สยบข่าวป้อมปาดหน้า อ้างไปไหว้พระทำบุญอย่าคิดมาก/บิ๊กเนมปชป.แห่ซบรทสช.

“ประยุทธ์-ประวิตร” เล่นบทเตมีย์ใบ้ ไม่ตอบปมเจอปาดแฮตทริก “พี่ป้อม” โอดไปไหว้พระประจำปีก็ถูกโยง “ชัยวุฒิ-ธนกร” บอกอย่าคิดมากเป็นเรื่องทำบุญปกติ  พปชร.อวยพี่ใหญ่เป็นผู้บริหารประสานสิบทิศ ทำให้รัฐบาลเดินมาถึงจุดนี้ "บิ๊กเนม ปชป." แห่ซบ รทสช. “เสี่ยหนู” มั่นใจปักธงเมืองกรุงได้แน่ ระบุพฤติกรรมทุกพรรคเหมือนกันหมด เลิกอ้างเรื่องพรรคประชาธิปไตยได้แล้ว “ชาติพัฒนากล้า” โวเปิดนโยบาย 24 ม.ค.โดนใจแน่ ก้าวไกลฟุ้งกวาดเก้าอี้กรุงเทพฯ เป็นสีส้มทั้งหมด “เพื่อไทย” ปั่นอภิปรายได้เห็น พปชร.รุมสับ “บิ๊กตู่” แน่

เมื่อวันจันทร์ที่ 23 มกราคม ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ลงพื้นที่เยาวราชเมื่อสุดสัปดาห์ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทักทายสื่อมวลชนว่า “สวัสดีนะจ๊ะ” และปฏิเสธตอบคำถามถึงความรู้สึกที่ได้ลงพื้นที่เยาวราช ทำเพียงส่ายศีรษะก่อนขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที

ในเวลา 15.30 น. หลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ประยุทธ์ได้ถือเอกสารผลการประชุมเดินลงมายังโพเดียมแถลงข่าว พร้อมวางเอกสารบนโพเดียมและกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทุกอย่างเป็นไปตามเอกสารแถลงข่าว” พร้อมกับเคาะไปที่เอกสารผลการประชุมเสียงดัง ก่อนเดินไปขึ้นรถและออกไปท่ามกลางสื่อมวลชนที่รุมล้อมเพื่อขอสัมภาษณ์

มีรายงานว่า ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงก่อนและเข้าห้องรับรอง จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาถึงคนที่ 2 และ พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาถึงคนสุดท้าย โดยทั้ง 3 คนได้เข้าห้องรับรองใช้เวลาพูดคุย 5 นาที โดยมีรายงานว่าทันทีที่ พล.อ.ประวิตรเดินทางมาถึง ได้บ่นกับคณะที่มารอรับว่า  “ไปหาว่าเราปาดหน้านายกฯ ไม่ใช่ เราไปไหว้พระอยู่แล้วที่มูลนิธิเทียนฟ้า ไปไหว้ประจำ ทำบุญมาตลอดอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม สมช.เสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตรได้เดินออกจากห้องประชุมเป็นคนแรก และนั่งรถเดินทางกลับทันที ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.อนุพงษ์ออกจากห้องประชุมในเวลาไล่เลี่ยกัน

ในช่วงเช้า พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่เยาวราชเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่า ไปคนเดียว ไปไหว้พระ ไม่มีอะไรหรอก และเมื่อถามว่าได้ขอพรอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “โอ๊ย จะขอพรอะไรล่ะ ก็ขอให้เราสุขภาพแข็งแรง” สุดท้ายเมื่อถามย้ำว่า ได้เสียงตอบรับ มีกำลังใจขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถาม

ภายหลังการประชุมมอบนโยบายการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ.2566 พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามการลงพื้นที่ช่วงหลังจากนี้ โดยเฉพาะในวันที่ 26 ม.ค.นี้จะไป จ.ชุมพรหรือไม่ รวมถึงไม่ตอบกรณีที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าลงพื้นที่ปาดหน้า พล.อ.ประยุทธ์ถึง 3 ครั้ง

ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวประเด็นนี้ว่า เป็นการไปไหว้พระเนื่องในเทศกาลตรุษจีน  เพื่อความเป็นสิริมงคลเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป ไม่ได้มีเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ทุกพรรคการเมืองไปกันหมด ดังนั้นไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นเรื่องของการทำบุญ เป็นการไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลในเทศกาลตรุษจีน

อย่าคิดมากเรื่องปาดหน้า

 “ยอมรับว่าการที่ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่เดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ในหลายครั้ง ต้องเข้าใจว่านักการเมืองในพื้นที่ที่รู้จักทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรเป็นคนกลุ่มเดียวกัน บางครั้งจึงเป็นการลงพื้นที่เดียวกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ตั้งใจไปปาดหน้ากัน ขออย่าคิดมาก” นายชัยวุฒิกล่าว

เมื่อถามว่า ให้คะแนนการลงพื้นที่เยาวราชของ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรอย่างไร นายชัยวุฒิย้อนว่าต้องให้คะแนนด้วยหรือ พร้อมหัวเราะและกล่าวว่าเป็นแค่การไปทำบุญ ซึ่งประชาชนให้ความนิยมศรัทธาทั้งสองคน มีคนมาต้อนรับขอถ่ายรูปและพูดคุย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่คนไทยยังให้เกียรติรักทั้งสองคน

นายชัยวุฒิยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตรว่า คณะทำงาน พล.อ.ประวิตรมีการวางแผนจะลงพื้นที่ทุกวันจันทร์และวันศุกร์ ซึ่งข้อเท็จจริงทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่เป็นปกติอยู่แล้ว เพื่อติดตามความคืบหน้านโยบายและรับฟังปัญหาเป็นปกติ อย่ามองว่าเป็นการหาเสียง เช่นเดียวกับที่ตนลงพื้นที่เกาะสมุยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการหาเสียง แต่มาติดตามงานของกระทรวงดีอีเอส

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  กล่าวเช่นกันว่า เรื่องปาดหน้าปาดหลัง ไฟแดงไฟเขียว คิดว่าไม่ใช่สาระสำคัญ เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของท่านที่คงมีกำหนดการ ซึ่งนายกฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ไปตรงไหนก็ได้ และนายกฯ เองมีที่ที่นายกฯ จะไปอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่มีปัญหา

นายธนกรยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีทั้งเสียงเชียร์และเสียงขับไล่ว่า เป็นเรื่องปกติในทางการเมือง ซึ่งต้องเข้าใจ นายกฯ ก็รับฟังปัญหาของทุกคนอยู่แล้ว ส่วนจะมีการลงพื้นที่อีกหรือไม่นั้น เข้าใจว่าพรรคคงมีโปรแกรมอยู่แล้ว ซึ่งนายกฯ คงใช้เวลานอกราชการไปทำงานการเมือง ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้เป็นการเอาเปรียบใคร

มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในวันที่ 30  ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดนครสวรรค์และพิจิตร ซึ่งต้องจับตาดูว่าภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจตรวจราชการแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะใช้เวลานอกราชการพบปะประชาชนในนามพรรค รทสช.หรือไม่  เนื่องจากเดิมพื้นที่ จ.พิจิตรเป็นของ พปชร. ซึ่งมี ส.ส.ทั้ง  3 คน และมีกระแสข่าวว่าอาจย้ายไปอยู่กับพรรค รทสช.

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย  กล่าวเรื่องนี้ว่า ประชาชนไม่ได้มีหน้าที่เป็นตำรวจจราจรจะได้สั่งจับปรับทั้ง 2 คน ขยันปาดหน้ากันลงพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนสับสน และการที่มีคนตะโกนด่า พล.อ.ประยุทธ์ขณะเข้าพื้นที่ คือภาพสะท้อนว่าประชาชนเบื่อหน่าย และไม่ได้ประโยชน์จากการลงพื้นที่หาเสียงชิงเหลี่ยมปาดหน้ากันไปมา

'บิ๊กเนม' แห่ซบ รทสช.

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ทั้งการเปิดนโยบายพรรคและการโยกย้ายสมาชิก โดยผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวและสมัครเป็นสมาชิกพรรค  รทสช.เป็นที่ชัดเจนแล้ว ทำให้บรรดา ส.ส.และอดีต ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองที่รอดูท่าที ต่างมีความมั่นใจที่จะย้ายสังกัดตบเท้าเข้ามาอยู่พรรค รทสช.มากยิ่งขึ้น ล่าสุดแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภาคเหนือ ระดับบิ๊กเนมก็จะย้ายเข้ามาสังกัดพรรคด้วย อาทิ นายจุติ ไกรฤกษ์  รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และอดีตเลขาธิการพรรค ปชป. ตามมาด้วยนายชัยวุฒิ  บรรณวัฒน์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.ตาก พรรค ปชป. และนางศิริวรรณ  ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก ส.ส.หลายสมัย

นอกจากนี้ ยังมีชื่อของนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีต รมช.มหาดไทย อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้ได้ตั้งพรรคเพื่อประชาชน ก็ลาออกมาสังกัดพรรค รทสช.ด้วย  และนายบุญจง วงศ์ไตรลักษณ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อดีต รมช.มหาดไทย ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายจำลอง ครุฑขุนทด อดีต รมช.ศึกษาธิการ ก็ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมแผ่นดินของ พล.อ.วิชญ์  อิศรางกูร ณ อยุธยา, นายประนอม โพธิ์คำ หรือกำนันนอม อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ และกลุ่มนายเอกภาพ พลซื่อ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ดหลายสมัย และอดีตนายก อบจ.ร้อยเอ็ด ที่จะส่งภรรยาลงสมัครรับเลือกตั้ง  ส.ส.ในนามพรรค รทสช.ด้วย

ทั้งนี้ รายชื่อนักการเมืองระดับบิ๊กเนมเหล่านี้จะทยอยเปิดตัวเป็นระยะหลังจากนี้ เพราะมีบางส่วนที่ยังเป็น ส.ส. ต้องทำหน้าที่ในสภาในสังกัดพรรคเดิมจนครบวาระก่อน

ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล กล่าวถึงผลสำรวจซูเปอร์โพลที่มองว่า พล.อ.ประวิตรเป็นพี่ใหญ่การเมือง เชื่อมประสานเหนือความขัดแย้ง ว่าถือเป็นภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตรเป็นคนประนีประนอม พยายามทำให้ทุกคนรักกันและทำงานร่วมกันให้ได้ ส่งผลให้รัฐบาลอยู่มาเกือบครบ 4 ปี ซึ่งหากไม่มี พล.อ.ประวิตรที่เป็นผู้บริหารประสานสิบทิศ จะทำให้รัฐบาลเดินมาถึงจุดนี้ไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนออกมา นี่เป็นจุดแข็งของ พล.อ.ประวิตรที่จะทำให้ พปชร.เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งสอดคล้องกับแคมเปญของ พปชร.ที่ว่า ขจัดความขัดแย้ง ก้าวข้ามปัญหา พัฒนาพื้นที่

'สกลธี-นฤมล' ลุย กทม.

รายงานแจ้งว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.จะจัดในวันที่ 24 ม.ค. โดย พล.อ.ประวิตรจะร่วมในงานเปิดตัวนายสกลธี ในฐานะหัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. ร่วมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค  ภายใต้สโลแกน พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ ไม่ขายฝัน ทุกนโยบายทำได้จริง และจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครประมาณ 30 คน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5 เขตจะทยอยเปิดหลังจากนี้

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ  กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองหลังออกจากพรรค พปชร.ว่า  อยู่ระหว่างการพูดคุย คิดว่าจะสรุปได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้  โดยพรรค รทสช.ก็เป็นหนึ่งในพรรคที่พูดคุย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการลงพื้นที่เขตห้วยขวาง กทม.เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนดี จากนี้จะไปลงทุกพื้นที่ใน กทม.  และตั้งใจจะส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  และคาดหวังจากทุกเขต แต่ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทั้งนโยบายพรรค ความขยันและความนิยมของผู้สมัคร ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด   

 “มั่นใจสิเพราะ กทม.ถือเป็นเมืองที่สำคัญ ภท.ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับจังหวัดอื่นๆ หมดแล้ว เหลือแต่ กทม.ที่ ภท.ยังมีผู้แทนไม่ได้ จึงอยากจะเสนอตัว” นายอนุทินตอบถึงความมั่นใจในการปักธง กทม.

เมื่อถามว่า คิดว่านโยบายอะไรที่จะโดนใจคน กทม. เพราะมีหลายพรรคที่ต้องการปักธงใน กทม.ให้ได้ และมีการแข่งขันกันสูง นายอนุทินกล่าวว่า เราใช้ผลงานของเราในช่วงที่เป็นรัฐบาล 4 ปีที่ผ่านมา สามารถนำนโยบายที่สัญญาเอาไว้กับประชาชนออกมาเป็นรูปธรรมได้แทบทุกนโยบาย ส่วนนโยบายเรื่องลดค่าโดยสารรถไฟฟ้านั้น ก็มั่นใจว่าทำได้ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ภท.กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ถ้าพูดว่าค่าโดยสารต้องไม่เกิน  40 บาท แสดงว่าเราศึกษาความคุ้มค่าการลงทุนและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับมาแล้ว ไม่ใช่มาพูดชุ่ยๆ

ถามว่า มองกระแส พล.อ.ประยุทธ์ที่ลงพื้นที่เยาวราชอย่างไรบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ลงคนเดียว แต่ลงกันถึง 3 พรรค ทั้งพรรค พปชร., พรรค ก.ก. และ รทสช. ซึ่งต้องให้กำลังใจท่าน ให้กำลังใจทุกพรรค ตรุษจีนได้อวยพรให้หัวหน้าพรรคทุกพรรค เพราะทุกคนมีความปรารถนาที่จะรับใช้ประชาชน  ได้ให้กำลังใจกัน ส่วนคนที่จะตัดสินใจคือประชาชน

เมื่อถามย้ำว่า มีความกังวลหรือไม่กับกระแสตอบรับของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ค่อนข้างดีในขณะนี้ นายอนุทินกล่าวว่า กระแสลุงหนูก็ดี เวลาลงพื้นที่ต่างๆ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากประชาชน หลายคนเข้ามาให้กำลังใจ ซึ่งในฐานะหัวหน้าพรรคถือว่าดีมาก

ถามอีกว่า ขณะนี้ทุกพรรคอาจแข่งกัน แต่หลังเลือกตั้งสามารถจับมือกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า  ทุกอย่างอยู่ที่ผลของการเลือกตั้ง ภท.ชัดเจนอยู่แล้ว วันนี้คิดว่าเลิกพูดกันได้แล้วว่าใครอยู่พรรคนี้เป็นประชาธิปไตย  ใครไม่อยู่พรรคนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือ ภท.พรรคดูด  แต่ปรากฏว่า ภท.ก็ถูกดูด ถือว่าครบหมดแล้ว ฉะนั้นคำว่าไล่หนูตีงูเห่า รับใช้เผด็จการ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย  ซึ่งด้วยการกระทำและสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนแล้วว่าทุกพรรคการเมืองเหมือนกันหมด มีรูปแบบและองค์ประกอบในทางการเมืองเหมือนกันหมด

'ชวลิต' ทิ้ง พท.ซบ ทสท.

   ส่วนพรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.รัมภามาศ  ทีฆธนานนท์ ผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2  ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวถึงจุดยืนทางการเมืองว่า เชื่อมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และชื่นชอบในนโยบายของพรรค พท. และขณะนี้พรรคมีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถอย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งถือว่าเป็นไอดอลของตนด้วย ทำให้หลงรักพรรคเพื่อไทยด้วยความจริงใจ และฝากชีวิตทางการเมือง ยืนยันว่าไม่เคยไปร่วมชุมนุม กปปส.แม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยให้การสนับสนุนไม่ว่าทางใด มีความรักและเคารพคนในครอบครัวเช่นเดียวกับทุกคน ตนเองและคนในครอบครัวมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันพอสมควร แต่ปัจจุบันท่านตาสว่างและเข้าใจเหตุการณ์แล้ว

 “ในฐานะที่เป็นลูก คนในครอบครัวอาจเคยทำบางสิ่งที่ผิดพลาด เอมขอโทษแทนคนในครอบครัวด้วยนะคะ ขอยืนยันว่าปัจจุบันครอบครัวเรายืนข้างประชาชนและยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย” น.ส.รัมภามาศกล่าว 

ขณะที่สำนักงานพรรคเพื่อไทย อ.นาแก จ.นครพนม  นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.เขต 4 นครพนม พรรคเพื่อไทย  แถลงข่าวการลาออกจาก พท. โดยนายชวลิตกล่าวว่า ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พท.เมื่อวันที่ 23  ม.ค. โดยไม่มีปัญหาส่วนตัวใดๆ ในพรรค และยังคงให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่ของพรรคและผู้บริหารพรรค รวมถึง 2 อดีตนายกฯ เสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้ตกผลึกความคิดทางการเมืองว่า นับจากปี 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 20 ปี การเมืองประเทศไทยยังอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้ง แบ่งเป็นฝักฝ่าย จึงต้องหาพรรคการเมืองที่มีจุดยืนอุดมการณ์ประชาธิปไตย และต้องมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างการเมืองสองขั้วเพื่อเป็นทางออกให้บ้านเมือง คือพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

“พรรคไทยสร้างไทยเป็นเหมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์ ที่จะพาประชาชนออกจากความขัดแย้งเกือบ 20 ปี นำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งที่มีมาช้านาน หาทางออก ทางรอดให้ประเทศ และสร้างประเทศที่ดีที่สุดเพื่อส่งมอบให้ลูกหลาน ผมจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกในวันที่ 24 ม.ค.” นายชวลิตกล่าว

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกระแสในการลงพื้นที่เยาวราชว่า พรรคลงพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งพื้นที่บางกะปิ ฝั่งธนบุรี และเยาวราช ถือว่าน่าพอใจมาก ประชาชนตอบรับและให้กำลังใจอย่างอบอุ่น  อวยพรให้พรรคชนะเลือกตั้ง ทำให้ยิ่งเชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เรามีโอกาสชนะทั้ง 33 เขต เปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นสีส้มได้

ชพนก.มั่นใจนโยบายโดนแน่

ขณะที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพนก.) กล่าวว่า มั่นใจนโยบายพรรคจะโดนใจพี่น้องประชาชน โดยในวันอังคารที่ 24 ม.ค.นี้ พรรคจะเปิดนโยบายทางด้านเศรษฐกิจนโยบายที่สําคัญ ภายใต้ธีมที่ว่างานดี มีเงิน ของไม่แพง โดยจะมีนโยบายเศรษฐกิจประมาณ 12 ด้าน เช่น นโยบายในเรื่องการที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่มาหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ ที่จะนําไปสู่เม็ดเงินประมาณห้าล้านล้านบาท, นโยบายในเรื่องการลดค่าใช้จ่ายประชาชนในการจัดโครงสร้างภาษีใหม่ และนโยบายเรื่องสินเชื่อ เป็นต้น

 “การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคมั่นใจว่า นโยบายเศรษฐกิจของเราตอบโจทย์ปัญหาของประเทศอย่างแน่นอน” นายสุวัจน์กล่าว

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค กล่าวว่า นโยบายที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะแถลงใหญ่ในวันพรุ่งนี้เชื่อว่าจะถูกใจ และตอบโจทย์ประชาชนอย่างแน่นอน เพราะเป็นการรื้อโครงสร้างระบบเศรษฐกิจแบบไม่เคยมีมาก่อนในหลายๆ มิติ โดยได้ผ่านการกลั่นกรองร่วมกันของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ปรึกษา ตลอดจนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคมาหลายครั้งจนตกผลึก

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย  (สอท.) กล่าวถึงความชัดเจนการควบรวมพรรคกับพรรค  ทสท.ว่ายังพูดคุยกันอยู่ ซึ่งยังไม่มีอะไรที่เป็นข้อยุติ แต่ยืนยันว่าเราเปิดกว้างที่จะทำงานและหารือกับกลุ่มการเมือง  รวมถึงเครือข่ายประชาชนด้วยอุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน  ซึ่งการจะรวมพรรคเพื่อต้องการให้เกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ไม่ได้หวังว่าจะได้จำนวน ส.ส.เท่าไหร่

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค สอท.กล่าวว่า ไม่น่าจะเกินอีก 2 สัปดาห์ต่อจากนี้ สอท.จะประกาศจุดยืนทางการเมือง และประกาศการทำงานทางการเมืองหลังจากพูดคุยจนยุติทั้งหมด 

พท.โอ่จองกฐินอภิปราย   

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย  การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อให้ตรวจสอบกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย และนายวีระ  สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์ด้านการต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคเสรีรวมไทย ยื่นให้ตรวจสอบ 5 ประเด็นเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  ว่าเป็นการกระทำใส่ร้ายด้วยความเท็จ ทำให้เกิดความเสียหาย เข้าข่ายผิดมาตรา 101 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่

ขณะที่ความเคลื่อนไหวเรื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 นั้น นายอนุสรณ์กล่าวว่า อาจได้เห็นพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรค พปชร.เปิดศึกอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ด้วย เรียกว่าเรือแป๊ะใกล้จม สภาพน่าอนาถ ปาดไปปาดมา พล.อ.ประยุทธ์มากับรถถัง แต่กำลังจะพังเพราะพวกเดียวกันเอง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคได้เตรียมประเด็นและขุนพลที่จะมาอภิปรายเรียบร้อยแล้ว อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบให้ตรงคำถาม อย่าอ่านแต่โพยที่ข้าราชการชงมาให้  โดยการอภิปรายจะสะท้อนความล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ตลอด 8 ปีไม่สามารถทำตามนโยบายที่แถลงไว้กับสภา จงใจไม่ดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ผลาญงบประมาณมหาศาล รวมถึงชี้ให้เห็นถึงการทุจริตในรัฐบาล

ค่ำวันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง รัฐมนตรีลาออก ระบุว่า  ด้วยนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่  18 มกราคม 2566 ความเป็นรัฐมนตรีของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2566 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกาศ ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2566  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์