จ่อฟัน‘ตู้ห่าว’ โจรข้ามชาติ ตร.เร่งปิดคดี

"ผบ.ตร." เผยพบหลักฐานสำคัญคดีตู้ห่าว โยงเชิญชวนคนจีนเข้ามาเที่ยว-ประกอบธุรกิจในไทย เตรียมแจ้งข้อหาหนัก "อาชญากรรมข้ามชาติ" พร้อมนัด "บิ๊กโจ๊ก-ผบช.น." ประชุมเร่งรัดคดีปลายสัปดาห์นี้ ย้ำไม่มีมวยล้มต้มคนดู

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 13 ธ.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มนายทุนจีนสีเทาของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีนที่แปลงสัญชาติเป็นคนไทยว่า มีความคืบหน้าเพิ่มเติมในช่วง 1-2 วันนี้ มีหลักฐานเพิ่มเติมว่าอาจจะมีการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นเป็นคณะบุคคลที่มาจากต่างประเทศ ทางคณะทำงานของนครบาลได้พิจารณาแล้ว อาจจะเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า หากมีการพิจารณาแล้วว่าเข้าข่าย ก็จะมีการเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา หากมีความเห็นชอบตรงกัน พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจะเป็นอัยการสูงสุด เป็นการทำงานตามข้อเท็จจริงมาประกอบ เป็นไปตามพยานหลักฐานเป็นช่วงๆ ขณะนี้ยังมีการสอบปากคำไปเรื่อยๆ จากการที่ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้กำกับดูแลคดี และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) หัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มั่นใจในพยานหลักฐาน ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องมวยล้มต้มคนดู มั่นใจว่าไม่มีมวยล้มแน่นอน

"เมื่อเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติก็จะเป็นคดีนอกราชอาณาจักรไปโดยปริยาย เพราะมีคณะบุคคลในต่างประเทศกระทำความผิด โดยเฉพาะการวางแผนการเชิญชวนให้คนจีนเข้ามาเที่ยวและประกอบธุรกิจในไทย ซึ่งเข้าข่ายความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ และเตรียมพิจารณาดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวเพิ่ม โดยหากพบความผิดจริงก็จะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา เพื่อออกคำสั่งว่าจะมอบหมายให้ใครเป็นหัวหน้าคณะทำงาน หรือทำงานร่วมกัน เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว

ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้อยากให้ติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะตำรวจกำลังเร่งทำงานโดยเร็วที่สุด จะมีการรายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ ตนได้ลงมากำกับดูแลด้วยตัวเอง ปลายสัปดาห์นี้ก็จะมีการนัดประชุมติดตามความคืบหน้ากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ ผบช.น. รวมทั้งคณะทำงานที่ได้แต่งตั้งไว้ เพื่อจะเร่งรัดทั้งฝ่ายสืบสวนและฝ่ายสอบสวน

ถามถึงกรณีผับจินหลิงมีการแจ้งข้อกล่าวหากับ รปภ. มีกระแสข่าวถึงความเห็นต่างของระดับ ตร.กับพื้นที่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่ได้มีความเห็นแตกต่าง เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่าทุกคนปรารถนาดี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้ที่แจ้งเบาะแสก็ปรารถนาดี ได้ยินข่าวสารหรือได้คำแนะนำจากใครมาก็จะมาบอกตำรวจ แต่อาจผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งทาง พล.ต.ท.ธิติและ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ก็ดูแลและรายงานมาที่ตนตลอด

"สาเหตุที่ตอนแรกที่เป็นข่าวว่าทำไมถึงแจ้งข้อหาหัวหน้า รปภ.เปิดสถานบริการ เป็นเจ้าของกิจการ จริงๆ แล้วในวันนั้นที่ ผบช.น.เข้าไปตอนแรกส่วนใหญ่จะพบคนจีน แต่มีหัวหน้า รปภ.มาแสดงตนว่าเป็นผู้ดูแลสถานที่นี้ จึงต้องมีการแจ้งข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน ต่อมามีการประกันตัวในชั้นศาล ภายหลังจากการสอบสวนและมีพยานหลักฐานพบว่าไม่ใช่ผู้ดูแลแท้จริง เมื่อสอบลึกไปก็ทราบว่าใครเป็นเจ้าของจริง ซึ่งจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ไม่ได้มีเจตนาที่จะจับแพะ เพียงแต่เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงแต่ละขณะไม่เหมือนกัน ต้องมองภาพก่อนว่าคดีจินหลิงเกิดเหตุในพื้นที่นครบาล ผบช.น.ได้เข้าไปด้วยตัวเอง ผมได้ยกระดับให้เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน" ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ในส่วนคดีที่เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาที่มีการไปตรวจค้นนอกพื้นที่นครบาลหรือในพื้นที่นครบาล ส่วนหนึ่งจะมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามไปช่วยขยายผลกับทาง บช.สอท. ส่วนภาพรวมในการสืบสวนในที่ต่างๆ มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นผู้ควบคุม นำจิกซอว์มารวมกัน ส่วนไหนที่เป็นคดีเกี่ยวเนื่องกับคดีจินหลิงก็จะเป็นทาง ผบช.น. หากเกี่ยวเนื่องกับคดีอื่นต่างๆ อาจจะมีการเพิ่มเติมในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง