จับคาห้อง!อธิบดีกรมอุทยาน

ตำรวจสอบสวนกลางร่วมกับ ป.ป.ช.-ป.ป.ท.บุกจับ "อธิบดีกรมอุทยานฯ-รัชฎา สุริยกุล" คาห้องทำงาน เรียกรับเงินหัวหน้าหน่วยวิ่งเต้นรักษาตำแหน่งรายละ 5 แสน-1 ล้านบาท ซ้ำยังต้องจ่ายรายเดือน และหักเปอร์เซ็นต์จากงบประมาณในหน่วยงานอีก พบของกลาง 4.9 ล้านบาท ผู้ต้องหายังปากแข็ง   “วราวุธ” รับตกใจ แต่ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย สั่งปลัด ทส.เน้นย้ำ ขรก.เรื่องความโปร่งใส พร้อมหาแนวทางป้องกัน

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  (บช.ก.) เวลา 13.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)  ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.ปปป. ร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ป.ป.ท., พ.ต.ต.จักรกฤษณ์ ประจันพล ผู้อํานวยการกลุ่มงานคุ้มครองพยาน ป.ป.ท. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช., ร่วมกันจับกุมนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ  สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อายุ 60 ปี โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือไม่ กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยเข้าจับกุมที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตวป่า และพันธุ์พืช 63 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

พล.ต.ท.จิรภพเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 ได้มีผู้ร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ให้ช่วยดําเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของนายรัชฎา ข้าราชการระดับสูง ซึ่งดํารงตําแหน่งอยู่ในกรมอุทยานแห่งชาติฯ เนื่องจากมีพฤติกรรมเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่ในสังกัด โดยเป็นการเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วย เพื่อเป็นการวิ่งเต้นให้รักษาตําแหน่งหัวหน้าหน่วยไว้ให้ หากหัวหน้าหน่วยแต่ละหน่วยไม่นําเงินมาวิ่งเต้นตําแหน่งกับนายรัชฎา ภายหลังจะถูกโยกย้ายออกจากตําแหน่ง

"ซึ่งการวิ่งเต้นรักษาตําแหน่งนั้น หัวหน้าหน่วยจะต้องนําเงินมามอบให้ที่สํานักงานรายละประมาณ 500,000- 1,000,000 บาท อีกทั้งยังต้องนําเงินสดมามอบให้เป็นรายเดือนอีกด้วย" ผบช.ก.กล่าว

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ข้าราชการระดับสูงรายดังกล่าวมีพฤติกรรมในการเรียกเก็บเงินจากหัวหน้า หน่วยงานในภาคสนามอีกด้วย โดยจะคิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ เช่น อุทยานแห่งชาติ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะเก็บ 18.5 เปอร์เซ็นต์จากหมวดงบดําเนินงานและค่าใช้สอย, หน่วยป้องกันไฟป่า 30 เปอร์เซ็นต์จากหมวดงบดําเนินงานและค่าใช้สอย

พล.ต.ท.จิรภพกล่าวต่อว่า จากพฤติกรรมของทางนายรัชฎา ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงที่มีการเรียกรับเงินจากทางเจ้าหน้าที่ฯ โดยมิชอบ ซึ่งถือเป็นการกระทําผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปปป.จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.และ ป.ป.ช. ดําเนินการสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดําเนินคดีกับนายรัชฎา กระทั่งวันนี้ (27 ธ.ค.) ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปปป. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และ ป.ป.ท.นํากําลังเข้าตรวจสอบที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

"โดยพบตัวนายรัชฎาอยู่ภายในสํานักงานดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นพบว่ากําลังมีการรับเงินจากทางเจ้าหน้าที่ที่จะต้องนําเงินมามอบให้ เจ้าหน้าที่จึงทําการจับกุม และตรวจยึดของกลางเงินสดมูลค่าประมาณ 4.9 ล้านบาท พร้อมกับซองบรรจุเงินที่มีการจ่าหน้าซองจากหน่วยงานในแต่ละสังกัดอีกจํานวนหลายซอง และเอกสารอีกจํานวน หลายฉบับซึ่งเกี่ยวข้องกับการดําเนินการเรียกรับเงินของนายรัชฎา นําส่งพนักงานสอบสวนดําเนินการตาม กฎหมายต่อไป" พล.ต.ท.จิรภพกล่าว

ขณะที่นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ออกคำแถลงถึงการจับกุมดังกล่าวเช่นกัน โดยระบุตอนหนึ่งว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ อ้างว่าตนไม่ทราบเรื่องที่มีการเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเงินสดจำนวน 98,000 บาท ดังกล่าวต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่าหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่าเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ เบื้องต้นในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวระหว่างนั่งอยู่ในห้องประชุม ครม. แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด คงต้องให้ปลัดกระทรวง ทส.รายงานเข้ามา ตอนนี้ทราบเพียงแต่ที่สื่อรายงาน แต่เรื่องนี้ระเบียบการปฏิบัติราชการ รวมถึงกฎหมาย ป.ป.ช.ว่าอย่างไรให้ดำเนินการตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยทราบข่าวการดำเนินการของอธิบดีคนดังกล่าวมาก่อนหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้า ก็ตกใจพอสมควร เมื่อเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย จึงต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ให้กฎหมายเป็นตัวตัดสิน  

เมื่อถามว่า มีเรื่องของการซื้อขายตำแหน่งเข้ามาด้วย จะดำเนินการอย่างไร นายวราวุธกล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง นโยบายที่ตนย้ำกับผู้บริหารกระทรวง เกี่ยวกับเรื่องตำแหน่ง ขอให้ดำเนินการโดยสุจริต แต่พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา จึงได้ให้ปลัดกระทรวง ทส.ย้ำกับข้าราชการอีกครั้งเรื่องความโปร่งใส และไม่ให้มีการซื้อขายตำแหน่ง ปลัดกระทรวง ทส.คงต้องหาแนวทางดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่า ทส.จะพิจารณาเปลี่ยนตัวอธิบดีเลยหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ถ้าจำไม่ผิดต้องให้รองปลัดกระทรวง หรือรองอธิบดีเป็นผู้รักษาการ ส่วนรายละเอียดภายในคงต้องหารือปลัดกระทรวง ทส. ว่าจะดำเนินการขั้นตอนอย่างไรต่อไป สำหรับการโยกย้ายตั้งแต่เบื้องต้น เป็นการดำเนินการภายใต้อำนาจของอธิบดี เพราะตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานในระดับกรมหรือกระทรวง ก็ดำเนินการผ่านปลัดกระทรวง ทส.ตามสายบังคับบัญชา เรื่องภายในกรมอยู่ในอำนาจอธิบดี ส่วนเรื่องนี้ถือเป็นการเมืองภายในหรือไม่ ขอให้ว่าตามเนื้อผ้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง