ผบ.ตร.ขอโทษ ‘ดาราไต้หวัน’ เด้ง7กากีนักรีด

“ผบ.ตร.” ยันไม่ปลด “ผบช.น.” แต่เด้ง 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง เซ่นตั้งด่านรีดเงินดาราสาวชาวไต้หวัน และตั้งข้อหา ม.157 พร้อมตั้ง 5 ประเด็นสงสัย ตอบไม่ได้ชี้แจงในชั้นศาล วอนพยานให้ข้อมูลเพิ่มเติม ด้านนายกฯ ลั่นหลักฐานชัดต้องเชือด รมว.ท่องเที่ยวฯ เตือนบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิด กม. เจอต้องส่งฟ้องเท่านั้น ขณะที่เหยื่อสาวโพสต์ขอบคุณชูวิทย์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 31 มกราคม 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงผลการสอบสวนตำรวจ สน.ห้วยขวาง เรียกรับเงิน 27,000 บาท จากนักดาราสาวไต้หวันที่ด่านตรวจหน้าสถานทูตจีน ถนนรัชดาฯ  วันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า วันนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้มีคำสั่งให้ ผกก.สน.ห้วยขวาง ไปช่วยราชการที่ ศปก.บช.น.  

เมื่อถามถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กดดันให้ย้าย ผบช.น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ตอบว่า ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เรื่องความผิดของการตั้งจุดตรวจ ต้องเป็นระดับข้างล่าง จริงๆ แล้วเรามีคำสั่งในการกำกับดูแลผู้บังคับบัญชา 2 ระดับจากผู้ที่ทำผิดขึ้นมา  อย่างเช่นหัวหน้าด่านเป็นรองสารวัตร ก็จะมีสารวัตรฝ่ายปราบปรามและรองผู้กำกับฝ่ายปราบปรามต่อ แต่เมื่อคดีนี้เกี่ยวพันกับหลายๆ เรื่อง และเป็นเรื่องของชาวต่างชาติ เราได้กำชับแล้วการตั้งจุดตรวจต้องมีมาตรฐาน หัวหน้าสถานีหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ ส่วนจะถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลหรือไม่ คงไม่ถึงขนาดนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมท่านด้วย

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ตำรวจเสียหายมาก จะต้องทำอย่างไร ผบ.ตร.เผยว่า ช่วงนี้เป็นการแต่งตั้งโยกย้าย หลังจากนี้ หลังจากเข้าไปรับตำแหน่งใหม่ ต้องมีการประชุมวางมาตรการให้เข้มข้นขึ้นในการควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติของผู้บังคับของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจัง ต้องโปร่งใสมากขึ้น โดยให้มีกล้องบันทึก ถึงแม้จะยังไม่ครบ แต่เราได้ของบประมาณเพิ่มเติมแล้ว เพื่อใช้ในการทำงานไม่ให้มีรอยโหว่ในการทำงาน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนในฐานะหัวหน้าหน่วย ต้องขอโทษผู้ที่ได้รับความเสียหายในเรื่องนี้

พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ได้เซ็นคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 68, 92 และ 105 (4) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 จึงให้ข้าราชการตำรวจที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ผู้บังคับการตำรวจนครบาล ได้ มอบหมาย  1.ร.ต.อ.ยอดฤทธิ์ ลางดุลเสน รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง 2.ร.ต.อ.ปฏิภาณ ศิริชัยวัฒนา รองสารวัตรอำนวยการ สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง  3.ด.ต.อธิเวช จุลพันธ์ ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง

4.ด.ต.กฤษฎา คำมะนา ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง  5.ส.ต.อ.เฉลิมชัย ศิริวังโส ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง  6.ส.ต.อ.วัชรนนท์ ขาวยอง ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลหัวยขวาง 7.ส.ต.อ.นันทวัชร์ สุวรรณา ผู้บังคับหมู่ ทำหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง ทั้งนี้ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

พล.ต.ต.อัฎธพรกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีการสอบปากคำตำรวจทั้ง 14 นายที่อยู่ในวันเกิดเหตุ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ทั้ง 14 นายได้ให้การปฏิเสธ และรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้ผู้เสียหายติดต่อเข้ามา เพื่อช่วยเป็นพยานในคดีนี้ สามารถติดต่อได้ผ่านทาง facebook : Atthaporn Wongsiripreeda เพราะตอนนี้ตนได้เตรียมล่ามภาษาไว้เรียบร้อยแล้ว จึงอยากให้ติดต่อเข้ามาเพื่อเป็นพยานเพิ่มเติม

ขณะที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 กับตำรวจทั้ง 7 นาย ที่ตั้งด่านในวันดังกล่าว และอยู่ในบริเวณพูดคุยกับสาวชาวไต้หวันและเพื่อนรวม 4 คน โดยทั้ง 7 นายคือบุคคลที่มีหนังสือคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.น.1

ทั้งนี้ ตำรวจทั้ง 7 นายต้องตอบคำถามใน 5 ประเด็นให้ได้ ว่าเหตุใดจึงใช้เวลาในการตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายที่ด่านนานถึง 47 นาที ในช่วงระหว่างเวลาดังกล่าวทำอะไรบ้าง และเหตุใดจึงปล่อยให้ทั้ง 4 คนออกจากด่านโดยไม่ดำเนินคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงประเด็นอื่นๆ หากไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้ หรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ชุดสืบสวนมีอยู่ จะต้องถูกดำเนินคดีไปตามขั้นตอนและไปชี้แจงในชั้นศาล

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวถึงกรณีจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำการพูดคุยกับผู้เสียหายเพื่อนชายคนสนิทที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ดาราสาวชาวไต้หวันถูกตำรวจ สน.ห้วยขวางเรียกรับเงินว่า อยู่ระหว่างการทำหนังสือยื่นให้ ผบ.ตร. ลงนามอนุมัติคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกราชอาณาจักร คาดว่าจะได้การลงนามในคำสั่งอย่างช้าวันที่ 1 ก.พ.

                    ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยในขณะนี้ หลังจากดาราไต้หวันร้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยรีดเงินว่า ก็ต้องแก้ไขให้หมด คนมีหลายประเภทด้วยกัน มีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนไม่ดีก็ต้องเอาออกไปลงโทษ เท่านั้นเอง มันก็เป็นปัญหามายาวนานแล้ว คนที่ไม่ดีนายกฯ ไม่เคยปล่อยปละละเลย มีเรื่องมาก็สั่งสอบสวนทุกอัน ถ้ามีความผิด มีหลักฐานชัดเจน ก็ต้องดำเนินคดีว่ากันไปตามระเบียบวินัยและข้อกฎหมายต่างๆ

"มันมีคนไม่ดีอยู่ทุกที่ ผมพยายามทำให้ทุกคนมีความรักในองค์กรให้มากยิ่งขึ้น อย่าทำให้องค์กรเสียหาย เพราะทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรเสียหาย คนดีมันมีเยอะกว่าอยู่แล้ว เมื่อคนไม่ดีทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหายก็ต้องลงโทษ เอาคนไม่ดีออกมาให้หมด" นายกฯ ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ ผู้เปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทา อยากให้นายกฯ กล่าวคำขอโทษ ในฐานะเจ้าบ้าน จำเป็นหรือไม่นั้น ซึ่งนายกฯ ไม่ได้ตอบคำถาม  

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงกรณีเน็ตไอดอลไต้หวันครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนั้นใครที่พก นำเข้ามาในประเทศไทย ถือว่าผิดกฎหมายประเทศไทย แต่การเจอนักท่องเที่ยวสูบ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจะจับปรับได้ จะต้องนำส่งศาลอย่างเดียว 

ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ.พหลโยธิน นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ กล่าวว่า หน่วยงานหรือบุคคลควรแสวงหาข้อเท็จจริง และขอให้ข้อเท็จจริงยุติด้วยความเป็นจริง เพื่อที่จะได้เกิดความกระจ่างแก่สังคมให้หายเคลือบแคลงสงสัย เพราะว่าการปล่อยเรื่องออกไปจะทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หากมีผู้เสียหายโดยตรงแม้หากเป็นชาวต่างชาติ ทางสภาทนายความฯ ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือในด้านกฎหมาย

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของดาราสาวชาวไต้หวัน อันหยูชิง ที่ถูกตำรวจไทยไถเงินเป็น 27,000 บาท ล่าสุด อันหยูชิงได้เข้าไปคอมเมนต์ที่เพจของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่โพสต์ถึงกรณีที่ถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน ซึ่งเธอได้พิมพ์ขอบคุณนายชูวิทย์เป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ระบุว่า "Thank You ขอบคุณค่ะ" ท่ามกลางชาวโซเชียลที่เข้ามากดไลก์และให้กำลังใจเธออย่างล้นหลาม  ซึ่งนายชูวิทย์ก็ได้ตอบดาราสาวไต้หวันกลับไปด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง