ครม.เลิกขายที่ต่างชาติ โทษกันเองชี้แจงสับสน

ครม.อนุมัติ มท.ถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวเพื่อมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ครม.รุมติวโฆษกฯ วิธีชี้แจงให้คนเข้าใจว่าประชาชนจะได้อะไร "วิษณุ" ตำหนิรัฐบาล-ตัวเองแจงไม่เคลียร์ ยันตีกรอบเข้ม 4 กลุ่มถือครองที่ดินแลกลงทุน  รับยังเหลือกฎกระทรวงปี 45 ยุครัฐบาลไทยรักไทยที่แรงกว่าคนต่างด้าวซื้อได้หมด นายกฯ แจงไม่ใช่การถอน แต่เป็นการยกเลิกเพราะยังไม่ได้อนุมัติในหลักการ

เมื่อวันอังคาร นายอนุชา บูรพชัยศรี  รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าว ที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ..... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำไปศึกษาเพิ่มเติม รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์อย่างรอบด้านของผู้ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง การได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวฯ ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์เป็นการเฉพาะเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินของกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ได้แก่ 1.กลุ่มประชาคมโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง 2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ 4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 1 ไร่ ตาม ม.96 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยต้องนำเงินมาลงทุนในธุรกิจหรือกิจการประเภทหนึ่งประเภทใดไม่ต่ำกว่า  40 ล้านบาท โดยต้องดำรงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น 

ทั้งนี้ การได้มาซึ่งที่ดินที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวโดยทั่วไป ยังคงเป็นไปตามกฎกระทรวงฯ พ.ศ.2545 ที่ประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้ขอถอนร่างกฎกระทรวง เพื่อนำไปรับฟังความคิดและวิเคราะห์ผลกระทบ และนำไปศึกษาเพิ่มเติมให้มีความรอบคอบ ถี่ถ้วน และครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน รวมไปถึงการฟังความคิดเห็นจากประชาชนเพื่อพิจารณาถึงผลดีผลเสียที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้ร่างกฎกระทรวงเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติต่อไป

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในวาระที่กระทรวงมหาดไทย เสนอขอให้ถอนร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวฯ โดยมีการแสดงความคิดเห็นหลากหลาย โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีย้ำว่า เรื่องนี้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีความสำคัญมากที่ต้องอธิบาย ชี้แจงให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเข้าใจ ต้องพูดให้ชัดว่าไม่ใช่ฝรั่งที่ไหนก็ได้ แต่จะจำกัดแค่ 4 กลุ่ม ที่เราต้องบอกให้สังคมรับทราบ เพราะการได้มาซึ่งที่ดินมีหลายวิธี เช่น ผ่านนอมินีก็ได้ และต้องบอกที่มาที่ไปของกฎหมาย รวมถึงความเข้มงวดที่มากขึ้นกว่าเดิม 

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวเสริมว่า เวลาจะอธิบายเรื่องนี้ต้องพูดและอธิบายให้ชัดเจน ให้คนเข้าใจ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ โดยย้ำไปทางนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าโฆษกรู้เรื่องแล้วนะ เวลาอธิบายกับผู้สื่อข่าวต้องอธิบายให้เห็นประโยชน์ ให้เห็นว่าอะไรเป็นประโยชน์กับประชาชน  ประชาชนจะได้อะไร 

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุม ครม.ว่า "ไม่ใช่ถอน เป็นการยกเลิก เพื่อเอาทุกปัญหาความไม่เข้าใจมาคุยกัน ว่ามีตรงไหนที่ต้องอะไรหรือไม่ เพราะจริงๆ แล้วยังอยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นทั้งนั้น ยังไม่ได้มีการประกาศใช้ เพราะยังไม่ได้อนุมัติในหลักการ เข้าใจนะ"

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เราจะนำเรื่องดังกล่าวกลับไปศึกษาใหม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องไปศึกษาใหม่ ไปดูถึงผลดีผลเสียที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้ ครม.พิจารณา ส่วนจะเสนอกลับเข้า ครม.อีกหรือไม่ ไม่ทราบ  ขอกลับไปศึกษาใหม่

เมื่อถามย้ำว่า เหตุผลที่ต้องนำกลับไปศึกษาใหม่ เป็นเพราะแรงกดดันจากสังคมใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ถ้าสื่อถามมาเช่นนี้ตนไม่ตอบดีกว่า เพราะได้ชี้แจงไปในสภา และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะให้ตนพูดอะไรอีก ต้องนำไปศึกษาใหม่ถึงผลดีผลเสีย

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์ถึงการถอนร่างกฎกระทรวงนี้ไปแล้วก็จะเหลือร่างกฎกระทรวงฉบับ 2545 สมัยรัฐบาลไทยรักไทยว่า ใช่ และกฎหมายฉบับปี 2545 จะแรงกว่าร่างฉบับล่าสุด 

เมื่อถามว่า ร่างกฎหมายฉบับปี 2545 จะเรียกว่าขายชาติได้เช่นเดียวกันหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ไปพูดกันเองว่ากฎหมายขายชาติ แต่ตนไม่เห็นว่าการเอาที่ดินขายแบบนี้เป็นการขายชาติ ส่วนจะเรียกว่าขายชาติก็เรียกไป เพราะการที่คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมีหลายวิธี คือ การเช่าระยะยาว การเช่าตามร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม เช่าได้นาน 90 ปี และได้มาด้วยการซื้อคอนโดมิเนียม 49% ของตึกทั้งหลัง นอกจากนี้อาจได้มาโดยสนธิสัญญา ซึ่งมีคนต่างด้าวได้มาเยอะแยะ

นายวิษณุกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดูแล้วเห็นว่าควรจะปรับให้เหมาะสม และการแก้ไขครั้งนี้ไม่ได้เปิดให้คนต่างด้าวทุกคน เสื่อผืนหมอนใบมาจากไหน มาซื้อก็ได้ แต่ให้เฉพาะคน 4 ประเภท คือ 1.คนต่างด้าวฐานะดีซึ่งมีวิธีตรวจสอบได้ 2.คนต่างด้าวที่เกษียณ ที่ต้องการมาอยู่เมืองไทยในระยะยาว 3.คนต่างด้าวที่มีทักษะสูง และ 4.ต่างด้าวที่จะเข้ามาลงทุนในไทย โดยมีข้อกำหนดอย่างเดียวกันคือ องเอาเงินมาลงทุนในไทย โดยการซื้อหุ้นต่างๆ 40 ล้านบาท จะมาฝากแบงก์ไม่ได้ ซึ่งต่างจากกฎหมายปี 2545 ที่คนต่างด้าวสามารถซื้อได้หมด แต่ฉบับนี้จำกัดแค่คน 4 ประเภทเท่านั้น และเงินที่จะซื้อหุ้น มีกำหนดเวลา 5 ปี แต่ฉบับนี้ลดมา 3 ปี

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ยอมถอยกฎหมายดังกล่าว เป็นเพราะประเด็นทางการเมืองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ทุกสาเหตุรวมกัน ทุกคนรุมด่าว่าขายชาติ ก็ต้องเอากลับไปทำความเข้าใจ

“เรื่องนี้ผมตำหนิรัฐบาล รวมถึงตัวผมเองด้วย ว่าตอนชี้แจงไม่ชี้แจงให้ชัดเจน และอาจจะเคราะห์ร้าย เพราะเป็นการพิจารณาวันเดียวกับกฎหมายสุรา จึงตีกันสองเรื่อง ทำให้อารมณ์คนพุ่งขึ้นไป และคิดว่าดีแล้วที่จะถอน เอากลับไปทำให้ดีความเห็น เปิดรับฟังความเห็นและปรับปรุงให้เข้มงวดและบางสิ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในวันนี้ เพราะหลายข้อถูกต้องตามที่วิจารณ์ กลับไปทำให้ดีหากจะนำกลับมาเสนออีกครั้งสามารถทำได้ ไปนำกลับมาก็ใช้ฉบับปี 2545”

เมื่อถามว่า หากไม่ต้องการถูกเรียกว่าขายชาติ ใช้วิธีการให้ต่างชาติเช่าดีกว่าหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า การให้เช่าดีที่สุด แต่ไม่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนเท่าที่ควร เมื่อถามว่าเสียดายหรือไม่ที่ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ถูกถอนออกไป นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เสียดาย เฉยๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เครือข่ายประชาสังคมฯ ยื่นหนังสือจี้ถก 'กาสิโนคอมเพล็กซ์' ให้รอบด้าน

เครือข่ายประชาสังคมฯ ยื่น กมธ.วิสามัญสถานบันเทิงครบวงจร หวังสภาพิจารณาอย่างรอบด้าน ลั่นคนเสียผลประโยชน์ที่แท้จริงคือ ปชช. ด้าน 'จักรพล' ย้ำ กิดการจ้างงานแน่