ส.ว.เลือกคนชนะ! 'พรเพชร'ลั่นวุฒิสภามีหน้าที่ดูแลความมั่นคงประเทศ

"พรเพชร" ลั่น! วุฒิสภามีหน้าที่ดูแลประเทศว่าจะเดินหน้าอย่างไร โดยหลักการเลือกนายกฯ ต้องพรรคดี คะแนนถึง มีความมั่นคงในระบบรัฐสภาหรือไม่ ด้าน  "อนุทิน" ยันรัฐบาลหน้าเสียงต้องเกินกึ่งหนึ่้ง ไม่งั้นจอดไม่ต้องรอซักฟอก เชื่อ ส.ว.มีกระบวนการความคิดว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ต้องฟังประชาชน ขณะที่ "บิ๊กตู่"  เตรียมเข้าเรือนหอรวมไทยสร้างชาติ

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2566 นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงข้อครหาเกี่ยวกับอำนาจของ ส.ว.ที่มีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้า หลายคนมองว่าตอนนี้ ส.ว.แบ่งออกเป็นฝ่ายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับฝ่ายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ว่า ยังไม่ถึงข้อครหา แต่เป็นธรรมดาของสังคมหรือของวุฒิสภา คงจะไปบอกว่าทุกคนเหมือนกันหมดไม่ได้ ไม่มี เพราะทุกคนก็ต่างมีความคิดเห็น เชื่อว่าสมาชิกย่อมมีความเห็นแตกต่างกันแน่นอน และความเห็นแตกต่างของเขาก็ต้องไปดูตอนที่เขาจะลงคะแนน และก่อนที่จะลงคะแนนเขาจะมีเสียงออกมาชัดเจน ซึ่งมีน้อยคนที่จะแสดงความชัดเจนในตอนนี้ เพราะคงไม่อยากไปขัดแย้งอะไร และเราก็พูดไม่ได้

 “ยิ่งประธาน ยิ่งไปบอกไม่ได้ว่าคุณจะเลือกอะไร ตอนนี้คุณเห็นพรรคไหนดี หรือถ้าคะแนนไม่ถึง แล้วพรรคนี้เขาได้ และคุณจะสนับสนุนหรือไม่ ถ้าโดยหลักการก็ต้องพูดอย่างนั้นว่า วุฒิสภามีหน้าที่ที่จะดูว่าประเทศชาติเราจะเดินหน้าได้อย่างไร”

 ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกนายกฯ จากการเลือกตั้งครั้งหน้าถือเป็นครั้งสำคัญ เพราะเป็นครั้งสุดท้ายของ ส.ว.ชุดนี้ ที่ผ่านมา ส.ว.แทบจะไม่แตกแถวในการเลือก พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯ ครั้งนี้จะใช้หลักอะไรหาก 2 ป. ต้องแข่งกัน ประธานวุฒิสภาตอบว่า การเลือกตั้งครั้งแรกเป็นการเลือกคนเดียว แต่การเลือกครั้งใหม่เท่าที่ตนฟังจากสมาชิกบอกว่า เขาต้องดูก่อนว่าเมื่อเขาเลือกไปแล้วจะมีความมั่นคงในระบบรัฐสภาหรือไม่ อาจจะเป็นความคิดของตนก็ได้ที่ตนได้ยินมาว่า ส.ว.ควรที่จะเลือกให้ระบบรัฐสภาที่มี 2 สภาอยู่ได้ ตามกฎหหมายที่ให้สมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกฯ ได้ ถ้าเราเลือกไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็จะมีผลกระทบ ไม่ว่า ส.ว.หรือ ส.ส.ทุกคนก็รักประเทศชาติ  และอยากให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งนี่เป็นความคิดและเป็นความตั้งใจ แต่แน่นอนว่าต้องมีบางท่านที่เขาผูกพันกับความต้องการอย่างไร เขาก็คงต้องยืนตามนั้น

เมื่อถามต่อว่า ที่ระบุว่า ส.ว.จะคิดถึงความมั่นคงในการเลือกนายกฯ หมายรวมถึงอายุการดำรงตำแหน่งด้วยหรือไม่ นายพรเพชรแจงว่า ความมั่นคงอยู่ในขั้นตอนแรกของการเลือกพรรคการเมืองใหม่เข้ามา แน่นอนว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะต้องมีการฟอร์มรัฐบาลให้ได้เร็ว และรัฐบาลต้องมั่นคง ส.ว.ก็คงต้องมีบทบาท เพราะ ส.ว.ต้องคำนึงถึงว่าสร้างความมั่นคงได้อย่างไร ถ้าไม่มั่นคงก็ยุบสภากันอีก ดังนั้นอายุการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ก็มีส่วน เพราะคนที่จะเป็นนายกฯ ได้ สมมติเขาอยู่ในพรรคการเมืองที่ได้เสียง 250 ถึง 255 แล้วมาได้เสียงจาก ส.ว. โหวตนายกฯ ก็ไม่มั่นคงเท่าไหร่ ถ้าจะให้ดี ส.ส.ที่รวมกันต้องมีเสียงมากเพราะ ส.ว.แค่เพียงไปช่วยสนับสนุน

 ถามอีกว่า มองอย่างไรที่มีการระบุว่าถ้าเสียงของ ส.ส.เกิน 250 แล้ววุฒิสภาไม่ทำตาม ส.ส.จะเกิดความวุ่นวาย  การพิจารณาต้องคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยหรือไม่ ประธานวุฒิสภาตอบว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องพิจารณา แต่ต้องดูว่าโครงสร้างของ ส.ส.นั้น ส.ว.เขาพอใจหรือไม่ โครงสร้างคือพรรคการเมืองสามารถฟอร์มได้ และเรื่องความวุ่นวายก็เป็นสิ่งที่ ส.ว.ต้องพิจารณา แต่ถึงตอนนั้นอาจจะไม่วุ่นวายก็ได้ ตอนนี้เราอย่าไปด่วนคิดอย่างโน้นอย่างนี้ไปก่อน

'บิ๊กตู่' เตรียมเข้ารวมไทยสร้างชาติ

เมื่อถามย้ำว่า หากแคนดิเดตนายกฯ เป็นคนจากพรรคเพื่อไทย วุฒิสภาจะเลือกหรือไม่ ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนตอบไม่ได้จริงๆ แต่คิดว่ามีคนเลือกแทบทุกพรรค และการโหวตเลือกนายกฯ คิดว่าคราวนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นไปในทางเดียวกัน เสียงย่อมไม่ 100%  ตนจึงตอบแทนสมาชิกไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะลงสมัครแข่งขันเป็นผู้แทนฯ เลย มีเพียงพรรคที่เขามีอยู่แล้ว

 ซักว่า มองอย่างไรที่ขณะนี้มีการรวมเสียง ส.ว.ไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรแล้ว ทำให้มีเสียงสนับสนุนถึง 375 เสียง นายพรเพชรกล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินใครจะทำอย่างนั้น แต่เชื่อมั่นว่าไม่มี อย่างไรก็ตามต้องให้พรรคการเมืองฟอร์มให้เห็นชัดก่อน 

เมื่อถามว่า ช่วงปีใหม่พรรคการเมืองจะหาเสียงเข้มข้น ในขณะที่ ส.ว.ออกมาแสดงท่าทีว่าสนับสนุนใครหรือไม่สนับสนุนใคร จะทำให้เกิดข้อครหาหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ถ้าเขาทำเช่นนี้ก็ขัดต่อรัฐธรรมนูญและเป็นอันตรายต่อตัวเขาเอง ที่อาจจะถูกดำเนินการในทางกฎหมายถึงขั้นพ้นจากตำแหน่ง

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)  กล่าวถึงเสถียรภาพรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งปีหน้าควรเป็นอย่างไร ในขณะที่ ส.ว.ยังมีส่วนในการเลือกตั้งนายกฯ อยู่ว่า แม้ ส.ว.ยังมีส่วนในช่วงขั้นตอนเลือกนายกรัฐมนตรี หากได้นายกฯ มา แล้ว หลังจากนั้นการดำเนินการใดๆ ในสภาจะเป็นเรื่องของรัฐบาล โดยตัวนายกฯ กับสภาผู้แทนราษฎร

​ทั้งนี้ สิ่งสำคัญหลักการนั้นจะอยู่กับจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคการเมืองรวบรวมได้ ว่าจะเกินกึ่งหนึ่งหรือจำนวน  251 เสียง จาก 500 เสียงได้หรือไม่ ซึ่งเราต้องเชื่อการตัดสินใจของประชาชน ต้องให้เกียรติประชาชนเป็นสำคัญ และมองว่าในระบอบประชาธิปไตยมันก็เป็นหลักการที่แฟร์ๆ กับประชาธิปไตย รัฐบาลต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งถึงจะเป็นรัฐบาลและทำงานได้และมั่นคง เพราะถ้าไม่เกินกึ่งหนึ่ง เมื่อเปิดสภาแถลงนโยบายหรือหากมีการออกกฎหมายสำคัญ ซึ่งดูแล้วในรัฐบาลชุดหน้าอาจจะมีกฎหมายสำคัญ กฎหมายการเงิน เช่น ร่างพระราชบัญญัติ  (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี เข้าสู่การพิจารณาก็ได้ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.ปีหน้า ถ้ารัฐบาลมีเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งก็อาจจะจอดตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว ไม่ต้องรอไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

​​"ผมมั่นใจว่า ส.ว.ก็ต้องมีกระบวนการความคิดว่าเขาจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ถ้าความต้องการของประชาชนชัดเจน เขาคงต้องทำตามความต้องการของประชาชน นี่เป็นหลักที่คนที่เป็นนักการเมืองหรือเกี่ยวข้องกับงานการเมืองต้องยึดถืออยู่แล้ว"

'บิ๊กตู่' เตรียมเข้ารวมไทยสร้างชาติ

​​นายอนุทินกล่าวว่า ยกตัวอย่างในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้งปี 2562 ท่านนายกฯ เข้ามาด้วยเสียง 253 เสียง  ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ตามท่านมีความชอบธรรม เพราะท่านได้รับเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง และรัฐบาลก็อยู่มาได้จนครบสมัย แต่รัฐบาลก็ต้องมีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองด้วยจนอยู่พ้นมาได้เกือบ 4 ปีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าในการร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศความชัดเจนไปก่อนหน้านี้แล้ว มีรายงานว่าในช่วงกลางเดือนมกราคมนี้ หรืออาจก่อนวันเด็กแห่งชาติ จะมีความชัดเจนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช. โดยขณะนี้ผู้บริหารพรรคอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนประสานแจ้งวันเวลากับนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าสมัครและเปิดเป็นทางการต่อไป

ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่บุคคลอื่นจะมาสมัครเป็นสมาชิกในคราวเดียวกัน อาทิ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ส.ส.พปชร. บางคนที่จะมาพร้อมกับนายสุชาติ แต่ยังไม่ได้ลาออกจากพรรคเดิม อยู่ระหว่างตัดสินใจจะลาออกมาสมัครพร้อมกัน หรือรอให้หมดสมัยประชุมสภาในเดือนกุมภาพันธ์นี้ก่อน

วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงผลงานโดดเด่นในเรื่องแก้ปัญหาความยากจน  ที่ดินทำกิน และการปัญหาเรื่องน้ำว่า ทำไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องน้ำก็ทำทั้งประเทศอยู่แล้ว เพื่อให้คนไทยมีอาชีพในการทำการเกษตร มีน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม แบ่งปันกันทั้งประเทศ อย่างน้ำปีนี้จะมากกว่าปี 2554 แต่น้ำไม่ท่วมเท่าปี 2554 เราพยายามทำ เพื่อกระจายน้ำไปในทิศทางที่เหมาะสม ตลอดระยะเวลา 3  ปีที่ตนดูแลปัญหาน้ำมา ไม่มีพื้นที่ไหนแล้งเลย

 “เมื่อมีชาวบ้านมาขอบคุณผมก็ดีใจ ที่ประชาชนทุกคนเป็นกำลังใจให้ผม ผมก็ดีใจ ถ้าใครให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ผมก็ขอขอบคุณ และก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องที่ดิน ที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย และเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และทุกๆ เรื่องที่รัฐบาลได้ทำมาภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำมาตลอด เพราะเขาทำงานหนักมาตลอด  ทุกคนในรัฐบาลก็ทำงานหนักมาโดยตลอด เพื่อที่จะให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ฝั่งประชาธิปไตยคุยกันง่าย

ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นสิทธิ์ของพรรคภูมิใจไทยที่จะเดินหน้าทางการเมืองอย่างไร แต่ก็เป็นสิทธิ์ของประชาชนเช่นกันว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่สำหรับคนอย่างพวกเราๆ  ที่ทำการเมืองมานาน เราก็จะดู 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.การเลือกตั้งได้สะท้อนเจตจำนงของเราออกมาในลักษณะเช่นไร ประชาชนคิดอย่างไร สนใจแนวคิดไหนที่จะไปร่วมกันได้หรือไม่ และ 2.การจะไปร่วมกับใครอย่างไร จะทำประโยชน์ตามนโยบายที่ได้บอกกล่าวไว้ตอนรณรงค์หาเสียงไว้ว่าทำได้จริงหรือไม่

 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลโดยรวมกับพรรคการเมืองอื่นแล้วทิ้งพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านว่า  ตอนนี้พรรคเพื่อไทยกำลังทำหน้าที่แต่ละเขตอย่างเต็มที่  เต็มความสามารถเพื่อที่จะแลนด์สไลด์ หลังการเลือกตั้งค่อยว่ากันอีกครั้ง เราก็อยู่ฝั่งประชาธิปไตยด้วยกันมันคุยกันง่ายอยู่ วันนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเสียก่อน เชื่อว่าฝั่งประชาธิปไตยต้องสู้ไปด้วยกัน

 “ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครทิ้งใคร มันอยู่ที่ตัวเลขเป็นหลัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูดถึง หากพรรคเพื่อไทยได้แลนด์สไลด์จริงๆ ก็ไม่อาจจะร่วมกับพรรคการเมืองไหนก็ได้ อันนี้เรื่องเป็นเรื่องของอนาคต ฉะนั้นการเลือกตั้งยังไม่เกิดคงไปตัดสินใจอะไรไม่ได้ ฝนยังไม่ตกอย่าเพิ่งกางร่มเลย เดี๋ยวมันจะยุ่ง”

เมื่อถามว่า พรรค พท.มีเป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวใช่หรือไม่ นายสมคิดยืนยันว่าใช่ เราทำงานหนักทุกเขต ทั้งขึ้นป้ายหาเสียงและประชาสัมพันธ์  ดังนั้นเรื่องอื่นเรายังไม่ได้คิด ยังไม่ได้สรุปอะไรกันเลย

ขณะที่นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า เราเชื่อมั่นว่าในปี 2566 นั้นจะต้องเกิดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นแน่ๆ เร็วสุดอาจจะเป็นเดือน มี.ค.นี้ หรือช้าสุดก็อาจจะเป็นต้นเดือน พ.ค. ฉะนั้นเมื่อเกิดการเลือกตั้งคงต้องขอดูคณิตศาสตร์ทางการเมือง ตัวเลขสุดท้ายว่าแต่ละพรรคการเมืองจะมีคะแนนรวมเท่าไหร่ แต่ตนเชื่อว่าหากเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน หรือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หากคะแนนมากพอก็น่าจะนำไปสู่การปิดสวิตช์ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยอัตโนมัติ แม้ในทางกฎหมายอาจจะปิดไม่ได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง