นายกฯถก‘กพช.’ ค่าไฟงวดพค.-สค. ลดเท่ากันทุกส่วน

"บิ๊กตู่" ถก กพช.กำชับชี้แจง ปชช.ให้เชื่อมั่น เข้าใจการบริหารจัดการพลังงาน เชื่อถูกหยิบไปอภิปรายในสภา พลังงานเผยค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.66 จ่อลดลง ราคาเท่ากันทุกภาคส่วน

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2566 โดยกล่าวตอนหนึ่งก่อนเข้าสู่วาระการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ ซึ่งมีหลายวาระเพื่อทราบและเพื่อพิจารณา ตนอาจจะต้องตั้งข้อสังเกตบ้างในบางประเด็น สิ่งสำคัญวันนี้เราต้องทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการเกี่ยวกับเรื่องพลังงานของเรา ซึ่งเราต้องช่วยกันดูว่าประเทศชาติและประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไรจากการที่เราทำตรงนี้ อีกทั้งหลายเรื่องก็คงจะถูกนำไปพูดในการอภิปรายในสภาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงให้ได้หมดทุกประเด็น เพราะพลังงานถือเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งแก๊ส ทั้งน้ำมัน และพลังงานไฟฟ้า  ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องชี้แจงให้ประชาชนสังคมเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่น

หลังประชุมเสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะต้องหามาตรการที่เหมาะสม วันนี้ก็มีการหารือว่าเราจะดูแลกลุ่มเปราะบางต่อไปได้อย่างไร ซึ่งคงต้องมีการต่อมาตรการช่วยเหลือต่อไป สำหรับกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าไม่มากนัก  วันนี้ก็ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มาช่วยเรื่องงบประมาณตรงนี้ เพราะภาครัฐใช้งบประมาณไปพอสมควร  ประมาณกว่า 4 พันล้านบาท เพื่อที่จะรักษามาตรการที่เคยให้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป

เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องพลังงานอาจจะมีการหยิบไปอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 จะมีการกำชับอย่างไร นายกฯ ชี้แจงว่า ตอบไปตามหลักการ คือทำอย่างไรให้เรามีพลังงานที่เพียงพอ และมันผูกพันไปถึงเรื่องอุตสาหกรรมไฟฟ้าด้วย ที่สำคัญคือต้องมีพลังงานที่เพียงพอ ไฟไม่ดับ ไม่ตก เพราะมันมีหลายส่วนด้วยกันที่ใช้พลังงาน ควบคู่ไปกับการเดินหน้าพลังงานหมุนเวียน  ซึ่งต้องรีบดำเนินการ เพราะบางทีหลายอย่างต้องใช้พลังงานที่มีความเสถียร เนื่องจากพลังงานหมุนเวียนบางทีอาจไม่เสถียร เราก็แก้ปัญหาโดยใช้แบตเตอรี่เพิ่มเติมเพื่อให้สม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรเครื่องมือจะเสียหาย เรื่องพลังงานมันซับซ้อน ยืนยันว่าตนทำทุกอย่างให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุดทุกภาคส่วน

ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว ตลาดจร (Spot LNG)  ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 15-16 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู ซึ่งหากราคายังลดลงต่อเนื่อง จะทำให้การพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.66) จะเป็นอัตราเดียวจากเดิมที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้กำหนดไว้ 2 อัตรา คือในงวด ม.ค.-เม.ย.66 คือประเภทบ้านที่อยู่อาศัยค่าไฟเฉลี่ยรวมที่ 4.72 บาท/หน่วย  และประเภทอื่นๆ (ธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ ฯลฯ) 5.33 บาท/หน่วย

โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลกำหนดให้ดูแลค่าไฟกลุ่มครัวเรือน โดยให้ใช้ก๊าซอ่าวไทยที่ถูกกว่าก่อน เนื่องจากตอนนั้นราคา LNG สูงมาก 40-47 เหรียญ/ล้านบีทียูช่วงปลายปี 2565 เพราะอากาศประเทศตะวันตกหนาว เมื่อราคา LNG  ลดต่ำลงขณะนี้ และหากลดลงต่อเนื่องก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น 2 อัตรา ส่วน Ft งวด พ.ค.-ส.ค.66 หาก LNG ลดต่อเนื่องก็เป็นไปได้ว่าค่าไฟเฉลี่ยอาจจะต่ำกว่า 5 บาท/หน่วยได้เช่นกัน แต่ก็คงต้องดูปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด และหากการนำเข้า LNG ลดลง การใช้น้ำมันดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าก็จะปรับลดลงเช่นกัน

นอกจากนี้ กพช.ได้รายงานถึงผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้ร้องว่า การจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) มีการกำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของรัฐต่ำกว่า 50% ซึ่งเป็นการขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาว่าไม่ขัด แต่มีข้อเสนอแนะให้ไปพิจารณาความชัดเจนเพดานสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเอกชนในระบบ และกำหนดปริมาณสำรองไฟฟ้าให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างพิจารณาการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ (PDP 2022) ที่จะให้สอดรับกับแนวทางดังกล่าว

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ยอมรับว่าการจัดทำ  PDP ต้องช้าออกไปจากแผนเดิมเล็กน้อย เพราะต้องนำคำวินิจฉัยของศาลมาปรับปรุง โดยจะพยายามจัดทำให้เสร็จภายในไม่เกินกลางปีนี้ โดยหลักการกำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้านี้อาจจะเป็นเอกชน 30% การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 30% และที่เหลือ 40% นำมาประมูล โดย กฟผ.ก็สามารถร่วมแข่งขันได้ ส่วนกำลังสำรองไฟฟ้าจะปรับไปใช้เกณฑ์ดัชนีการเกิดไฟฟ้าดับหรือ  LOLE เพราะสะท้อนความมั่นคงของระบบไฟฟ้าได้มากกว่า เนื่องจากแผน PDP ใหม่จะมีการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ซึ่งจะเน้นดูการผลิตไฟฟ้าจริง ไม่ใช่ดูที่กำลังการผลิตไฟทั้งหมด

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ที่ประชุม กพช.มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบางในช่วงวิกฤตพลังงาน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการให้ความร่วมมือของ ปตท. ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300  หน่วยต่อเดือนในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2566 วงเงินช่วยเหลือจะอยู่ที่ประมาณ 4,300 ล้านบาท และให้ กฟผ. สามารถนำต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงดังกล่าว ไปใช้ในการลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มเปราะบางข้างต้น โดยมอบหมายให้ กกพ.กำกับดูแลการดำเนินการต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตบิ๊กข่าวกรอง ชี้ 'บิ๊กทิน' กินยาผิด! ยันทหารไม่อยากยึดอำนาจถ้านักการเมืองไม่โกง

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ