บิ๊กตู่ออนทัวร์ทุกภาค รทสช.จัดอีเวนต์อ้อนแฟนคลับ/‘อนุทิน’คึกเปิดทีมเจาะกรุง

“บิ๊กตู่” ไม่หวั่นไร้ทีมองครักษ์ป้องอภิปรายหลังเข้าพรรค รทสช. โยนสภาเคาะวันซักฟอก อุบ "ยุบสภา" บอกทุกคนรู้ กม.ไม่กระทบ ส.ส.สังกัดพรรคใหม่ทันแน่นอน ยันไม่ต้องเคลียร์ใจ “บิ๊กป้อม” บอกความผูกพันคนละเรื่องการเมือง “เอกนัฏ” แย้มเตรียมอีเวนต์พาลุงตู่ออนทัวร์พบแฟนคลับทุกภาค “อนุทิน” คึก! ขับรถตุ๊กๆ นำ "พุทธิพงษ์" พร้อมอดีต ส.ส.กทม.เข้าร่วมงานภูมิใจไทย “พปชร.” เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค 28 คน 19 จ. “หมอประสิทธิ์” ทิ้ง สอท. หอบลูกสาวซบพลังประชารัฐ “วิรัช” ฟุ้งนาทีนี้ไม่มีใครเหมาะนั่งนายกฯ เท่าลุงป้อม "ฝ่ายค้าน" ตีปี๊บอภิปรายครั้งสุดท้ายดุเด็ดเผ็ดมันแน่ "สภา" ยื้อได้แค่เที่ยงล่มอีกแล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 11 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี

กำชับรัฐมนตรีในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมความพร้อมการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติของฝ่ายค้านว่า เป็นเรื่องของการหารือร่วมกัน ซึ่งสุดแล้วแต่ทางสภาว่าอย่างไร ขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลที่จะไปหารือกัน

ถามว่า เบื้องต้นเป็นต้นเดือน ก.พ.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. เขาว่าอย่างไรสื่อได้เสนอข่าวไปแล้วไม่ใช่หรือ เมื่อถามอีกว่าให้เวลาฝ่ายค้านกี่วัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่ตนให้หรือไม่ให้ ขึ้นอยู่กับสภาจะตกลงกันว่าอย่างไร ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะกี่วัน แต่ตนคิดว่าวันเวลานี้อย่าให้มากนักเลย ไม่ใช่การต่อสู้กันทางการเมือง ไม่ใช่บ้านเมืองกำลังมีปัญหา ฉะนั้นทุกปัญหาต้องดูว่าได้แก้ไขอะไรไปแล้วบ้าง ถ้าพูดกันแต่เรื่องที่ไม่ดีมากๆ นัก ทุกอย่างมันก็รวนไปหมด หาสิ่งดีๆ กันให้เจอบ้างสิ มีเยอะแยะไป

ซักว่า นายกฯ จะตอบเองทุกคำถามหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องของตนเป็นการตัดสินใจของตนในสภา คืออย่าถามคำถามล็อกตนแบบนี้ ตอบไม่ได้หรอก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะตอบหรือไม่ตอบ และจะตอบอย่างไร หลายอย่างเป็นสิ่งที่กล่าวมาหลายปีแล้ว ทุกครั้งที่มีการอภิปรายก็จะเป็นอย่างนี้ และเวลาตนพูดก็ไม่ฟัง

เมื่อถามว่านายกฯ กังวลหรือไม่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า จะกังวลเรื่องอะไร ถามย้ำว่าอาจจะไม่มีองครักษ์พิทักษ์เหมือนแต่ก่อน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ตนทำประโยชน์เพื่อคนส่วนรวม ใครจะพิทักษ์ไม่พิทักษ์ก็ตามใจ ก็แล้วแต่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นบทบาทและหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องช่วยกันเอาบ้านเมืองเป็นหลักไว้ก่อนก็แล้วกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องการจัดกิจกรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่าเขาชี้แจงไปแล้ว ฝ่ายกฎหมายทาง กกต.เขาคงปรึกษากันแล้วอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้

"เรื่องจะอยู่บริหารประเทศครบเทอมหรือไม่ ผมพูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจใช่ไหม ผมจะอยู่ต่อหรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ถามว่าจะอยู่ให้ครบเทอมวันที่ 23 มี.ค.นี้เลยหรือไม่ หรือจะยุบสภาก่อน นายกฯ กล่าวว่า ถามว่าคำถามแบบนี้ประชาชนได้อะไร เมื่อถามว่าประชาชนรอเตรียมเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เลือกตั้งคือเลือกตั้ง ว่ากันไปตามกระบวนการเลือกตั้งใช่ไหมเล่า เมื่อถามว่า ส.ส.ก็รอฟัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของเขา ตนก็เห็นเป็นอย่างนี้มาตลอด  พอต่อถามว่า ส.ส.อยากเห็นความชัดเจนเนื่องจากมีกฎหมายเรื่องการสังกัดพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ดูให้อยู่แล้ว วันเวลาที่เหมาะสม วันเวลาที่เขาไม่มีปัญหาในเรื่องอะไรก็แล้วแต่ การเมืองก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ใช่เป็นที่สมัยนี้ซะเมื่อไหร่ เมื่อถามว่าหมายถึง ส.ส.จะสังกัดพรรคใหม่ได้ทันตามกรอบเวลาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทันอยู่แล้ว ตนไม่ทำให้เขาเสียหายอยู่แล้ว ทุกคนมีหลักการของตัวเองไม่ใช่หรือ

'ตู่-ป้อม'มีความผูกพัน

ซักว่าในการทำกิจกรรมร่วมกับพรรค รทสช. นายกฯ จะเริ่มเมื่อไหร่ ในเวลานอกราชการ พล.อ.ประยุทธ์ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากตอบคำถาม โดยกล่าวว่า “ผมก็ดูกฎหมายของผมอยู่แล้ว อย่าลืมว่าผมก็มีบทบาทของผมในการเป็นนายกฯ ก็ระมัดระวังอย่างที่สุดก็แล้วกัน อะไรที่เป็นเรื่องงานของรัฐบาลของนายกฯ ผมก็ทำต่ออยู่แล้ว เรื่องของพรรคก็เป็นเรื่องของพรรค ซึ่งกรรมการบริหารพรรคเขาดำเนินการอยู่แล้ว ผมให้เครดิต”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีเป็นแคนดิเดตนายกฯ แข่งกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หนักใจหรือไม่ ว่า แล้วเกี่ยวอะไรกับท่าน เมื่อถามว่าถ้าจะต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ คู่กัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อ้าว แล้วมันเป็นไร เมื่อถามว่าอาจจะลำบากใจ เพราะเป็นพี่น้องกันแล้วมาแข่งกันเองในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่เคยมีปัญหากันอยู่แล้ว หลายคนก็พูด ตนต้องมาเคลียร์ใจตอนเช้าก่อนเข้าห้อง ครม. ซึ่งห้องนั้นเป็นห้องก่อนประชุม ครม.ใครก็เข้ามาได้ ไม่ใช่ตนต้องไปเคลียร์อะไรหนักหนา

"คนเราถ้ามันมีความผูกพันก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องการเมืองก็อีกเรื่องหนึ่ง ท่านก็เข้าใจ ตนก็เข้าใจ ต่างคนต่างเข้าใจ ก็จะอะไรกันหนักหนา" นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนที่นายกฯ จะตัดสินใจไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะมีการประเมินกันแล้วว่า ส.ส.ที่จะได้มาต้องถึง 25 คนในการเสนอชื่อนายกฯ ในส่วนของพรรคตัวเองในสภา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็รู้อยู่แล้วนิ ก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ เมื่อถามว่าหมายความว่านายกฯ มีความมั่นอกมั่นใจใช่หรือไม่ว่าพรรคนี้จะสามารถนำ ส.ส.เข้ามาได้ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน จะได้ 5 คน 10 คน 20 คน 25 คน อันนี้เท่าไหร่ตนไม่รู้ ตนจะไปรู้ใจประชาชนได้อย่างไร ต้องไปถามประชาชนโน่น

พอถามว่า ถ้าให้นายกฯ พูดในทางการเมืองตอนนี้ อยากจะพูดอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่อยากพูด เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่อยากพูด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพราะเบื่อ เมื่อถามว่านายกฯเบื่ออะไร นายกฯ กล่าวว่า เบื่อคำถามเธอไง

ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงเสียงตอบรับการจัดงานรวมใจ รวมไทยสร้างชาติ เพื่อเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ว่า ขอขอบคุณแฟนคลับลุงตู่ และกองเชียร์พรรค รทสช.ที่อาจจะไม่สะดวกเดินทางมาร่วมงาน แต่ก็ได้ส่งกำลังใจผ่านช่องทางต่างๆ อย่างล้นหลาม ซึ่งก็มีเสียงเรียกร้องสมาชิกพรรค และผู้สนับสนุนพรรคในจังหวัดอื่นที่อยากให้พรรคจัดกิจกรรม และอยากพบปะ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนกิจกรรมวันที่ 9 ม.ค.ในพื้นที่ต่างจังหวัดบ้าง ตนจะนำเสียงเรียกร้องดังกล่าวไปนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณากำหนดรูปแบบการจัดกิจกรรมต่อไป เบื้องต้นอาจจะจัดในรูปแบบออนทัวร์ไปทุกภาคทั่วประเทศ หากเป็นไปได้ก็จะไปในทุกจังหวัดเพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และนำเสนอนโยบาย ควบคู่กับการแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในแต่ละพื้นที่ด้วย

 “ผมยืนยันว่าประชาชนทุกพื้นที่จะมีโอกาสได้พบได้สัมผัสกับ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้บริหารพรรค และตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อย่างใกล้ชิดแน่นอน ซึ่งยังมี ส.ส.อีกหลายคนที่ขอยังไม่เปิดตัวในช่วงนี้ แต่ตกลงจะมาร่วมงานกับพรรค ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน ส่วนจะตรงตามรายชื่อมากกว่า 40 ส.ส. ที่มีกระแสข่าวหรือไม่นั้น ขอให้ติดตาม เพราะหลังจากนี้จะมีการการทยอยเปิดตัวเป็นระยะๆ แต่ละรายก็เป็นระดับบิ๊กเนมทั้งสิ้น" เลขาฯพรรค รทสช.กล่าว

'อนุทิน'คึกรับทีมพุทธิพงษ์

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดผ่านรายการคลับเฮาส์โดยวิจารณ์พรรค รทสช. จะได้ ส.ส.ทั่วประเทศไม่ถึง 25 คน ว่า นายทักษิณกำลังดูถูกเหยียดหยามประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ จากการที่ตนตระเวนทั่วภาคอีสาน มีความเชื่อมั่นว่าประชาชนจะให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติในการบริหารประเทศอีกสมัยนั้นหมายความว่าเราจะได้รับเสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล มากกว่าที่นายทักษิณดูถูกเอาไว้แน่นอน เพียงแต่เราให้เกียรติเสียงของประชาชน เลยไม่พูดแบบนายทักษิณ

วันเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเช้า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นำอดีต ส.ส.กทม. ทีมภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลงสนามเลือกตั้ง กทม. ทั้งนายจักรพันธ์ พรนิมิตร,  น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์, นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา รวมถึงทีมคนรุ่นใหม่ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง อย่างวัดพระแก้วและศาลหลักเมือง

ส่วนที่พรรคภูมิใจไทย ช่วงเช้านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย และแกนนำพรรค ร่วมต้อนรับนายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 จ.นครสวรรค์ และนายฑีฆะพล ทวีเกื้อกูลกิจ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 จ.ตาก ที่ได้เดินทางสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยเป็นการสมัครสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ ก่อนที่นายอนุทินจะสวมเสื้อแจ็กเกตพรรคภูมิใจไทยให้กับทั้งนายวีระกรและนายฑีฆะพล เพื่อให้การต้อนรับในฐานะสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ

นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนของนายวีระกรทาบทามคงไม่มี เพียงแต่ได้พบเจอกันที่รัฐสภา และมีโอกาสไปเปิดโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ และนายวีระกรก็ได้พาตนไปแนะนำให้รู้จักกับคนนครสวรรค์จำนวนมาก ต่างฝ่ายต่างเห็นการทำงานให้กับประชาชน ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

จากนั้นเวลา 12.55 น. นายพุทธิพงษ์  นำอดีต ส.ส.กทม. ประกอบด้วย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร, น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์,  นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา รวมถึงทีมคนรุ่นใหม่ อาทิ น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย หลานสาวนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นางศลิษา สิงหเสนี, น.ส.พิชามญช์ ชมะนันทน์, น.ส.อัชญา จุลชาต และนายพศิน ชาญศิลป์ นั่งรถตุ๊กๆ ไฟฟ้ามาตาม ถ.พหลโยธิน เข้ามายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค และเปิดตัวทีม “ภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ”

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางมาถึง นายอนุทินรอให้การต้อนรับพร้อมทั้งขอเป็นคนทดลองขับรถตุ๊กๆ ไฟฟ้า โดยมีนายพุทธิพงษ์ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.บางส่วน ร่วมนั่งบนรถตุ๊กๆ ไฟฟ้าด้วย ซึ่งนายอนุทินได้ขับวนรอบพรรคหนึ่งรอบก่อนนำทั้งหมดขึ้นมาบริเวณชั้น 2 ของที่ทำการพรรค เพื่อทำกิจกรรมเปิดตัว

นายอนุทินกล่าวว่า ยินดีต้อนรับครอบครัวภูมิใจไทย พี่น้องภูมิใจไทยในเขตกทม.สู่บ้านหลังนี้ เรามองว่า กทม.เป็นหัวใจของประเทศอีกหนึ่งจังหวัด เราไม่เคยมองข้าม ตนเชื่อว่านายพุทธิพงษ์และทุกๆ คน คงมองว่าถึงเวลาที่พรรคภูมิใจไทยจะเข้าพื้นที่ กทม.แล้ว เราจะทำจนสุดความสามารถที่ทำให้คน กทม.เชื่อมั่นในพรรค เหมือนกับคนทั่วประเทศที่เชื่อมั่น และให้โอกาสพรรคมาทำงาน

ส่วนนายพุทธิพงษ์กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย วันนี้นำทีมคนรุ่นใหม่ 60-70 คน มาเป็นทีมทำงานร่วมกัน ครั้งนี้ตนจึงไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับทีม กทม. ทั้งนี้ หากย้อนดูตลอด 3 ปีที่ป่านมา พรรคภูมิใจไทยไม่มี ส.ส.กทม. แต่ผลงานในหลายกระทรวงจากรัฐมนตรีของพรรค ทำประโยชน์สร้างโครงการต่างๆ ใน กทม.จำนวนมาก ผลงานที่ทำไว้ แม้พรรคจะไม่มี ส.ส.กทม.เลย แต่ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าเราเสนอคนดี คนเก่ง มาเป็นจุดกลางทำนโยบายให้เกิดขึ้นจริง ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นใน กทม. นี่คือเหตุผลว่าทำไมตนต้องมาพรรคภูมิใจไทย

นายพุทธิพงษ์กล่าวถึงนโยบายที่จะเสนอต่อคน กทม.ว่า เรียกว่านโยบาย “ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7” โดยเราจะทำงานเพื่อคน กทม. 24 ชม. 7 วัน สำหรับคน กทม.ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัยเกษียณ วัยทำงาน วัยเรียน และวัยเด็ก ประกอบด้วย นโยบายเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และให้โอกาส เป็นต้น

พปชร.เปิดตัวผู้สมัคร 4 ภาค

ถามถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติ ส.ส.จะสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ หลังเคยต้องคดีชุมนุมทางการเมืองกับ กปปส. ที่ต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้ เนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่ตนเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพ ส.ส. ก็เป็นการร้องในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.อยู่ และเหตุการณ์จบไปแล้ว ซึ่งหากได้เป็น ส.ส.ในครั้งนี้ เรื่องดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญได้ระบุคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษา โดยไม่คำนึงว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนจะลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ อยู่ที่พรรคภูมิใจไทยจะพิจารณาอีกครั้ง

ถามถึงการตั้งเป้า ส.ส.ในพื้นที่ กทม. นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ยังประเมินไม่ได้ แต่ยืนยันว่าอดีต 8 ส.ส.กทม.เดิม ที่มาอยู่พรรคภูมิใจไทย ต้องรักษาพื้นที่เดิมให้ได้

ซักว่ากระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ยังขายได้อยู่หรือไม่ใน กทม. นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ถือเป็นเสน่ห์ของระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชนจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้น นายกฯ มาเปิดตัวกับประชาชนชัดเจน ถือเป็นสิ่งที่ดี และเป็นทางเลือกประชาชน แต่เราก็มีทางเลือกของเราที่แต่ละคนจะนำเสนอนโยบาย

 “ไม่มีใครดีกว่าใคร อยู่ที่สถานการณ์วันนั้น ใครเหมาะจะนำพาประเทศ ณ วันที่กำลังจะต้องเดินไปถึง” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ นายอนุทินยังได้สวมเสื้อแจ็กเกตพรรคให้แก่นายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ที่เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยด้วย ส่วนนายพุทธิพงษ์ได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เวลา 16.00 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค พื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ จำนวน 28 คน 19 จังหวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่มีการเปิดตัวในครั้งนี้ มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นพ.ประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เป็นอดีต ส.ส.ชัยภูมิ และอดีตรองเลขาธิการนายกฯ ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อมาปี 62 ลงสมัคร ส.ส.ชัยภูมิ ในนามพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง และเพิ่งจะเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิของพรรคสร้างอนาคตไทยเมื่อต้นเดือน พ.ย.65 ที่ผ่านมา ก่อนจะพา น.ส.สุนทรี ลูกสาว ย้ายมาอยู่กับ พปชร. ขณะที่ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ หรือหมอแว เป็นอดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน หลังจากนั้นลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

นายวิรัชกล่าวว่า เวลานี้ในประเทศไทยไม่มีใครเหมาะสมเกิน พล.อ.ประวิตร ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่แล้วเราสร้างนายกฯ มาแล้ว 1 คน ครั้งนี้ตนคุยกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมด เราจะต้องสร้างนายกฯ อีกครั้ง การจะสร้างได้ทุกคนต้องสามารถเอาชนะให้ได้กลับมามากที่สุด

นพ.แวมาฮาดีมั่นใจพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 12 คน มีทั้งอดีต ส.ส. และ ส.ส. โดยเราจะขอทั้ง 12 ที่นั่งไม่บริจาคให้พรรคอื่นเลย

ฝ่ายค้านโวอภิปรายเดือด

ส่วนนายนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตอบโต้กรณีนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ลาออกจากพรรค พปชร. ให้เหตุผลเพราะเข้าถึงตัว พล.อ.ประวิตรยากว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่คิดว่านายวีระกรอาจไม่สนิทหรือไม่คุ้นเคยมากกว่า

"พล.อ.ประวิตร เช้ามาเปิดบ้านตอนตี 5 ก็นั่งกินข้าวกับคนที่มาพบปะพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือทีมงาน ซึ่งก็เจอคนทั้งวัน คิดว่าคิวเยอะมากกว่า แต่ไม่ได้ถูกกีดกัน คิดว่าเหตุผลจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องของการทำงานมากกว่า" นายชัยวุฒิกล่าว

ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ปรากฏว่าไม่สามารถเปิดประชุมได้ตรงตามเวลานัด เนื่องจากสมาชิกลงชื่อไม่ครบองค์ประชุม ทำให้เวลาล่วงเลยเป็นชั่วโมง จนนายพรเพชรต้องกดออดเรียกซ้ำ 3 รอบ อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รออยู่นั้นมีสมาชิกบางคน กล่าวผ่านไมโครโฟนว่า “รับเงินแต่ไม่มาประชุม” กระทั่งเวลา 10.35 น. ที่ประชุมสามารถเดินหน้าลงมติมาตรา 7 ผ่านไปได้

ต่อมาในช่วงเที่ยง ที่ประชุมเข้าสู่มาตรา 8/1 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ได้เพิ่มขึ้นใหม่นั้น เมื่อสมาชิกอภิปรายเรียบร้อย ได้มีการตรวจสอบองค์ประชุมซึ่งครบตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ปรากฏว่าในขั้นตอนการลงคะแนนองค์ประชุมกลับไม่ครบ มีเพียง 339 เสียง แบ่งเป็นเห็นด้วย 46 ไม่เห็นด้วย 289 งดออกเสียง 2 และไม่ออกเสียง 2 เสียง ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ทักท้วงว่าการประชุมวันนี้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้แล้ว เพราะองค์ประชุมขณะที่ลงคะแนนไม่ครบ และยืนยันว่าหากเดินหน้าให้นับคะแนนรอบใหม่ จะไม่ขอเป็นองค์ประชุมให้ เหมือนครั้งประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น

นายพรเพชรชี้แจงว่า ตนดูในจอแสดงผลตัวเลขไม่ใช่เช่นนั้น มองไม่เห็นตัวเลข และขอพิจารณาดูว่าจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะเลขานุการวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ประธานจะต้องยึดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 56 (1) ที่เปิดช่องให้นับคะแนนใหม่ได้ เพื่อเดินหน้าการประชุมต่อไป แต่นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. แย้งว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านระบุไว้ถูก เมื่อลงมติเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ต้องปิดประชุม

จากนั้นเวลา 12.49 น. นายพรเพชร วินิจฉัยและกล่าวสั้นๆ ว่า ถือว่าองค์ประชุมไม่ครบในการลงคะแนน ขอปิดการประชุม

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงเรื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า ล่าสุดพรรค พท. โดยเฉพาะนายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ได้มีการแจกงานกันเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตนจองกฐิน 2 กระทรวงคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในการอภิปรายแม้จะไม่เป็นการลงมติ แต่จะไปจบที่องค์กรอิสระ ฉะนั้นการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะดุเด็ดเผ็ดมันมากกว่าการอภิปรายครั้งที่ผ่านมา

นายจิรายุยังกล่าวถึงการประชุมรัฐสภาล่มว่า ในนามของพรรคฝ่ายค้าน ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาว่า จริงๆ แล้ว ส.ว.ที่พูดในที่ประชุมไม่น่าใช้วิธีการทางด้านการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งฝ่ายค้านแสดงตนเป็นองค์ประชุมในวันนี้กว่า (11 ม.ค.) 100 เสียง ซึ่งตอนเช็กองค์ประชุมพบว่ามี 349 เสียง แต่เมื่อถึงเวลาแสดงผลคะแนนพบว่ามี 339 เสียง ยังมีคนกดบัตรแทนกันอยู่ แสดงว่ามีมือที่สองและมือที่สามไปกดเพิ่ม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง