‘ชัชชาติ’ขอแก้ตัว หนหน้าเอาใหม่! โซ่ข้อกลางม็อบ!

.vce-row-container .vcv-lozad {display: none}

"ชัชชาติ" เสียใจเหตุการณ์ม็อบหยุดเอเปกปะทะตำรวจ ตรวจสอบแล้วยังไม่มีข่าวเรื่อง “พายุ ดาวดิน”  ตาบอด คราวหน้าขอเป็นตัวกลาง หวังลดความรุนแรง กสม.ออกแถลงการณ์ให้ทุกฝ่ายไม่แสดงพฤติกรรมยั่วยุ ส่วนแอมเนสตี้ฯ ระบุผู้ชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายหรือรุนแรงใดๆ “อานนท์” แจ้งความเอาผิด ตร.ทุบม็อบ “หมอทศพร” ร่ายยาว “พายุ ดาวดิน” อาการหนักมาก

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยผ่านไลฟ์สดเพจ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถึงกรณีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มราษฎรหยุดเอเปก 2022 บริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้มีผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น คงต้องกลับมาทบทวน ที่จริงแล้วการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ต้องไปดูในรายละเอียดว่ามีใครทำเกินเลยหรือไม่ เป็นหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ต้องดูต่อไป

นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนกรณีมีข้อสงสัยว่าทำไมถึงไปกวาดถนนเร็ว เจตนาทำลายหลักฐานหรือไม่ ขออธิบายว่าไม่มีอะไรที่เป็นประเด็นนั้น เป็นหน้าที่ปกติ เพราะตอนชุมนุมก็มีคนเดินเยอะอยู่แล้ว แต่หลักฐานสำคัญก็คือกล้องวิดีโอต่างๆ  ซึ่งมีเป็นสิบๆ กล้อง คงไปทบทวนดูว่าใครทำผิด ใครทำเกินเลยเกินกว่าเหตุหรือไม่อย่างไร เป็นกำลังใจให้ผู้บาดเจ็บ ที่กังวลมีน้อง 2 คนคือ นักข่าวรอยเตอร์ผู้หญิงที่มีเลือดออกที่ตา และอีกคนที่เป็นผู้ชายที่มีเลือดออกตรงตาข้างหนึ่งเยอะ ตอนแรกได้ยินข่าวว่าตาบอด แต่เมื่อเวลา 04.00 น. ได้ตรวจสอบไปยังรองผู้ว่าฯ กทม.ที่ดูแลเรื่องนี้ ก็ยังไม่มีข่าวเรื่องตาบอด  เดี๋ยวคงต้องเช็กอีกทีหนึ่ง ขณะเดียวกันโรงพยาบาลของ กทม.ยังไม่มีรายงานใครที่แอดมิตเข้ามา กำลังไล่ตรวจอยู่ว่ามีใครที่เข้ารักษาใน รพ.หรือไม่ อันนี้คือในส่วนของผู้บาดเจ็บ

ในส่วนผู้ที่ถูกตำรวจดำเนินคดีอยู่ ได้ประสาน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ว่าจะช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง แต่คงต้องปล่อยให้ทางฝ่ายตำรวจดำเนินการไปก่อน คงต้องดูสถานการณ์ระยะหนึ่ง แต่ก็พยายามดูแลคนที่เกี่ยวข้อง

นายชัชชาติกล่าวต่อว่า ต้องกลับมาทบทวนว่า กทม.ทำอะไรให้ดีขึ้นได้ไหม สิ่งหนึ่งที่เราอาจจะทำให้ดีขึ้นได้ในคราวหน้า คือว่าเราจัดพื้นที่การชุมนุมให้ แต่คราวนี้ผู้ชุมนุมก็อยากจะสื่อสารกับผู้ที่มาประชุม อยากส่งข้อความให้กับเจ้าหน้าที่ที่มาประชุม แทนที่เราจะให้เขาเดินไปที่ประชุม เราอาจจะต้องจัดตัวแทนจากคนประชุมมารับฟังความเห็นจากผู้ชุมนุมแทนได้ไหม คือไม่ต้องให้ผู้ชุมนุมเดินทางไป แต่จัดตัวแทนมา หรือให้มาพบปะกันโดย กทม.เป็นคนกลาง จัดให้เจอกันได้ไหม อาจช่วยลดเรื่องการเคลื่อนที่ออกนอกพื้นที่ได้มากขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งคือจัดตัวแทนของผู้ชุมนุมไปพบกับตัวแทนของผู้ที่มาประชุมได้ไหม อาจจะเป็นจุดที่เราปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ กทม.ต้องปรับปรุง ในฐานะที่เราเป็นคนกลาง ทุกอย่างเป็นบทเรียนให้มาปรับปรุงให้ดีขึ้น เสียใจที่มีผู้บาดเจ็บ ทั้งนี้ต้องติดตามอีกครั้งหนึ่งว่าสามารถช่วยเหลือดำเนินการได้อย่างไร

"แต่ในภาพรวมโดยทั่วไปนอกเหนือจากเหตุการณ์ที่มีการปะทะกันบริเวณถนนดินสอ ก็ไม่มีอะไรที่เป็นห่วง ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน กทม.พยายามดำเนินการ สิ่งใดที่ปรับปรุงได้ การเชื่อมโยงระหว่างผู้ชุมนุมกับผู้ที่มาประชุม กทม.อาจเป็นตัวกลางให้ในคราวหน้า หรือในโอกาสต่อไป แทนที่จะให้เขาเดินทางเราเอาตัวแทนมาเจอกัน" ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว

วอนทุกฝ่ายไม่ยั่วยุ

ขณะที่สำนักงาน​คณะกรรมการ​สิทธิ​มนุษยชน​แห่งชาติ​ (กสม.)​ ออกแถลงการณ์​เรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่แสดงพฤติกรรมยั่วยุ หรือสร้างเงื่อนไขการใช้ความรุนแรงต่อกัน การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ คฝ. ต้องดำเนินการตามขั้นตอนและหลักปฏิบัติสากล ต้องเคารพในสิทธิการชุมนุม เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งสิทธิอื่นๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและการสูญเสียของทุกฝ่าย

กสม.ขอให้ทุกฝ่ายยึดหลักสิทธิมนุษยชน และการไม่ใช้ความรุนแรงต่อกันในทุกรูปแบบ โดยจะได้หยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นมาตรวจสอบ และเสนอมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน  รวมทั้งเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายต่อไป

นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย  เผยว่า ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากลตามที่กล่าวอ้าง แทนที่จะอำนวยความสะดวกในการจัดการชุมนุม กลับสลายการชุมนุมที่รุนแรง โดยการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่มุ่งเป้าเพื่อการปะทะและการจับกุมผู้ชุมนุม ถือเป็นการละเมิดการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ และเป็นการปิดปากผู้เห็นต่าง 

“ผู้ชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายหรือรุนแรงใดๆ แต่กลับได้รับความกระทบกระเทือนทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการกระทำของตำรวจ มีผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตา มีสื่อมวลชนที่ถูกทุบตีได้รับบาดเจ็บ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งๆ ที่ใส่ปลอกแขนสื่อมวลชนและแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขากล้าที่จะใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ” 

“ทางการต้องยกเลิกข้อกล่าวหาและปล่อยตัวผู้ชุมนุมโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข ในส่วนของการควบคุมการชุมนุม ทางการไทยควรเคารพ คุ้มครอง และประกันการใช้สิทธิมนุษยชนของผู้จัดการชุมนุมและผู้เข้าร่วม รวมทั้งมีมาตรการรับมือและป้องกันความเสี่ยงต่างๆ โดยไม่ใช้ความรุนแรง และยังต้องประกันความมั่นคงปลอดภัยของผู้สื่อข่าว ผู้สังเกตการณ์การชุมนุม และประชาชนทั่วไปที่ร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมด้วย”

“เราขอเรียกร้องทางการไทยให้ปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศของตน และอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ ทางการไทยต้องอนุญาตให้ผู้ชุมนุมโดยสงบสามารถแสดงความคิดเห็นของตน โดยต้องไม่ทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มมากกว่านี้”   นางปิยนุชกล่าว

แจ้งความ ตร.ทุบม็อบ

ที่ สน.สำราญราษฎร์ นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร เข้าไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนทุกระดับชั้น ที่มีส่วนใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุดเอเปกฯ บริเวณถนนดินสอ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยนายอานนท์กล่าวว่า พวกเราได้มากล่าวโทษท่านผู้กำกับที่เป็นหัวหน้าผู้รักษาความปลอดภัยในการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. เรามีพยานหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ จะได้นำส่งพนักงานสอบสวนต่อไป รวมทั้งการสลายการชุมนุมในครั้งนี้ได้ทำให้เพื่อนเราหลายคนบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พายุ-บุญโสภณ (พายุ-ดาวดิน) ที่ตอนนี้กำลังรักษาดวงตาอยู่ ซึ่งอาการยังไม่ค่อยดีนัก ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ให้มีการกระทำแบบดังกล่าวซ้ำอีก ก็จะดำเนินคดีกับทุกคน ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงผู้บังคับบัญชา และหากมีผู้หนึ่งผู้ใดที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามีส่วนร่วมด้วย ก็จะดำเนินคดีทุกคน

ในขณะที่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมถึงรูปผู้บาดเจ็บคือพายุ ดาวดิน ว่า เมื่อช่วงเช้าตนได้ไปเยี่ยม ซึ่งยังไม่ฟื้นจากยาสลบ และได้คุยกับแพทย์ที่ทำการรักษา ปรากฏว่าดวงตาข้างขวา กล้ามเนื้อตาที่ทำหน้าที่เปิดเปลือกตาฉีกขาด หัวตาฉีก กระดูกเบ้าตาด้านตรงกลางและด้านล่างแตก ลูกตาแตก อวัยวะต่างๆ ในลูกตาออกมาข้างนอกหมด หมอจึงได้พยายามทำความสะอาดและเอากลับเข้าไปเย็บให้เป็นลูกตาเหมือนเดิม การมองเห็นเรียกว่ายากมาก และอีกรายหนึ่ง กระดูกเบ้าตาด้านขวาแตก โดนกระบองตี มีฟันหัก รวมถึงมีแผลในปาก นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน ซึ่งทางทนายได้มีการรวบรวมหลักฐานไว้

“พายุคงจะอาการหนักที่สุด ขออนุญาตคุยในทางการแพทย์ ก็ยากที่จะมองเห็น ตอนนี้ไม่รับรู้แสงสว่าง การมองเห็นอยู่ในขั้นสุดท้ายของตาที่ไม่ดีมากๆ” นพ.ทศพรกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจทะลุฟ้าโพสต์ระบุว่า อัปเดตเวลา 00.38 น. หลังกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้น เพื่อนเรา 23 คนได้รับการปล่อยตัวแล้วที่ สน.ทุ่งสองห้อง

ซึ่งยังมีอีก 2 คน ได้แก่ บารมี ชัยรัตน์ และเรียง เจกะพันธ์ จะได้รับการปล่อยตัวในวันพรุ่งนี้ หลังกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นลง

อัปเดตอาการของ พายุ-ดาวดิน หลังจากเวลา 20.28 น. (18 พ.ย.) ที่ผ่านมา มีการรายงานจากแพทย์ว่าลูกตามีโอกาสกลับมาใช้งานได้ปกติต่ำกว่า 1% และต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อ 2-3 วัน

ทั้งนี้ ลูกนัทจะให้ความช่วยเหลือพายุในเรื่่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่างๆ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีทางกฎหมายเรียกค่าเสียหายกับรัฐ โดยทางครอบครัวของพายุเองได้รับรู้รับทราบถึงการช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง