 ส.ค. นั่นสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว และเป็นการไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญมาแต่เริ่มต้นด้วย

 “การกล่าวอ้างคุณงามความดี แสดงว่ามีการหลงตัวเองพอสมควร การอ้างคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ 7 ซึ่งนายมีชัยเป็นประธาน และ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งขึ้นเมื่อปี 65 มาเป็นความเห็นที่มีผลประโยชน์ขัดกันและทับซ้อน จึงไม่น่ารับฟัง อีกอย่างไม่ได้ดำเนินการตามประโยชน์ของกฎหมาย แต่ทำเพื่อคนคน เดียวเท่านั้น ซึ่งจะเป็นปัญหาในอนาคตต่อไป” นายนิติธรย้ำ

ด้านนายจตุพรกล่าวว่า ถ้าเอกสารนายมีชัยเป็นจริง เท่ากับเป็นการระเบิดพลีชีพตัวเองไปแล้ว เพราะการให้นับเวลาเป็นนายกฯ ตั้งแต่ 6 เม.ย.60 เป็นต้นไป ขัดกันเองการประชุมครั้งที่ 500 รวมถึงนายมีชัย อ้างว่าจดรายงานไม่ครบถ้วน และ กรธ. ยังไม่ตรวจรับรอง และเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย การกล่าวอ้างเช่นนี้เป็นความเท็จสิ้นเชิง ความจริงแล้วนายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธาน กรธ. คนที่ 2 ได้ตรวจรายงานการประชุมครั้งที่ 500 โดยทั้งนายมีชัยและนายสุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธาน กรธ.คนที่ 1 ก็ให้รวมเวลา ครม.ก่อนใช้รัฐธรรมนูญ 60 มารวมเป็นเวลานายกฯ ไม่เกิน 8 ปีตามรัฐธรรมนูญ 60 ด้วย

นายจตุพรกล่าวด้วยว่า เมื่อเอกสารนายมีชัยอ้างว่าเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายนั้น มีรายงานบันทึกการประชุมครั้งที่ 501 และนายมีชัยเป็นประธานการประชุมด้วย แล้วยังมีมติรับรองการประชุมครั้งที่ 500 โดยไม่มีการแก้ไข ดังนั้น นายมีชัยจึงกล่าวอ้างเท็จ 100% และสมบูรณ์แบบ

นายจตุพรยังกล่าวอีกว่า เอกสารของ พล.อ.ประยุทธ์ อ้างไม่ขัดกับมาตรฐานสากลนั้น สงสัยว่ามาตรฐานสากลของประเทศไหน ส่วนนายวิษณุบอกว่าถ้ายุบสภา ยังไม่มีกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ตนจึงฟันธงว่าจะไม่มีเลือกตั้ง เพราะกฎหมายลูกจะเสร็จไม่ทัน 24 มี.ค.66 ซึ่งเป็นวันสิ้นวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้

 “คณะหลอมรวมฯ ยังยืนยันไม่กดดันศาลรัฐธรรมนูญ แต่เอกสารที่ออกมาทุกชิ้น เป็นการกดดันหัวใจประชาชน เราจะปล่อยให้โชคชะตาบ้านเมืองอยู่ในมือคนเหล่านี้ ที่พูดอย่างทำอย่าง ละเมิดกฎหมาย ฉีกรัฐธรรมนูญมากับมือหรือไม่ เราจึงนัดทำกิจกรรมกันในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ย.นี้ ที่ราชประสงค์ เวลา 5 โมงเย็นตามเดิม” นายจตุพรระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง