ชัดเจน!พรรคเดียวกัน ‘ป้อม’รับพปชร.-รทสช.ดูดกันไปมา/ปรับครม.ก่อนปีใหม่

ชัดเจน! “บิ๊กป้อม” ไม่เซ็งข่าวการเมือง พูดเต็มคำ “พปชร.-รทสช.” พรรคเดียวกัน ดูดกันไปดูดกันมา  ไม่รั้ง “บิ๊กตู่” จะไปก็ไป ย้ำไม่ได้ขัดแย้งอยู่กันมา 50 ปี เรียก ส.ส.เป่ากระหม่อมให้เซ็นชื่อสัญญายังอยู่ พปชร.  ขณะที่หลายคนในข่ายชิ่งหลบหน้า จ่อเขี่ย “เสี่ยเฮ้ง” พ้น ผอ.พรรค ไม่พอใจกวาดต้อน ส.ส.ไป รทสช. หึ่ง! ทีมงาน 2 ลุงต่อสายแย่ง ส.ส.กันคึกคัก "น้องชายเทพไท" ควง "สุรเชษฐ์" สมัครสมาชิก รทสช. "พท." ต้อนรับ 2 แกนนำแดง "ก่อแก้ว" โวพร้อมพาแลนด์สไลด์ "ปชป." ทวงปรับ ครม.-จ่ายประกันรายได้ราคายาง เตือนจะเกิดรอยร้าวพรรคร่วม นายกฯ แย้มปรับก่อนปีใหม่เฉพาะตำแหน่งที่ว่าง

เมื่อวันจันทร์ เวลา 09.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนาและนิทรรศการเศรษฐกิจดิจิทัล “THAILAND 4.0  ประเทศไทยไปไกลกว่าที่คิด : THAILAND 4.0  THE FUTURE AND BEYOND” โดยมีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวรายงาน           

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนงานจะเริ่ม น.ส.วลัยพร รัตนเศรษฐ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางมาขอบคุณนายชัยวุฒิ หลังจากที่ลาออกจาก ส.ส.เพื่อให้ น.ส.วลัยพรเลื่อนลำดับขึ้นมา ขณะเดียวกันนายชัยวุฒิยังได้พา น.ส.วลัยพรไปไหว้และแนะนำตัวกับ พล.อ.ประวิตร พร้อมระบุว่าจะมาช่วยงานเรื่องนโยบายพรรค โดย พล.อ.ประวิตรตอบกลับว่าโอเค

จากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ในภายหลังถึงประเด็นการเมืองต่างๆ ในช่วงนี้ว่า ไม่เซ็ง ตนตื่นเต้นอยู่ทุกวันจะไปเซ็งอะไร สื่อนั่นแหละเซ็ง มาว่าตน และตนไม่เครียดอะไรเลย ผู้สื่อข่าวถามว่าตื่นเต้นเรื่องอะไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าให้ไปถามสื่อดู

เมื่อถามถึงกรณี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐโดนดูด  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มี ก็ดูดไปดูดมากันนี่ล่ะครับ”  โดยเมื่อ พล.อ.ประวิตรพูดเสร็จทำให้เกิดเสียงฮือฮาทันที

เมื่อถามย้ำว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมดูดไปแล้ว พล.อ.ประวิตรจะดูดกลับหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ยืนยันว่าผมไม่ดูดหรอก ผมจะไปดูดใครมา"

 “อ๋อ เขาก็ไป ก็พรรคเดียวกันนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ” พล.อ.ประวิตรกล่าวเมื่อถามถึงกรณีมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า พูดได้หรือไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นพรรคเดียวกัน พล.อ.ประวิตรมีท่าทีอึกอักก่อนจะตอบว่า “พล.อ.ประยุทธ์กับผมก็เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่มีอะไร ท่านอยากไปอยู่นู่นก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ผมไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันว่าผมไม่มีความขัดแย้งกันเลย อยู่กันมา 40-50 ปีแล้ว จะมาขัดแย้งได้อย่างไร สื่อถามทุกวันเลย”

พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า "ขอให้ประชาชนรับทราบด้วยนะครับว่า ผมไม่ได้มีความขัดแย้ง นี่เป็นสิ่งที่ผู้สื่อข่าวถามเองว่าให้ผมขัดแย้ง ผมไม่ขัดแย้งกับใคร ไม่ขัดแย้งกับสื่อด้วย ไม่ขัดแย้งอะไรกับใครทั้งนั้น" 

เมื่อถามว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตรพูดให้ชัดเจนว่า  การที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกไปเป็นแนวทางของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องของนายกฯ ต้องไปถามนายกฯ เองว่าเป็นแนวทางอะไร ก็ท่านจะไป ตนก็ไม่ว่าอะไร ตนไม่น้อยใจหรอก ตนมีลูกพรรคอีก  100-300 คน ที่จะต้องอยู่ที่จะต้องทำงานร่วมกัน  พรรคนี้จะต้องเป็นพรรคที่เป็นหลักให้ประเทศชาติต่อไป  

ถามอีกว่า แสดงว่ายืนยันชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ต้องไปถามกันเอง  เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะเห็นพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติร่วมกันตีใช่หรือไม่  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่ใช่ร่วมกันตี ต่างคนต่างอยู่นะครับ”

เมื่อถามว่า แต่เมื่อกี้บอกว่าเป็นพรรคเดียวกัน พล.อ.ประวิตกล่าวว่า “ก็รู้จักกัน เขาก็เรียกพรรคเดียวกันสิ” ถามอีกว่า ในการเลือกตั้งรอบหน้าทั้งสองพรรคจะแบ่งเขตลงเลือกตั้งกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรส่ายหัวไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว 

'บิ๊กตู่' จ่อลุยพื้นที่เชียงราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.อ.ประวิตรเดินทางกลับ ได้เรียกนายชัยวุฒิว่า “โอ๋ๆ” โดยผู้สื่อข่าวถามว่า  นายชัยวุฒิยังคงอยู่กับพรรคใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรระบุว่า “ก็อยู่นี่ไงจะไปไหนละ ปัดโธ่ มีแต่สื่อพูดเองทั้งนั้น ขอให้ประชาชนรับทราบด้วย ปัดโธ่ มีแต่สื่อมวลชนเป็นคนพูดเอง” ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะขึ้นรถเดินทางกลับในทันที

ด้านนายชัยวุฒิกล่าวถึงกรณีลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อว่า การลาออกจากการเป็น ส.ส.ไม่มีนัยสำคัญอะไร  แต่ลาออกเพื่อให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคได้เลื่อนลำดับขึ้นมาทำหน้าที่ในสภา ซึ่งคือ น.ส.วลัยพร รัตนเศรษฐ น้องสาวของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. ซึ่ง น.ส.วลัยพรเป็นคนเก่ง และมีความสนิทกัน ยืนยันไม่มีประเด็นทางการเมือง

เมื่อถามว่า การลาออกเกี่ยวข้องกับการเลือกทางเดินว่าจะอยู่กับ พล.อ.ประวิตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ นายชัยวุฒิย้อนถามสื่อมวลชนว่า "ทางมันชัดหรือยัง" เมื่อถามย้ำว่าส่วนตัวคิดว่าชัดหรือยัง นายชัยวุฒิกล่าวว่า "ดูลุงตู่ก่อนแล้วกัน และคิดว่าขณะนี้ทางยังไม่ชัด และที่สำคัญผมยังเป็นรองหัวหน้าพรรค พปชร.อยู่ จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"

ถามว่า ยังไม่ได้เลือกใช่หรือไม่ว่าจะอยู่หรือจะไป นายชัยวุฒิกล่าวว่า ทางยังไม่ชัด พร้อมกับหัวเราะและระบุว่า การลาออกในครั้งนี้ลืมคิดไปว่าจะเป็นประเด็นให้คนตกใจ  สมัยก่อนก็มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นที่ตนเคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการลาออกเพื่อให้สมาชิกได้เลื่อนลำดับขึ้นมาทำงาน 

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์  ในวันที่ 30 พ.ย. โดยมีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ในเวลา 13.00 น.จะเดินทางไปพื้นที่แปลงนาเพื่อปิดโครงการข้าวรักษ์ BCG  Model นำร่องระยะที่ 1 และทำการเกี่ยวข้าวในแปลงร่วมกับชาวนา ก่อนที่จะพบปะเกษตรกรในเวทีเสวนา เพื่อรับทราบแนวทางการปฏิวัติการทำนาสู่ความยั่งยืนตามแนวทางที่ได้มอบนโยบายไว้ ก่อนเดินทางกลับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ  นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานประชุม ส.ส.พรรค โดยมี ส.ส.เดินทางมาร่วมประชุมอย่างบางตา ขณะที่การประชุมใช้เวลาไม่นานเนื่องจากเป็นเพียงการเน้นย้ำให้ ส.ส.เข้าร่วมการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 29-30 พ.ย.นี้อย่างพร้อมเพรียง ภายหลังการประชุม ส.ส.เสร็จบรรดา ส.ส.ได้เดินขึ้นไปยังห้อง พล.อ.ประวิตร ที่เดินทางเข้ามายังพรรคในช่วงบ่ายต่อ 

รายงานข่าวแจ้งว่า ในห้องของ พล.อ.ประวิตรมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค  และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคนั่งอยู่ โดยได้มีการเรียก ส.ส.เข้าไปพูดคุยเป็นรายกลุ่มและรายบุคคล  อาทิ ส.ส.กลุ่มปากน้ำ กลุ่มกำแพงเพชร กทม.บางส่วน ซึ่งได้สอบถาม ส.ส.ด้วยตัวเองถึงความชัดเจนในการทำงานจะอยู่กับ พปชร.หรือจะย้ายพรรคไปร่วมงานกับพรรคอื่น ว่า “ยังอยู่ด้วยกันใช่ไหม” นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังได้พูดคุยกับ ส.ส.ที่ขึ้นไปพบในวันนี้ โดยเน้นย้ำเรื่องความรักความสามัคคีว่าอย่าทิ้งกัน 

บีบ ส.ส.เซ็นชื่อยังอยู่ พปชร.

ทั้งนี้ ในการพูดคุย พล.อ.ประวิตรได้ให้ ส.ส.ที่ยืนยันจะอยู่กับพรรคลงชื่อในเอกสารเพื่อเป็นหลักฐาน เรื่องขอลงสมัครรับเลือกตัังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2566 โดยยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคและมติของกรรมการทุกประการ โดยไม่มีข้อยกเว้นและข้อโต้แย้งอย่างใดทั้งสิ้น โดยให้นายวิรัชและนางนฤมลเป็นผู้รวบรวมเอกสาร

อย่างไรก็ดี เป็นที่สังเกตว่า ส.ส.ที่มีชื่อว่าจะย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติกับ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย หรือ ส.ส.บางคนที่มาวันนี้เมื่อรู้ว่าหากเข้าไปในห้องของ พล.อ.ประวิตรจะต้องเซ็นชื่อการันตีว่าจะยังอยู่กับ พปชร.ก็เลือกที่จะเดินทางกลับเลย นอกจากนี้ยังมี ส.ส.บางส่วนที่เซ็นแบบรักษาน้ำใจ รวมถึงบางคนเข้ามาเพื่อลา พล.อ.ประวิตรไปร่วมงานกับพรรคอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส.พปชร.ที่เข้าร่วมประชุมพรรคในวันที่ 28 พ.ย.65 มีจำนวน ส.ส.ที่ลงชื่อเข้าร่วมประชุม 40 คน และ ส.ส.ที่แจ้งลาประชุม 6 คน

มีรายงานข่าวอีกว่า ในวงแกนนำพรรค พปชร.ที่มี  พล.อ.ประวิตรนั่งอยู่ด้วยในวันนี้ ยังได้มีการหารือกันถึงการพิจารณาเปลี่ยนตัวนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน  ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค เนื่องจากแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะย้ายไปอยู่พรรค รทสช.กับ พล.อ.ประยุทธ์   โดยสมาชิกพรรคหลายคนเห็นว่า การที่นายสุชาติยังนั่งอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว แล้วมีความพยายามมาดึง ส.ส.พปชร.ให้ไปอยู่กับ รสทช.เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรได้เห็นชอบกับเรื่องดังกล่าว และเตรียมจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงผู้อำนวยการพรรคออกมาเร็วๆ นี้  

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีทีมงานของ พล.อ.ประวิตรกับทีมงานของ  พล.อ.ประยุทธ์ต่อสายโทรศัพท์หา ส.ส.พปชร.เพื่อพูดคุยเรื่องการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง โดยในส่วนทีมงานของ  พล.อ.ประวิตรได้เลือกโทรศัพท์หา ส.ส.ที่มีแนวโน้มจะอยู่กับพรรคต่อ รวมถึง ส.ส.ที่ยังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ย้ายพรรค เพื่อโน้มน้าวให้อยู่กับ พปชร.ต่อไป ขณะที่ทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์ได้เลือกโทรศัพท์หา ส.ส.ที่เป็นเกรดเอในพื้นที่ และ ส.ส.ที่มีปัญหากับแกนนำบางคนที่อยู่ข้างกาย พล.อ.ประวิตร เพื่อชักชวนไปอยู่กับ รทสช. โดยพูดในลักษณะว่า รทสช.พร้อมดูแลค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งให้ 

'สาทิตย์' ฉีกโพลป้อง 'สมบูรณ์'

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ใน 2 จังหวัดภาคใต้  ประกอบด้วย จ.ภูเก็ตและนครศรีธรรมราช โดยในพื้นที่ จ. ภูเก็ตเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร 3 เขต ประกอบด้วย 1.นายนัทธี  ถิ่นสาคู เขต 2 2.นายสุธา ประทีป ณ ถลาง เขต 3 3.นายจิรายุส ทรงยศ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เขต 1 ในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช เปิดตัวนายคมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางค้อม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่เขต 5 

 รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร  ส.ส.ครั้งนี้เป็นไปอย่างกะทันหัน ไม่ได้มีการเตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า เนื่องจากต้องการกลบกระแสข่าว ส.ส.พปชร.ไหลออกไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่มีกระแสข่าวย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติหลายคน

นายพงศ์สิน เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น้องชายนายเทพไท  เสนพงศ์ อดีต ส.ส.ปชป. เดินทางไปยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ปชป. จากนั้นเดินทางไปสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมกับนายสุรเชษฐ์  มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.ปชป. โดยยื่นต่อนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. เพื่อแสดงตนเป็นผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรค รทสช. จังหวัดนครศรีธรรมราช  ซึ่งขณะนี้รอความชัดเจนในการแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

นายพงศ์สินกล่าวว่า เหตุผลในการยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ในวันนี้ เพราะยึดฤกษ์เวลา 10.39  น. ซึ่งเป็นมหาราชาฤกษ์ เนื่องจากเดิมตั้งใจจะสมัครเป็นสมาชิกในวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสมัครสมาชิกพรรค รทสช.ในวันดังกล่าว  แต่ติดเงื่อนไขว่าตนยังไม่ได้ลาออกจากพรรค ปชป. จึงเลื่อนมาสมัครในวันนี้

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรค ปชป.  กล่าวถึงกรณีที่นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง พรรค ปชป. และเลขานุการประธานรัฐสภา จะย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติว่า ตนเห็นใจคุณสมบูรณ์และเห็นว่ากระบวนการของพรรคที่ทำกับคุณสมบูรณ์ไม่เป็นธรรมกับท่าน ตนพูดเรื่องนี้มานานแล้ว การทำโพลเป็นที่ข้องใจของคุณสมบูรณ์และอีกหลายๆ คน เมื่อกระบวนการเดินมาถึงจุดนี้ ถึงจุดหนึ่งเขาไม่ได้ลงสมัคร ส.ส. แล้วจะให้เขาไปไหน ไปปาร์ตี้ลิสต์ลงลำดับที่เท่าไหร่ ไม่มีใครตอบได้ แล้วใครก็ตามที่พบกับความรู้สึกไม่เป็นธรรม เขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์ของเขาในการคิดที่จะย้ายพรรค 

"ผมก็พูดมาตั้งนานแล้วว่า ระวังมันจะกระทบความเชื่อมั่นของคนที่มีต่อพรรค เพราะเขาเชื่อว่าพรรคต้องมีความเป็นสถาบัน ต้องมีระบบที่ชัดเจน มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และต้องมีความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น แต่ถ้าเรื่องนี้มีข้อครหาที่ไม่โปร่งใส มีข้อครหาเรื่องความไม่เป็นธรรม ผมเห็นว่าเรื่องนี้คุณสมบูรณ์เป็นฝ่ายถูกกระทำ ก็เชื่อว่าท่านชวน หลีกภัย ทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ท่านก็พยายามที่จะพูดคุยกับหลายฝ่าย แต่ฝ่ายที่เขาต้องการทำโพลเขาก็ยืนยันเดินหน้าทำต่อไป ถ้าเกิดตัดสินใจว่าไม่เอาคุณสมบูรณ์ลง แล้วคุณสมบูรณ์ย้ายพรรค ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพรรคต้องมาแก้ไขปัญหากับความรู้สึกของประชาชนเขต 4" นายสาทิตย์กล่าว

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์  นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สมาชิกพรรค และแกนนำคนเสื้อแดง ร่วมแถลงข่าวต้อนรับนายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายอรรถชัย อนันตเมฆ แกนนำคนเสื้อแดง ที่เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรค พท. โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ดีใจที่ได้แถลงต้อนรับสมาชิกเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ขณะนี้ได้เข้ามาสร้างเสริมการต่อสู้ให้พรรค  หวังว่าทั้ง 2 คนจะมีโอกาสมาสร้างความแข็งแกร่งให้พรรคเพื่อไทย มาทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองให้ประชาชน  โดยเฉพาะมิติทางประชาธิปไตย  

นายก่อแก้วกล่าวว่า ตนและนายอรรถชัยกลับมาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยบ้านหลังเดิม ด้วยความเชื่อมั่นว่า ขณะนี้มีพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศได้ พรรคมีจุดยืนประชาธิปไตย ไม่เคยสั่นคลอน หวั่นไหว แม้ถูกกระทำอย่างไรก็ยังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย  ขอยืนยันจะเข้ามาต่อสู้เพื่อขับเคลื่อนทางการเมือง จะมาช่วยหาเสียงทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ขอกลับมาบ้านหลังเดิมเพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์

ส่วนนายอรรถชัยกล่าวว่า ในฐานะเคยร่วมชะตากรรมกับพรรคมาตั้งแต่รัฐประหาร 2549 เมื่อผูกพันกันเช่นนี้ จึงไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นไม่ได้ การเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค พท.หวังจะเป็นกำลังสำคัญทำให้การแลนด์สไลด์เกิดขึ้นได้จริง 

ปชป.เตือนรอยร้าวรัฐบาล

นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ประวิตรระบุว่า พรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพี่น้องกัน ส.ส.ไหลกันไปมาไม่เป็นอะไร ทำให้อาจถูกมองว่าจะมีการควบรวมพรรคในอนาคตหรือไม่ว่า ข้อเท็จจริงแต่ละพรรคต้องขึ้นทะเบียนพรรคการเมืองกับ กกต. ส่วนจะมีการยุบพรรคใดพรรคหนึ่งเพื่อควบรวมกันในอนาคตหลังเลือกตั้งก็เป็นไปได้ โดยอาศัยช่องทางของกฎหมาย แนวทางอุดมการณ์ เป้าหมาย วัตถุประสงค์ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งประชาชนรู้อยู่แล้ว นอกจากนี้ไม่มีความกังวลและไม่กระทบอะไรกับพรรคเพื่อไทย

ส่วนความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)  นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ขอเรียนให้นายกฯ รับทราบว่านายนริศ ขำนุรักษ์ เป็น ส.ส.อาวุโส  เป็นรองประธานวิปของตน และช่วยงานวิปรัฐบาลเป็นอย่างดีตลอดมา คิดว่าถ้าท่านนายกฯ ได้กรุณาแต่งตั้งนายนริศ นอกจากจะเกิดผลประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติงานที่ดีแล้ว ก็จะเกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนด้วย โดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้ที่ช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม ถ้ามีรัฐมนตรีที่กำกับดูแลโดยตรงก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้นควรเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ส่วนประเด็นทางการเมืองว่าจะไปเกี่ยวข้องกับนายกฯ จะไปอยู่พรรคไหน จะอยู่สั้นอยู่ยาว ก็เป็นการตัดสินใจของท่านเอง

นายสาทิตย์กล่าวว่า ในพรรคพลังประชารัฐก็มีรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งไปก่อนหน้า 2 ตำแหน่งก็ยังไม่ได้ปรับ การปรับ ครม.เป็นดุลพินิจของผู้ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็อยู่ที่ท่านนายกฯ ก็คงต้องดูต่อไปว่าท่านจะทำอย่างไรต่อไป แต่คิดว่าเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์กังวลเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องปรับ ครม. คือราคายางพารา เงินประมาณหมื่นหกพันล้านมันต้องเร่งออกมาจ่ายเงินประกันรายได้ครั้งที่ 4 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางโดยเร็วที่สุด การชะลอเรื่องนี้และยังไม่จ่ายออกไป ต้องระมัดระวังจะกลายเป็นประเด็นไม่สบายใจกันในพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้ ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนพูดเรื่องนี้กันเยอะมาก 

"เรื่องนี้ใหญ่กว่าการปรับ ครม. มองว่าเงินประกันรายได้ยังไม่ออก ยังยืดออกไปโดยไม่มีเหตุผลพอ มองว่าเกิดรอยร้าวในพรรคร่วม เพราะทุกคนก็รู้ว่านโยบายประกันรายได้เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ ชาวบ้านเดือดร้อนทำไมไม่จ่าย จะอ้างว่าไม่มีเงินเป็นไปไม่ได้ ซึ่งมันเป็นนโยบายรัฐบาลรับจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนโยบายของรัฐบาลเองก็ต้องจ่าย ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จ่ายเงินประกันรายได้ระยะที่ 4 ได้แล้ว"

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกรัฐมนตรีระบุว่าจะมีการปรับ ครม. ในส่วนของ พปชร.จะมีการเสนอชื่อให้มีการปรับ ครม.หรือไม่ว่า ถ้ามันมีก็ต้องไปถามนายกฯ ดูนะ เมื่อถามว่า พปชร.จะเสนอชื่อรัฐมนตรีในการปรับ ครม.หรือไม่  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้ามีที่ว่างก็ต้องปรับ

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีพรรค ปชป. ทวงถามการปรับ ครม.ที่ได้มีการยื่นรายชื่อไปนานแล้วว่า  เดี๋ยวปรับก็รู้เอง เมื่อถามย้ำว่านายกฯ จะปรับหรือไม่  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า "ก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเราไม่ใช่หรือ มีผลแต่กับ ครม. ผมก็ปรับของผมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น"

เมื่อถามว่า แสดงว่านายกฯ จะปรับ ครม.ใช่หรือไม่  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เขาเสนอมาก็พิจารณา เมื่อถามว่า จะปรับเฉพาะที่ ปชป.เสนอมา หรือจะมีการปรับพรรคอื่นด้วย นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวก็กำลังพิจารณาอยู่ ถามอีกว่า จะเกิดขึ้นก่อนปีใหม่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ก็คงเป็นอย่างนั้น ถามต่อว่า จะเป็นการปรับใหญ่หรือปรับเล็ก  นายกฯ กล่าวว่า ว่างตรงไหนก็ปรับตรงนั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง