รุมตีตรา‘ขายชาติ’ นโยบายต่างชาติซื้อที่ดิน อนุชาสวนกม.เก่ายุคแม้ว

รัฐบาลเผยสิทธิถือครองที่ดินเพื่ออาศัยไม่เกิน 1 ไร่ สำหรับต่างชาตินำเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้าน เป็นร่างกฎกระทรวงที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 45 รัฐปรับปรุงเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ให้รองรับเฉพาะชาวต่างชาติ 4 กลุ่มที่ได้รับสิทธิ LTR Visa เท่านั้น ขณะที่ฝ่ายค้านด่าแหลกขายชาติ

เมื่้อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงข้อวิจารณ์กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565  มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอนั้น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินได้ชี้แจงยืนยันชาวต่างชาติที่ได้รับสิทธิ LTR Visa ต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาทในธุรกิจหรือกิจการตามที่ร่างกฎกระทรวงฯ กำหนด และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี จึงจะสามารถยื่นเรื่องขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่

นายอนุชากล่าวว่า ตามที่ ครม.เมื่อวันที่ 14 กันยายน  2564 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยกรมที่ดินได้ชี้แจงว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้รับการมอบหมายให้พิจารณาความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาวใหม่ (Long-Term Resident  visa: LTR) แก่กลุ่มของชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4  กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง  2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย 4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ รวมทั้งการศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิในการถือครองที่ดินของคนต่างชาติเพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีการนำเงินมาลงทุนในประเทศไทย

ซึ่งกรมที่ดินได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนแล้ว ได้ข้อสรุปว่ากฎหมายเกี่ยวกับการให้สิทธิคนต่างชาติถือครองที่ดินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมอยู่แล้ว การกำหนดแนวทางเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุน เห็นควรดำเนินการเพียงแค่การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับการให้สิทธิในการขอถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้รองรับเฉพาะชาวต่างชาติ 4 กลุ่มที่ได้รับสิทธิ LTR Visa เท่านั้น

โดยร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... มีหลักเกณฑ์รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ในส่วนที่แตกต่างจากกฎกระทรวงปัจจุบันที่ให้สิทธิชาวต่างชาติ ในเรื่อง กำหนดให้ใช้สำหรับคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่มดังกล่าว ที่ได้สิทธิวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa ภายใต้เงื่อนไขต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ในธุรกิจหรือกิจการตามที่ร่างกฎกระทรวงกำหนด และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี ถึงจะสามารถยื่นเรื่องขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง โดยจะมีผลใช้บังคับเพียงแค่ 5 ปี และขณะนี้ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ยังต้องผ่านขั้นตอนการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน

 “การให้สิทธิในการถือครองที่ดินจำกัดเฉพาะการใช้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยรายละไม่เกิน 1 ไร่ หากได้รับสิทธิครบ 1 ไร่แล้ว ต่อมาได้มีการขายที่ดินไปทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน แม้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดก็จะไม่สามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวได้อีก ทั้งนี้ หากชาวต่างชาติรายใดไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้จัดการจำหน่ายที่ดินนั้นได้ สำหรับข้อมูลคนต่างชาติที่ขอใช้สิทธิถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยตามกฎกระทรวง พ.ศ.2545  และยังใช้อยู่จนถึงขณะนี้ กรมที่ดินรายงานว่ามีจำนวนรวม  8 ราย โดยแต่ละรายใช้สิทธิไม่เกิน 1 ไร่ ยืนยันว่าร่างกฎกระทรวงฯ นี้มีรายละเอียดขั้นตอนที่กำกับไว้อย่างชัดเจน”  นายอนุชากล่าว

'กรณ์' เห็นด้วย

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โดยรวมมองว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นจุดดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย และตัวคนต่างชาติเองก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดังนั้นมุมทางเศรษฐกิจ ในระยะสั้นก็จะมีเงินเข้ามาจากการซื้อที่ดินที่อยู่อาศัย และในระยะยาวกว่านั้นก็มาจากการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งการใช้ทักษะความรู้ความสามารถของเขามาสร้างงงาน สร้างโอกาสในบ้านเราด้วย

อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ระบุว่า เป็นธรรมดาที่หลายคนอาจจะกังวลในแง่ของผลข้างเคียง ว่าต่างชาติจะมาแย่งซื้อที่ซื้อบ้านจากคนไทยหรือไม่ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ ครม.ได้วางกรอบกติกาเพื่อจำกัดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้  เช่นการที่ระบุว่าต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาซื้อที่ดิน หรือที่อยู่อาศัย ต้องมีเงินลงทุนผูกพันในประเทศไทยอย่างน้อย 3 ปี  เป็นวงเงิน 40 ล้าน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ตัวมูลค่าสินค้า บ้านและที่ดินในราคาค่อนข้างสูง จะเป็นคนละตลาดกับการซื้อขายบ้านทั่วไป นอกจากนี้กฎหมายยังจำกัดพื้นที่ในการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัยเฉพาะในเขตเทศบาลเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้แย่งซื้อกับชาวบ้าน เกษตรกรที่อยู่นอกเขตเทศบาล และการที่รัฐบาลจำกัดเวลาการทบทวนใน 5  ปี ก็ชี้ให้เห็นหลักคิดในเชิงแซนด์บ็อกซ์ คือทำทดลองดู  เรื่องนี้พูดกันมานานมาก ถกเถียงกันมาไม่มีข้อสรุป รัฐบาลเลยให้ลองดู 5 ปีมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ก็สามารถยกเลิกกฎหมายได้ตามความเหมาะสม ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เป็นแนวทางที่ดี แต่ก็ต้องคอยดูจะเป็นอย่างไร

 “เราต้องอย่าลืมว่า ในบริบทสังคมไทยเราได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชากรเริ่มมีแนวโน้มลดลง เพราะฉะนั้นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติที่มีเงิน มีทักษะ เข้ามาทำงาน หรือตั้งรกราก เปิดกิจการในประเทศไทย หรือ Work From Thailand มากขึ้น จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่มีคนพูดถึงกันอยู่แล้ว และในบริบททั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะทดลองนโยบายนี้” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้ากล่าว

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พูดถึงนายกรณ์ว่า เป็นวิธีคิดแบบพวกนายหน้าหรือโบรกเกอร์ในตลาดหุ้น โดยไม่คำนึงผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อสังคมไทยในอนาคต เป็นการคิดแบบคนรวย คนมีที่ดินหลักร้อยหลักพันไร่ ไม่คำนึงถึงว่าจะมีแผ่นดินได้อาศัยอยู่ต่อไปในอนาคตหรือไม่ เพราะถ้าหากดำเนินตามมติคณะรัฐมนตรีที่เพิ่งอนุมัติไป คนไทยจะเสียแผ่นดินให้ต่างชาติอย่างแน่นอน  

 “สมัยนายกรณ์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ก็ไร้น้ำยาในการแก้ไขเรื่องลอตเตอรี่ราคาแพง มีการสอบสวนเรื่องสลากแพงยุคพลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นประธานบอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เคยเล่าให้ฟัง ว่ามีไอ้โม่งได้ประโยชน์จากสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงในขณะนั้นเป็นเงินถึง 1,800 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร   แต่พลเอกอภิรัชต์รายงานลับที่สุดส่งตรงถึงพลเอกประยุทธ์   จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ” นายวัชระกล่าว

ฝ่ายค้านด่าขายชาติ

ด้านนายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่งขอแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว เพราะการกระทำของรัฐบาลไม่ต่างจากการขายแผ่นดินไทยให้คนต่างชาติ ปัญหาที่รัฐบาลจำเป็นต้องขายแผ่นดินไทยเพื่อแลกกับการลงทุน มองว่าเป็นนโยบายที่จนแต้มและจำเป็นต้องทำเพื่อนำเงินมาลงทุน หวังว่าชาวต่างชาติจะนำเงินมาลงทุน แต่รัฐบาลไม่เคยออกมาอธิบายว่าเหตุใดต้องยกแผ่นดินไทยให้ชาวชาติ

นายสงวนกล่าวว่า การออกนโยบายนี้เป็นการขายผ้าเอาหน้ารอด ออกนโยบายเอื้อให้เอกชนที่ขายบ้านไม่ออก  ปัจจุบันไม่มีคนมาลงทุน ดังนั้นเมื่อออกนโยบายเช่นนี้มาคิดว่าจะช่วยผู้ประกอบการได้จริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักประกันใดเลยว่าชาวต่างชาติจะมาซื้อ ต่างจากนโยบายในอดีตที่ผ่านมาที่เอาที่ดินให้นักลงทุนชาวต่างชาติเช่าเพื่อผลิตสินค้าส่งไปขายประเทศต้นทาง ถูกโจมตีว่าขายชาติ  แต่การที่เขาเอาเงินมาฝากเพื่อการลงทุนแค่ 40 ล้าน กลับให้สิทธิกับชาวต่างชาติมีอำนาจเหนืออธิปไตยของไทย มันคุ้มกันหรือไม่

 “นโยบายของรัฐบาลเป็นการขายแผ่นดินไทยให้คนต่างชาติ ต่างจากการเช่าเพื่อการลงทุน เพราะการเช่าเมื่อหมดเวลาเช่าเขาก็ต้องคืนที่ดินให้ไทย แต่นโยบายดังกล่าวรัฐบาลยกที่ดินให้เขาไปเลย การที่รัฐบาลไทยปล่อยให้ใครก็ได้ที่มีเงินมาซื้อที่ดินในประเทศไทย ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดต้องร่วมรับผิดชอบกับนโยบายยกที่ดินให้คนต่างชาติ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านพร้อมเปิดโปงขบวนการยกแผ่นดินให้ต่างชาติอย่างแน่นอน” นายสงวนกล่าว                                      

ส่วนนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า ดูแล้วไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้คนในประเทศเลย แต่เป็นการเอื้อให้ต่างชาติและกลุ่มทุน เรื่องนี้เริ่มจะแปลกๆ คล้ายกับกรณีทัวร์ศูนย์เหรียญ  สมมติชาวจีนหรือชาวต่างชาติมีเงินทุนอยู่ 1,000 ล้านบาท  แล้วนำมาแบ่งให้ลูกน้องมาลงทุนและมาซื้อที่ดินในประเทศไทยคนละ 1 ไร่ เมื่อรวมกันก็จะได้ที่ดินขนาดใหญ่ ทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์อย่างมาก และอาจจะเสียกรรมสิทธิต่างๆ ตนคิดว่ารัฐบาลไม่ได้มองถึงอนาคตระยะยาว

ที่ บก.ปอท. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษา ประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.หญิง  สุธัญดา เอมเอก สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อร้องเรียนให้ตำรวจ บก.ปอท.ตรวจสอบ และถ้าพบเป็นความผิดก็ให้ดำเนินคดีเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก "ลีน่าจัง" กรณีไลฟ์โจมตีนโยบายรัฐบาลว่าให้ต่างชาติถือครองที่ดิน ที่ไม่ตรงความจริงหรือพูดความจริงไม่หมด ทำให้เกิดการเข้าใจผิดแก่ประชาชนได้ และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง