ชูวิทย์พิงสภาไล่บี้ทุนจีน กก.ได้ทีซักฟอกประยุทธ์

ชูวิทย์หลังพิงสภา! ส่งไม้ต่อก้าวไกล ไล่บี้มาเฟียทุนจีน เปิดโปงในศึกซักฟอก แฉอีกผู้ต้องหาพยายามปิดปากพยานปากเอกไม่ให้การเพิ่ม ข้องใจ ปปง.หายเข้ากลีบเมฆ ด้าน กมธ.ฟอกเงินเล็งเชิญ ปปง-ตม.-ผบ.ตร.ชี้แจงเพิ่ม ขีดเส้นต้องเสร็จก่อนยุบสภา

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 11 มกราคม เวลา 10.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ยื่นข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการกลุ่มธุรกิจจีนสีเทาต่อนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อพิจารณาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

นายชูวิทย์กล่าวว่า หลังพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 10 ม.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้โทรศัพท์มาหาตน และยอมรับว่า ผบ.ตร.คนนี้เป็นคนดี ไม่มีเล็กไม่มีน้อย ไม่มีใต้ดิน แต่การเป็นคนดีกับคนเก่งในการทำหน้าที่ถือเป็นคนละส่วนกัน คนเป็นผู้นำองค์กรต้องกล้าที่จะพูด

ด้านนายรังสิมันต์กล่าวว่า นายชูวิทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และเชื่อว่าการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราคงจะได้เห็นการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่พรรค ก.ก.เท่านั้น แต่รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ที่จะหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูด รวมถึงมีหลักฐานต่างๆ ที่เพียงพอจะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี

"ขอฝากถึงประธานและรองประธานที่จะควบคุมการประชุมว่าเรื่องนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หากท้ายสุดจะมีการฟ้องร้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อภิปรายต่อในศาล ส่วนกรณีที่มีหลักฐานพบว่า หลานชาย พล.อ.ประยุทธ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา พรรคก้าวไกลจะติดตามเรื่องนี้เพื่อนำไปใช้ในการอภิปรายทั่วไปมาตรา 152 อย่างแน่นอน" นายรังสิมันต์ ระบุ

หลังจากนั้น ในเวลา 11.00 น. นายชูวิทย์ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร กรณีทุนจีนสีเทา โดยนายชูวิทย์ระบุข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับพ่อแม่คนจีนที่มาคลอดลูกในไทยและให้คนไทยรับเป็นลูก เพื่อถือสัญชาติไทยด้วย อีกทั้งยังมีการซื้อบ้านยกหมู่บ้าน คอนโดฯ หรู จึงเห็นควรให้เข้าไปสอบเรื่องฟอกเงิน และต้องตรวจสอบไปถึงกรมที่ดิน เพราะใช้บริษัทนอมินี และยังพบมีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)เปิดประตูให้เข้ามาเสวยสุขในประเทศเรา

"ดังนั้น ตม.ต้องโดนตรวจสอบด้วย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมีผู้กำกับ สน.ยานนาวา ถูกย้ายไปเพียงคนเดียว แต่ 4 เสือยังอยู่ดีมีสุข ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับชาติที่ตนลากมา 3 เดือน ที่สำคัญ สน.สุทธิสารที่มีผู้หญิงเสพยาตายยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ตนจึงมองว่าเป็นเรื่องแปลกที่สุด เหมือนหนัง Mission impossible" นายชูวิทย์กล่าว

ด้านนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะกรรมาธิการฯ ว่าการดำเนินคดีไม่คืบหน้า การทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ซับซ้อน ตามไม่ทัน ล่าช้า จึงอาจต้องเชิญมาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการเช่นเดียวกับ ตม. ที่กรรมาธิการต้องการข้อมูล นอกจากนี้ ยังเตรียมเชิญ ผบ.ตร.มาชี้แจงเพิ่มด้วย

ทำให้นายชูวิทย์ตั้งข้อสังเกตเพิ่มว่า ปปง.เงียบจริง ที่ผ่านมา ปปง.มีภาพโปร่งใส ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันไม่เห็นออกมา จึงเห็นด้วยให้เชิญ ปปง. มาชี้แจง รวมถึง ผบช.น. ส่วน ผบ.ตร.นั้นยืนยันได้ว่าเป็นคนดี ตรงไปตรงมา เป็นคนสุจริต แต่ขอให้ตัดสินใจให้ดี เพราะบางคนทำงานดีในบางเรื่อง แต่อาจทำงานสอบสวนไม่ดี จึงต้องกล้าฟัน

ขณะที่นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า จะหารือว่าจะเชิญใครมาบ้าง โดยจะทำให้เสร็จก่อนยุบสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 14.00 น. นายชูวิทย์เดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อมาให้ข้อมูลกับคณะทำงานของกระทรวงยุติธรรม โดยระบุว่า ตนมีประเด็นที่ยังติดใจเรื่องยังไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินแก่นายตู้ห่าว แต่ไปแจ้งผู้ร่วมขบวนการ เช่น นางพัชรินทร์ ภรรยานายตู้ห่าว ซึ่งตำรวจสามารถแจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าวได้แม้ว่ายังคงอยู่ในเรือนจำ

นายชูวิทย์กล่าวว่า มองว่ากระบวนการทำคดียังมีความไม่น่าไว้วางใจ อีกทั้งระยะเวลาในการทำสำนวนเพื่อจะส่งให้อัยการใกล้เข้ามาทุกที การแจ้งข้อหาฟอกเงินมันจะส่งผลต่อการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน แต่ข้อหาที่เจ้าหน้าที่แจ้งนายตู้ห่าว มีแค่ข้อหาเรื่องยาเสพติด ก่อนหน้านี้ตนได้พูดคุยกับนายสีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการ ปปง. ได้ตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกันว่า ทำไม ปปง.ถึงไม่ออกมาดำเนินการใดๆ กับคดีนายตู้ห่าว จึงอยากถามว่า ปปง.ทำอะไร ถึงไม่ดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินและผู้ร่วมขบวนการ

“ทราบมาว่าพยานบุคคลที่ผมพาไปให้ปากคำกับตำรวจในคดีตู้ห่าว พยานรายนี้เป็นพยานปากเอกที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องธุรกรรมการเงินของนายตู้ห่าวทุกอย่าง รวมไปถึงพบเห็นยาเสพติด มีผู้ต้องหารายหนึ่งในคดีตู้ห่าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานรายนี้ โดยการเสนอทรัพย์สิน เงินทอง พยายามโน้มน้าวใจไม่ต้องมาให้ปากคำเพื่อปิดปากพยานรายนี้ ตนถือว่านี่เป็นเรื่องสำคัญ ที่ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีได้รับการประกันตัวออกมา โดยมีคนกลางเป็นผู้ติดต่อให้ (ทนายของภรรยาตู้ห่าว)” นายชูวิทย์ระบุ

นายชูวิทย์ระบุว่า ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ จะสร้างความเสียหายให้กับขบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน ตอนนี้มองว่าการปิดปากพยานไม่ใช่การต่อสู้ที่ถูกต้องตามกติกา ตนเองจึงอยากขอเรียกร้องตำรวจ อัยการ ให้มีการถอนประกันผู้ต้องหา ซึ่งตนเองมีข้อมูลหลักฐานเหลืออีกเพียงแค่ 20% ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่เชื่อได้ว่าขบวนการนายตู้ห่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักรและขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ

ส่วนกระเเสข่าวผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เลี้ยงปีใหม่อัยการที่ทำคดีตู้ห่าวนั้น นายชูวิทย์มองว่าไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไร หรือเป็นเรื่องที่ผิด ทำงานมาทั้งปี ตนไม่ได้ตำหนิผู้บัญชาการตำรวจนครบาลทุกเรื่อง ตนมองเรื่องสาระสำคัญการทำคดีมากกว่า

ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ส่งภาพถ่ายหลักฐานคดีนายตู้ห่าว ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีหลักฐานประกอบด้วยภาพถ่ายบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว จำนวน 45 ภาพ และแผ่นซีดีจำนวน 1 แผ่น เรียกร้องให้ ปปง. ตรวจสอบบุคคลที่ปรากฏในภาพถ่ายทั้งหมด เนื่องจากอาจมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนายตู้ห่าวกับพวก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง