ราชทัณฑ์สั่งสอบ ‘ประสิทธิ์’หนีศาล คุม3ผู้สมคบคิด!

"ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" นักต้มตุ๋นวางแผนหลบหนีขณะขึ้นศาล แต่ไปไม่รอด คุมผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 3 โฆษกศาลเเจงส่งดำเนินคดีอาญา-ละเมิดอำนาจศาล ราชทัณฑ์ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง รอผลสรุปภายใน 7 วัน

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดพิจารณาคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก กับพวกรวม 9 ราย เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

กรณีหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อคูปองทอง ลงทุนซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวและระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุน กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลงไว้ และภายหลังไม่สามารถติดต่อได้ โดยในกลุ่มของผู้เสียหายมีหลายร้อยคน มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท

โดยมีรายงานข่าวว่า ระหว่างพิจารณาคดีนายประสิทธิ์ได้ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ โดยในห้องน้ำมีผู้นำเสื้อผ้า ชุดลำลองพร้อมกุญเเจไขเครื่องพันธนาการมาให้นายประสิทธิ์เปลี่ยนเพื่อหลบหนี มีรายงานว่าเจ้าพนักงานตำรวจศาลจับตัวนายประสิทธิ์ได้เเล้วในอาคารศาลอาญา โดยขณะนี้ศาลกำลังสอบสวนภาพจากกล้องวงจรปิดว่าใครเป็นผู้ช่วยเหลือนายประสิทธิ์หลบหนี

ต่อมา นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม แถลงว่า นายประสิทธิ์ถูกคุมตัวมาที่ศาลเพื่อนัดสอบคำให้การกรณีหลอกลงทุนสหกรณ์ออมทรัพย์การค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน จำกัด ความเสียหาย 1 ล้าน 9 แสนบาท ซึ่งเป็นคดีใหม่ที่ผู้เสียหายเพิ่งฟ้อง จากนั้นเมื่อสอบคำให้การที่ห้องเวรชี้เสร็จ นายประสิทธิ์ก็ขอใช้สิทธิ์ตรวจพยานหลักฐานในคดีเก่า ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ซึ่งที่ผ่านมาก็มักจะขอใช้สิทธิตรวจพยานลักษณะนี้มาตลอด เจ้าหน้าที่จึงอนุญาต จากนั้นนายประสิทธิ์ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าปวดท้องถ่ายหนักขอเข้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 1 คนจึงพาตัวนายประสิทธิ์ไปเข้าห้องน้ำ และยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตู          

ระหว่างนั้นมีผู้สมรู้ร่วมคิดของนายประสิทธิ์อยู่ภายในห้องน้ำ และส่งกุญแจไขโซ่ตรวน รวมถึงเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าหุ้มส้นและหนวดปลอมให้กับนายประสิทธิ์ เมื่อนายประสิทธิ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินเร็วออกจากห้องน้ำตรงไปยังบันไดกลางของอาคารศาล โชคดีที่มีจำเลยคดีอื่นที่เดินเข้าห้องน้ำเช่นกันสังเกตเห็น จึงตะโกนแจ้งเจ้าหน้าที่ศาลที่อยู่บริเวณดังกล่าวให้เข้าจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ไล่จับกุมนายประสิทธิ์ไปจนชั้น 3 ระหว่างนั้นนายประสิทธิ์ก็มีความพยายามจะปีนบันไดกระโดดหนีลงมาด้วย จนทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาเล็กน้อย ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็สามารถจับกุมตัวนายประสิทธิ์ไว้ได้

เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งคาดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของนายประสิทธิ์ จำนวน 3 คน เป็นเลขาฯ ของนายประสิทธิ์และคนใกล้ชิดที่นำกุญแจและเสื้อผ้ามาให้นายประสิทธิ์ ซึ่งตำรวจ สน.พหลโยธินอยู่ระหว่างการสอบปากคำ แต่เชื่อว่ามีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี เตรียมอุปกรณ์ปลอมตัวและติดหนวด และยังพบเงิน 1 หมื่นบาทที่ตัวผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งจะต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ากุญแจที่ใช้เป็นการปั๊มกุญแจมาจากกุญแจต้นฉบับหรือไม่ หรือมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อ้างว่าเฝ้าอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ ทราบว่าทางกรมราชทัณฑ์มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว เพราะไม่พบว่ามีการวิ่งตามจับกุมนายประสิทธิ์

ซึ่งเบื้องต้นนายประสิทธิ์ถือว่าเข้าข่ายความผิดผู้ใดหลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดก็จะเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด ต้องรับโทษเท่ากัน อย่างไรก็ตามทางศาลก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในข้อหาละเมิดอำนาจศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนด้วย

ขณะที่หลังจากนี้ทางศาลก็จะตรวจสอบและเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นว่ามีช่องโหว่ตรงไหนให้ผู้ต้องหาหลบหนีหรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้องน้ำ รวมถึงการตรวจร่างกายญาติที่จะเข้าห้องพิจารณาคดีก็เป็นเรื่องยาก เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นสิ่งของที่นำมาเพื่อช่วยเหลือนักโทษหลบหนีหรือไม่

ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจากกรณีนี้ว่า ตามที่ศาลอาญาได้มีคำสั่งเบิกตัวนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ไปศาลเพื่อสืบ พยานโจทก์ ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.นั้น โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นายประสิทธิ์ได้พยายามหลบหนีไปจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประจำศาลอาญา โดยได้แจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมว่ามีอาการปวดท้อง ท้องเสีย และขออนุญาตเข้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุม จึงนำตัวนายประสิทธิ์ไปเข้าห้องน้ำสำหรับผู้มาติดต่อราชการที่บริเวณชั้น 9 และยืนเฝ้าอยู่ที่บริเวณหน้าห้องน้ำตลอดเวลา และในเวลาต่อมา เมื่อนายประสิทธิ์ได้ทำธุระเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมพบว่านายประสิทธิ์ได้เดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับเปลี่ยนชุดเป็นชุดไปรเวท (มิใช่ชุดเครื่องผู้ต้องขัง) และถอดกุญแจเท้าออกแล้ว (คาดว่าน่าจะมีการนัดแนะเตรียมการไว้กับบุคคลภายนอก) เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมจึงได้วิ่งติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณบันได ชั้น 3 และได้ขอกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประจำศาล

เจ้าพนักงานตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำศาล มาช่วยกันควบคุมตัว พร้อมนำตัวกลับมาคุมขังยังห้องควบคุมผู้ต้องขังประจำศาลด้านล่างได้เป็นที่เรียบร้อย ทำให้นายประสิทธิ์ไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานให้ศาลอาญาทราบ และทางศาลอาญาได้แจ้งกองบังคับการปราบปรามเพื่อดำเนินการต่อไป

นายอายุตม์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงและรายละเอียดกรณีดังกล่าว จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และขอให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน โดยมีผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา เป็นประธานกรรมการ ในการสอบหาข้อเท็จจริงในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการวางมาตรการและการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ผู้ต้องขังหลบหนีเช่นนี้ได้อีก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

4คนไทยยังอยู่ในมือเมียนมา

4 ชีวิตลูกเรือไทยวืดกลับบ้าน "บิ๊กอ้วน" ยันเมียนมาปล่อยแบบไร้เงื่อนไข ขณะที่บัวแก้วสยบข่าวโยงขนอาวุธว้าแดง-เรียกค่าไถ่