ผู้นำเอเปกเข้าเฝ้าฯ ‘ในหลวง-ราชินี’ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมผู้นำAPEC

“ในหลวง-พระราชินี” พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกฯ  และผู้แทนประเทศ ซึ่งเป็นผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกพร้อมคู่สมรสเข้าเฝ้าฯ  พร้อมฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับผู้นำเขตเศรษฐกิจ “บิ๊กตู่” แจงวิธีคิด BCG แบบครบวงจร ชูเป้าหมายกรุงเทพฯ เข็มทิศการทำงาน “บัวแก้ว” เผยวงผู้นำถกเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครน กระทบทุกประเทศ “โฆษกรัฐบาล” ชี้ไทยเตรียมผลักดัน FTAAP เขตการค้าเสรีใหญ่สุดในโลก “ภริยานายกฯ” นำคู่สมรสผู้นำเอเปกเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน

เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา 17.46 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงรับพระประมุข ประธานาธิบดี และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรี และผู้แทนประเทศ ซึ่งเป็นผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษ พร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนิน และเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 18- 19พ.ย.2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา    ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษ พร้อมด้วยคู่สมรส

สำหรับความเคลื่อนไหวในการประชุมเอเปกนั้น เมื่อเวลา 23.15 น. วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และภริยา รับเสด็จเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในโอกาสเสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก

ทั้งนี้ การเสด็จฯ เยือนไทยของมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นครั้งแรกของการเยือนไทยในระดับผู้นำในรอบ 32 ปี หลังมีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ที่ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 18 พ.ย. เวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 29 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมจับมือทักทายและทำท่าโบกมือเพื่อบันทึกภาพเป็นที่ระลึก

ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม Plenary Hall 2 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดการประชุมช่วงที่ 1 หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุมและยั่งยืน” ว่า ขอต้อนรับผู้นำสู่การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 29 ประเทศไทยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมแบบพบหน้าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานถึง 4 ปี การประชุมครั้งนี้จะเป็นบทสรุปการหารือเพื่อร่วมฟื้นฟูภูมิภาคไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เอเปกควรทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนผ่าน 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความท้าทายของสถานการณ์โลก รวมทั้งภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่กระทบต่อทั้งโลก จึงต้องร่วมมือกันเพื่อบรรเทาผลกระทบและปกป้องโลก  ไทยนำเสนอแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เพื่อเป็นยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาและการเติบโตในระยะยาวที่เข้มแข็ง สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม ซึ่งเศรษฐกิจ BCG ผสานแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าและส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

ย้ำแนวคิดศก.BCGสำคัญ

 “ความท้าทายหลากหลายที่เราประสบอยู่ เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงและคาบเกี่ยวกัน แนวคิดเศรษฐกิจ BCG จึงให้ความสำคัญและผลักดันการใช้สามแนวทางเศรษฐกิจร่วมกันอย่างเป็นองค์รวม เกิดผลที่เป็นรูปธรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และฟื้นคืนความสมดุลระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ไทยจึงนำเสนอแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เพื่อเป็นแนวทางสู่การบรรลุเป้าหมาย ด้านความยั่งยืนและสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ ไทยริเริ่มการจัดทำเป้าหมายกรุงเทพฯ (Bangkok goals) ให้เป็นกรอบแนวทางผลักดันวาระด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของเอเปกอย่างชัดเจน เอกสารดังกล่าวมุ่งขับเคลื่อน 4 เป้าหมาย ได้แก่ 1.ความพยายามเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 2.ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน 3.ผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ 4.ปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรเพื่อลดขยะให้เป็นศูนย์” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยขอบคุณทุกเขตเศรษฐกิจที่สนับสนุนเป้าหมายกรุงเทพฯ จนบรรลุฉันทามติด้วยดี คาดหวังว่าจะร่วมรับรองเอกสารสำคัญดังกล่าวในวันที่ 19 พ.ย. ซึ่งจะเป็นมรดกสำคัญของเอเปก 2565 ในโอกาสนี้ เพื่อต่อยอดเป้าหมายกรุงเทพฯ และขอเสนอการหารือว่า แนวคิดเศรษฐกิจ BCG จะแปลงวิสัยทัศน์และทิศทางตามที่ระบุในวิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปก ค.ศ. 2040 และแผนปฏิบัติการอาโอทีอาโรอา ให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร จะร่วมมือกันอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้เชิญผู้นำเขตเศรษฐกิจกล่าวถ้อยแถลงตามลำดับตัวอักษร ซึ่งผู้นำเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมการประชุมขอบคุณไทยสำหรับการเป็นเจ้าภาพ ร่วมกันสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจ BCG ที่ไทยผลักดัน สะท้อนความความสำเร็จ ความมุ่งมั่นที่ทุกประเทศต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ มุ่งหน้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และในตอนท้ายก่อนปิดการประชุม นายกฯ ระบุว่า เห็นด้วยกับคำกล่าวของผู้นำว่าต้องใช้โอกาสการฟื้นตัว สร้างความเติบโตที่เข้มแข็ง สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน และเชื่อว่าเป้าหมายกรุงเทพฯ จะเป็นเข็มทิศนำทางการทำงานของเอเปกให้มีทิศทางที่ชัดเจน

จากนั้นเวลา 12.30 น. ที่ห้อง Plenary Hall 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับแขกพิเศษ ได้แก่ นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่างเอเปกกับหุ้นส่วนด้านการค้า”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล เป็นหัวข้อการประชุมเอเปกปี 2565 อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เพื่อขับเคลื่อนงานภายใต้ 3 เสาหลักของวิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปก ปี ค.ศ.2040 ตลอดปีที่ผ่านมาได้มีการพบปะกับภาคเอกชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและได้เป็นเจ้าภาพจัดการการประชุมระดับรัฐมนตรี 8 ครั้ง เพื่อพัฒนาความร่วมมือของเอเปกในประเด็นที่เกี่ยวข้อง และมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยไทยตระหนักดีว่าความร่วมมือกับพันธมิตรนอกเอเปกเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการฟื้นฟูและการเติบโตในระดับที่กว้างขึ้น เพื่อการพัฒนาที่แข็งแกร่ง สมดุล ยืดหยุ่น ยั่งยืนและครอบคลุม

 “เช้านี้ผู้นำเอเปกได้หารือเพื่อการขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไร และได้กล่าวเชิญชวนสู่การหารือเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน เร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเอเปกเป็นเวทีที่มุ่งขับเคลื่อนการค้าที่เสรีและเปิดกว้างมาโดยตลอด และในปีนี้ได้ริเริ่มทบทวนการหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอฟแทป ผลักดันการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ ยังได้เชิญแขกพิเศษกล่าวถ้อยแถลง โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพ ความเชื่อใจกัน โดยฝรั่งเศสสนับสนุนการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทาย ส่วนของซาอุดีอาระเบีย และ OPEC มุ่งมั่นเสริมสร้างการเจริญเติบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการสร้างเสถียรภาพในตลาดพลังงาน และความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด พร้อมทั้งมุ่งมั่นสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม

นายกฯ แวะคุยสื่อนอก-ไทย

ภายหลังจากการแสดงความคิดเห็นของผู้นำเขตเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปิดถึงความเห็นของผู้นำที่เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน เห็นความสำคัญของการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก สำหรับไทย การค้าและการลงทุนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างการเจริญเติบโต และเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันต้องสร้างเสริมให้คนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ MSMEs สตรี และเยาวชน เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ข้อมูล และเทคโนโลยี เพื่อประโยชน์ที่ส่งถึงคนทุกกลุ่ม

เวลา 14.45 น. ที่ห้อง Plenary Hall 3 พล.อ.ประยุทธ์เข้าร่วมการหารือเต็มคณะระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก กับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก (APEC Leaders’ Dialogue with ABAC) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณ ABAC สำหรับรายงานที่มีข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์และปฏิบัติได้จริง สะท้อนข้อเรียกร้องของภาคธุรกิจว่า เอเปกจะต้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ อย่างไรต่อไป ซึ่งการหารือในวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้สานต่อความร่วมมือ โดยใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาร่วมกันของภูมิภาค โดยเอเปกมีคุณลักษณะเฉพาะที่ทำให้แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ อาทิ การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อหาทางออกไปด้วยกัน รวมทั้งความสำเร็จของเอเปกในปีนี้เป็นผลมาจากการรับข้อเสนอแนะของ ABAC มาขับเคลื่อนในเอเปก โดยเฉพาะแผนงานต่อเนื่องหลายปีสำหรับวาระเรื่อง FTAAP (Free Trade Area of the Asia-Pacific) ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากข้อเรียกร้องของ ABAC ที่ต้องการให้วาระเรื่อง FTAAP มีความคืบหน้า รวมทั้งการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย ได้บรรลุผลเป็นรูปธรรม ช่วยฟื้นฟูการเดินทางข้ามแดนอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังได้เสนอการจัดทำเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อขับเคลื่อนวาระการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมสอดคล้องกับการขับเคลื่อน ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของ ABAC

 “ผลงานของ ABAC ปีนี้ ส่งเสริม สอดคล้องกับการดำเนินงานของเอเปกเป็นอย่างดี พร้อมขอให้ใช้ประโยชน์จากการหารือกลุ่มย่อยเพื่อนำข้อเสนอของ ABAC ไปสู่นโยบายที่สามารถดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างอนาคตของภูมิภาคที่ยั่งยืนและครอบคลุม” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ลงมาที่ศูนย์ปฏิบัติการสื่อมวลชนชั้น LG เพื่อทักทายและให้กำลังใจสื่อมวลชน ทั้งไทยและต่างประเทศที่เดินทางมาติดตามและรายงานข่าวการประชุมเอเปก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ไม่มีอะไร เพียงมาเยี่ยม พบปะผู้มาเยือน ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรเลย ฝากสื่อมวลชนไทยดูแลเพื่อนๆ ของเราด้วยนะ

จากนั้น นายกฯ ได้เดินทักทายสื่อมวลชนบางส่วนที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศว่า “Hello How are you” ขณะที่สื่อต่างชาติตอบกลับว่า I'm fine Thank You ทำให้นายกฯ ยกนิ้วโป้งว่ายอดเยี่ยม พร้อมกับทำท่าทางถามว่ากินข้าวแล้วหรือยัง โดยระบุว่า lunch ok? ซึ่งสื่อต่างชาติตอบกลับเป็นภาษาไทยแบบสำเนียงไม่ชัดว่า “ทานข้าวแล้วครับ” นายกฯ จึงถามอีกว่า อาหารสตรีทฟู้ดของไทยเป็นอย่างไร สื่อต่างชาติตอบว่า “ชอบครับ อร่อยครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์เดินทักทายสื่อมวลชนประมาณ 6 นาที และผู้สื่อข่าวทั้งไทยและสื่อต่างประเทศ พยายามสอบถามถึงประเด็นต่างๆ ทั้งกรณีที่สื่อโซเชียลวิจารณ์ภาพการพบกันระหว่างนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่จังหวะหนึ่งนายสี จิ้นผิง ไม่จับมือกับนายกฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว เพียงโบกมือให้เท่านั้น และเมื่อถามถึงบรรยากาศการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกในช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ ตอบว่า "โอเค เรียบร้อยดี"

ดับดรามาสี จิ้นผิงจับมือบิ๊กตู่

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์พบสื่อมวลชนได้ชุลมุนเล็กน้อย เนื่องจากมีสื่อมวลชนสนใจบันทึกภาพเป็นจำนวนมาก และมีสื่อต่างประเทศบางส่วนไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลงมาเยี่ยมที่ศูนย์สื่อมวลชน นอกจากนี้ยังมีสื่อต่างประเทศชม พล.อ.ประยุทธ์ว่า "Smart" และ "handsome"

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีภาพนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เหมือนปฏิเสธการจับมือ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเศรษฐกิจเอเปกว่า ทางการจีนได้แจ้งมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะของดไม่ให้มีการสัมผัสจับมือหรือมอบของขวัญทางมือ รวมถึงทางการจีนก็จะขอเข้าประชุมคณะเล็ก หลีกเลี่ยงการประชุมร่วมกันหลายๆ คณะ เนื่องจากทางการจีนเข้มงวดระดับสูงในมาตรการป้องกันโควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดประเด็นดรามาภาพนายสี จิ้นผิง ท่าทางเหมือนปฏิเสธการจับมือ พล.อ.ประยุทธ์นั้น เป็นที่น่าสังเกตว่าในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 29 อย่างเป็นทางการในวันแรก 18 พ.ย.นั้น ในช่วงต้อนรับผู้นำ ทันทีที่นายสี จิ้นผิง เดินทางมาถึงนายกรัฐมนตรีได้ยกมือไหว้สวัสดี ก่อนที่นายสี จิ้นผิง จะยื่นมือมาจับเพื่อการทักทาย และถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก

นายอนุชายังกล่าวว่า รัฐบาลได้พยายามชูประเด็นเพื่อหารือการขับเคลื่อน FTAAP ซึ่งหวังให้เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ และหนุนการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในกลุ่มสมาชิก เพื่อนำไปสู่การเจรจาการลดภาษีระหว่างกลุ่มเอเปกเป็นรายสินค้าได้มากขึ้น ในโอกาสนี้ เชื่อมั่นว่าจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตหลายมิติ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งการผลักดัน FTAAP จะเป็นโอกาสที่ภาคธุรกิจสามารถขยายตัว โดยที่อุปสรรคทางการค้าลดลง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น

ด้านนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ แถลงข่าวผลการประชุมเอเปกภายใต้หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)” ว่า ในการประชุมเมื่อช่วงเช้า ผู้นำเขตเศรษฐกิจแต่ละประเทศได้ย้ำถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากเหตุการณ์ของประเทศรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลกระทบให้เกิดเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการฝืดถอยของเศรษฐกิจ โดยผู้นำเขตเศรษฐกิจ เห็นพ้องว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบจริงกับทุกประเทศ

นายเชิดชายกล่าวว่า ผู้นำเขตเศรษฐกิจแต่ละประเทศยังพูดถึงเรื่องการพัฒนาดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งดิจิทัลที่จะเป็นตัวเสริมสร้างการมีส่วนร่วม แต่ประเด็นที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ และการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนั้นๆ และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการเรียกร้องให้มีการเพิ่มเติมทักษะในด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ให้กับทุกคนในเขตเศรษฐกิจ พร้อมทั้งยังสนับสนุนแนวทาง “The Bangkok Goals on BCG Economy” ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถส่งเสริมเรื่องความรู้พื้นฐานร่วมกัน เพิ่มทักษะ พัฒนาให้ทรัพยากร

“ยังมีการพูดคุยถึงเรื่องพลังงาน การเกษตร การดูแลการแก้ไขปัญหาขยะทางทะเล และการสนับสนุน Green Financ หรือการเงินสีเขียว เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวด้วย” อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศระบุ

ในเวลา 18.09 น. พล.อ.ประยุทธ์โพสต์เฟซบุ๊กประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุวตอนหนึ่งว่า

การเป็นเจ้าภาพของไทยในครั้งนี้ ถือว่าผ่านมาได้ด้วยดีกว่าครึ่งทางแล้ว โดยได้รับคำชื่นชมทั้งจากคณะผู้นำและแขกพิเศษต่างๆ ตลอดจนสื่อมวลชนจากทั่วโลก ทั้งเรื่องการบริหารจัดการและงานเลี้ยงต้อนรับ สร้างความประทับใจให้กับแขกบ้านแขกเมืองผู้มีเกียรติทุกคนในงาน และเป็นสิ่งยืนยันผลการจัดอันดับของไทยที่เป็นชาติที่มีมรดกทางวัฒนธรรมอันดับต้นๆ ของโลกได้เป็นอย่างดี

“จากการประชุมและหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศชั้นนำของโลกที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้อย่างมหาศาล ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งในระยะสั้นที่จะเห็นผลทันที และระยะยาวที่จะเกิดโครงการต่อยอดไปอีกมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่เพียงชาวไทย แต่รวมไปถึงมวลมนุษยชาติ และสิ่งมีชีวิตร่วมโลกด้วย ที่โลกจะต้องจารึกไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีจุดเริ่มต้นจากการผลักดันของเป้าหมายกรุงเทพ ในการประชุมเอเปก2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพและมีบทบาทนำในการเสนอนโยบายต่างๆในประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นผมและสิ่งที่พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน จะร่วมภาคภูมิใจได้เป็นอย่างยิ่ง”พล.อ.ประยุทธ์โพสต์ทิ้งท้าย

คู่สมรสผู้นำชมพิพิธภัณฑ์ฯ

วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. นางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี ได้นำคณะคู่สมรสผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก จาก 7 เขตเศรษฐกิจเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีคณะภริยารองนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ให้การต้อนรับ

สำหรับคณะคู่สมรสผู้นำฯ ที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ประกอบด้วย ศ.เผิง ลี่หยวน สาธารณรัฐประชาชนจีน, นางอิเรียนา โจโค วิโดโด สาธารณรัฐอินโดนีเซีย, นางยูโกะ คิชิดะ ญี่ปุ่น, นางลูอิส คาโช อาราเนตา-มาร์โคส สาธารณรัฐฟิลิปปินส์, นางโซเฟีย จาง จีนไทเป, นายดักลาส เอ็มฮอฟฟ์ สหรัฐอเมริกา และนางเจิ่น เหวียต ทู สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

ภายหลังเสร็จสิ้นการเข้าเยี่ยมชมแล้ว ภริยานายกรัฐมนตรีได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะคู่สมรสผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ณ โถงบุษบกจตุรมุขพิมาน ซึ่งบนโต๊ะอาหารได้จัดวางของที่ระลึกเป็นตลับถมเงินขนาดเล็ก พร้อมคำอธิบายชิ้นงานที่แสดงถึงภูมิปัญญาด้านศิลปะในข้าวของเครื่องใช้ของคนไทยที่มีมาอย่างยาวนาน เพื่อมอบเป็นที่ระลึกแก่คณะคู่สมรสผู้นำฯ ซึ่งระหว่างมื้ออาหารคณะยังได้รับชมการแสดงโขน “ทศกัณฐ์และนางเบญจกาย” ศิลปะการแสดงชั้นสูง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง