“สรรพากร” ยันเดินหน้ากระบวนการรีดภาษีขายหุ้นตามขั้นตอน คาดกฎหมายมีผลบังคับใช้ ม.ค. เริ่มเก็บจริง 1 พ.ค.66 มั่นใจตลาดหุ้นปรับตัวได้ไม่น่าเป็นห่วง
เมื่อวันจันทร์ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติหลักการยกเลิกการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 4 ถัดจากเดือนที่พระราชกฤษฎีกาประกาศในราชกิจจานุเบกษา (Grace Period ประมาณ 90 วัน) นั้น ความคืบหน้าขณะนี้ได้เดินหน้ากฎหมายตามขั้นตอน โดยได้เตรียมเสนอร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายและรอการโปรดเกล้าฯ เพื่อลงในประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งระยะเวลาในการจัดเก็บภาษีเป็นไปตามขั้นตอนตามที่กฎหมายระบุไว้ทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง
"กรมสรรพากรคาดว่า ร่างกฎหมายจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ในเดือน ม.ค.66 และเริ่มเก็บภาษีได้ในวันที่ 1 ของเดือนที่ 4 ถัดไป ก็น่าจะเป็นวันที่ 1 พ.ค.66 การเว้นช่วงเวลาโดยไม่เก็บภาษีทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้นั้น เพราะต้องการให้โบรกเกอร์และผู้เกี่ยวข้องมีเวลาเตรียมระบบในการซื้อขายและการหักภาษีเพื่อนำส่งให้กรมสรรพากร โดยกรมสรรพากรเชื่อมั่นว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะปรับตัวได้ในไม่ช้า ไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่นักลงทุนกังวลมากเกินไป" นายลวรณกล่าว
อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวว่า สำหรับการจัดเก็บภาษีขายหุ้นนั้น แบ่งการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเป็น 2 ช่วง ในอัตราดังนี้ ช่วงที่ 1 จัดเก็บในอัตรา 0.05% (0.055% เมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.66 ช่วงที่ 2 จัดเก็บในอัตรา 0.1% (0.11% เมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ยังคงการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้แก่ 1.ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉพาะการขายหลักทรัพย์ที่บุคคลนั้นได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของหลักทรัพย์นั้น 2.สำนักงานประกันสังคม 3.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 4.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 5.กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน 6.กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 7.กองทุนการออมแห่งชาติ และ 8.กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมแก่สำนักงานประกันสังคมหรือกองทุนตามข้อ 3-7 เท่านั้น
โดยในการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะกรณีนี้ กฎหมายได้กำหนดให้สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Broker) ที่เป็นตัวแทนของผู้ขาย มีหน้าที่หักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขายและยื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีในนามตนเองแทนผู้ขาย โดยผู้ขายไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีอีก
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีดังกล่าวมามากกว่า 30 ปี ซึ่งการยกเลิกการยกเว้นการจัดเก็บภาษีในครั้งนี้ อาจส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของไทยสูงขึ้นจาก 0.17% เป็น 0.22% แต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ โดยต่ำกว่าของมาเลเซียซึ่งอยู่ที่ 0.29% และของฮ่องกงอยู่ที่ 0.38% แต่อาจสูงกว่าของสิงคโปร์ซึ่งอยู่ที่ 0.20% เล็กน้อย
"ในปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่มีการลดอัตราภาษีเหลือร้อยละ 0.055 ต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ที่ร้อยละ 0.195 ซึ่งใกล้เคียงกับของสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระยะยาว" นายลวรณกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เด้ง‘โจ๊ก’พ้นราชการ ‘บิ๊กต่าย’เซ็นคำสั่งฟันพร้อม4ลูกน้องเซ่นฟอกเงินเว็บพนัน
"รรท.ผบ.ตร." เซ็นคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" พร้อม 4 ตำรวจลูกน้องคนสนิท
สนอง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ งบกลาง68พุ่ง8แสนล.
ครม.ไฟเขียวงบปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มงบกลางอีก 1.52 แสนล้าน
สรุป7วันอตร. เมาขับ-รถซิ่ง ตาย287ราย!
สรุป 7 วันอันตรายสงกรานต์ 2567 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,044 ครั้ง
โมเดลพา‘ยิ่งลักษณ์’กลับ มาตรฐานกรมราชทัณฑ์
"ทวี" ยัน "ยิ่งลักษณ์" กลับไทยดำเนินการตามมาตรฐานเดียว
‘เศรษฐา’ลั่น!ยังเป็นนายกฯ
"เศรษฐา” ขอบคุณสื่อตีข่าวปรับ ครม. ทำให้รัฐมนตรีมุมานะทำงานอย่างเดียว
6วันอันตราย สังเวย243ศพ มท.ปรามนักบิด
ปภ.สรุป 6 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุรวม 1,811 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,837 คน ผู้เสียชีวิต 243 ราย