แก๊งช่วยประสิทธิ์ไม่รอด ศาลไฟเขียวฝากขัง12วัน

กองปราบฯ เตรียมรับโอนสำนวนคดี "ประสิทธิ์ เจียวก๊ก" ผบช.ก.สั่งเร่งขยายผลจับกุมคนช่วยหลบหนีในศาล  เชื่อทำเป็นขบวนการ “ผกก.พหลโยธิน”  แจ้งข้อหา “สมประสงค์” คนสนิทหลังรับสารภาพช่วยหลบหนีจริง พร้อมแจ้งข้อหานักต้มตุ๋นข้อหาหลบหนีศาลอีกคดี ศาลไฟเขียวขังแก๊งช่วย 3 ราย “โรม” จี้เอาผิด จนท.ราชทัณฑ์

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยคดีฉ้อโกงประชาชนจากการหลอกลงทุนธุรกิจ พยายามหลบหนีจากศาลอาญา แต่หนีไม่พ้นถูกควบคุมตัวได้ว่า จากการสอบสวนหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดคือนายสมประสงค์ อายุ 56 ปี ที่ได้ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ จำนวนกว่า 10 ล้านบาทก่อนหน้านี้ และไม่ได้แจ้งความ เชื่อว่าหากคอยช่วยเหลือเรื่องคดีให้นายประสิทธิ์จะได้รับเงินดังกล่าวคืน และผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ยังเป็นกลุ่มอดีตพนักงาน กลุ่มเลขาฯ นายประสิทธิ์ กลุ่มผู้ช่วยทนายความให้การช่วยเหลือในวางแผนหลบหนีครั้งนี้ โดยเชื่อว่าที่ผ่านมามีการนัดแนะวางแผนการหลบหนี ในช่วงที่บุคคลเหล่านี้ไปเยี่ยมนายประสิทธิ์ระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ โดยมีการวางแผน 2 แผน

พล.ต.ท.จิรภพกล่าวว่า แผนแรกคือนำชุดและกุญแจไปให้กับนายประสิทธิ์ที่ศาล จากนั้นก็จะใช้แผนสองคือ การหลบหนี การเตรียมชุดที่เหลือ เตรียมอาหาร รถยนต์ และบัตรประชาชนปลอม โดยนายสมประสงค์ทำหน้าที่ในการเตรียมอุปกรณ์ เบิกเงินถอนเงิน เป็นคนที่นำเสื้อผ้าและกุญแจไปให้นายประสิทธิ์ และหลังถูกจับเจ้าหน้าที่ก็เจอชุดนักโทษของนายประสิทธิ์ รวมถึงโซ่ตรวนและกุญแจสำหรับไขอยู่ที่นายสมประสงค์ด้วย

“เบื้องต้นตำรวจ สน.พหลโยธินได้แจ้งข้อหานายสมประสงค์ ฐานช่วยให้ผู้ที่ถูกคุมขังตามอำนาจศาลหลบหนี ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมีโทษหนักกว่านายประสิทธิ์ ส่วนบุคคลที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนขยายผล โดยขณะนี้สำนวนคดีอยู่ที่ สน.พหลโยธิน และอยู่ระหว่างประสานขอโอนคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม เพราะเป็นคดีที่ซับซ้อนมีการวางแผนเป็นขั้นตอน และเกี่ยวพันกับคดีเดิมที่กองปราบปรามดำเนินการไว้

ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลกุญแจที่นำมาไข มาจากไหน เพราะไม่ใช่กุญแจที่หาได้ทั่วไป และพฤติการณ์ตอนที่นายประสิทธิ์ออกมาจากห้องน้ำว่าผ่านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำมาได้อย่างไร” พล.ต.ท.จิรภพกล่าว

ผบช.ก.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังพบว่าทีมงานของนายประสิทธิ์ได้จ้างเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง ทำบัตรประชาชนปลอมให้กับนายประสิทธิ์ แต่กลับถูกเพจดังกล่าวโกงหลอกเอาเงิน และไม่ส่งบัตรประชาชนปลอมให้ ทำให้ทีมงานยังไม่ได้บัตรประชาชนปลอมดังกล่าวมาให้นายประสิทธิ์ ซึ่งการช่วยนักโทษหลบหนีก็ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน

ที่ สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวถึงการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยช่วยเหลือนายประสิทธิ์ว่า ได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัย 3 คน ซึ่งมีผู้ให้การเป็นประโยชน์และรับสารภาพว่ามีส่วนช่วยเหลือนายประสิทธิ์หลบหนีจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหากับนายสมประสงค์ อายุ 56 ปี ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้ต้องขังในอำนาจของศาลหลบหนี โดยเมื่อช่วงเช้าได้ส่งฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว ส่วนอีก 2 คนคือ เลขาฯ นายประสิทธิ์ และแฟนสาว ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะพยานหลักฐานยังไม่แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดอย่างไร จึงปล่อยตัวไปก่อน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้ไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายประสิทธิ์ที่เรือนจำในข้อหาหลบหนีการควบคุมตามอำนาจของศาลอีกหนึ่งข้อหา

\ผกก.สน.พหลโยธินกล่าวว่า ส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ สอบสวนได้ให้การว่าสาเหตุที่ไม่วิ่งติดตามนายประสิทธิ์ไปเพราะต้องเฝ้านักโทษอีกคนที่เข้าห้องน้ำเหมือนกัน สำหรับกุญแจที่นำมาไขที่ข้อเท้านายประสิทธิ์ยังไม่ชัดเจนได้มาอย่างไร อยู่ระหว่างสืบสวน ประกอบกับทางเรือนจำที่จะไปตรวจสอบและสอบสวนเจ้าที่เรือนจำ รวมทั้งไล่กล้องวงจรปิดต่างๆ

\ส่วนที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน นำตัวนายสมประสงค์ ทิพย์สุคนธ์, น.ส.กัญญามาส ทองปาน,นายณัฐนันท์ อังคณาวิทยากุล ผู้ต้องหา ร่วมกันกระทำด้วยประการใดให้ผู้ที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวนหรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้นจากการคุมขังไป มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน ซึ่งศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตฝากขังได้

ต่อมาผู้ต้องหาที่ 2-3 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว แต่ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 2, 3 ถูกกล่าวหาว่าร่วมกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นขบวนการและอุกอาจ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี จึงให้ยกคำร้อง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาทั้งสาม ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ตั้งคำถามต่อการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมหลังจากที่กรณีที่นายประสิทธิ์สามารถไขกุญแจตรวนและพยายามหลบหนีในขณะถูกคุมตัวมาที่ศาล โดยตั้งข้อสังเกตว่า ในกระบวนการควบคุมตัวปกติ ราชทัณฑ์ไม่น่ามีโอกาสหลบหนีไปได้

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนมีโอกาสใช้บริการจากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์บ่อยครั้ง แนวทางการปฏิบัติในวันที่ผมถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีความเคร่งครัดมาก จนแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนี ความหละหลวมที่เกิดขึ้นต้องดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ใน 2 ประเด็นคือ กุญแจโซ่ตรวนเป็นกุญแจที่ทำมาจากต่างประเทศ มีมาตรฐานสูง ซึ่งคนที่มีกุญแจสำรองมีแต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นายประสิทธิ์ได้รับกุญแจมาได้อย่างไร อีกประเด็นคือการควบคุมตัว การควบคุมตัว เป็นไปได้อย่างไรที่เป็นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่ใส่สูท ซึ่งนี่เป็นสัญญาณนัยๆ หรือเปล่าที่ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับนักโทษคนอื่นๆ

“หวังว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม จะลงมากำกับดูแลเรื่องนี้ เพื่อให้ป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการหลบหนีสามารถหลุดรอดไปได้” โฆษกพรรคก้าวไกลระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์