"บิ๊กตู่" ขึงขัง สั่งปราบเหี้ยนนายพลเอี่ยวบ่อนออนไลน์ แต่สะดุดตอใหญ่ปฏิรูปตำรวจ อ้างทำไม่ได้ในทันที เฉไฉลั่นไม่เคยทุจริตแม้บาทเดียว ขณะที่ บช.ก.ลุยสอบสวน "สารวัตรซัว" กาหัวหลักฐานถึงใครโดนเรียบ ปิดจ๊อบคดีตำรวจบริการวีวีไอพี 4 นาย โดนข้อหาผิดวินัยร้ายแรง ตัดไฟไม่ขยายผลต่อ
เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับนายพลเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาบ่อนออนไลน์ในช่วงนี้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ตนกำชับไปว่าหากสอบสวนแล้ว มีผู้เกี่ยวข้องชัดเจนก็ต้องลงโทษเท่านั้นเอง เราต้องทำแบบนี้ ที่ผ่านมาจะมีการปกปิดกันอย่างไรตนไม่ทราบ แต่วันนี้เมื่อมีการแจ้งเข้ามาจากประชาชน ต้องขอขอบคุณที่ส่งหลักฐานและมีข้อมูลต่างๆ เข้ามา ก็ต้องดำเนินการและดำเนินคดี
"ความจริงแล้วมันเกิดมานานพอสมควร ถ้ามองย้อนกลับไปจากข้อมูลที่ให้มา วันนี้เราก็เอาจริงเอาจัง ไม่รู้หรอกมีเรื่องมีราวอะไรมา อีกทั้งเมื่อวันก่อนได้มีการออกระเบียบในเรื่องของข้าราชการทุกประเภทไปแล้ว จะลงโทษสถานหนักทางวินัยและอาญา ให้ออกจากราชการไว้ก่อนในทำนองนี้ ซึ่งก็ออกไปแล้ว วันนี้เราต้องช่วยกันแก้ไข เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่หนึ่งถึงสองวัน เกิดมานานแล้ว ก็อยากจะทำและแก้ไข แต่ก่อนไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครร้องเรียน แต่วันนี้ถือเป็นเรื่องดีที่มีคนร้องเรียนเข้ามา จะได้ทำได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ยืนยันไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องเร่งปฏิรูปตำรวจก่อนหมดสมัยรัฐบาลหรือไม่ พอ.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการปฏิรูปตำรวจต้องเข้าใจก่อนว่าการปฏิรูปคืออะไร ต้องปฏิรูปทั้งด้านของการทำงาน ด้านโครงสร้างต่างๆ พ.ร.บ.ตำรวจก็ผ่านสภาออกมาแล้ว แต่ความจริงสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมของตำรวจแต่ละคน ยอมรับว่ายังมีปัญหาอยู่ วันนี้ต้องให้กำลังใจคนดีๆ ที่ทำงาน ตำรวจดีมีเยอะแยะ แต่คราวนี้เราต้องขจัดคนไม่ดีออกไปก็เท่านั้น การปฏิรูปตำรวจไม่ใช่ว่าจะทำได้ทันที เพราะมนุษย์ก็คือมนุษย์มีทั้งดีไม่ดี เมื่อไม่ดีก็ต้องขจัดออกไป สิ่งที่ตนพูดเสมอก็คือ การสร้างอุดมการณ์ สร้างคุณธรรม จริยธรรม
"ผมยืนยันได้ว่าผมไม่ทุจริตแม้แต่บาทเดียว ในทุกวันนี้ ผมพูดได้เพราะผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ ผมไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ สิ่งดีๆ มันก็จะไม่เกิดขึ้น พอกันเสียทีเถอะเรื่องการทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวขอให้พอ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.เรียกประชุมคณะทำงานสืบสวนสอบสวนวางกรอบการทำงานตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว สว.ฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ ท.) โดยระบุว่า ผบ.ตร.แต่งตั้งให้ตำรวจสอบสวนกลางตรวจสอบกรณีของสารวัตรซัว โดย บช.ก.ได้รับเรื่องมาตั้งแต่วันพฤหัสบดี วันนี้จึงเป็นการประชุมทีมงานที่เกี่ยวข้อง หลักๆ จะเป็นการตรวจสอบว่ามีการทำพนันออนไลน์หรือไม่ ส่วนประกอบเป็นทรัพย์สิน การตั้งบริษัท หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้แบ่งหน้าที่กันไปตรวจสอบทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า สารวัตรซัวมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การทำงานของตำรวจที่เพิ่งเริ่มทำกัน การเคลื่อนไหวหรือเส้นทางการเงินก่อนหน้านี้จะมีผลกระทบหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพตอบว่า เรื่องนี้เราก็ค่อนข้างห่วง เพราะคดีนี้ถูกเปิดมาระยะหนึ่งแล้ว มีโอกาสที่เขาจะขยับ แต่เรามั่นใจว่าอาชญากรรมทุกประเภทมีร่องรอย ถ้าเป็นข้อมูลที่จริงเราเชื่อว่าสามารถตรวจสอบพบได้ในระดับหนึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพยาน เอกสาร เส้นทางการเงิน ถ้าตั้งเรื่องได้ก็จะไปต่อ
เมื่อถามว่า ขณะนี้สารวัตรซัวยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีทางอาญา แล้วตำรวจมีอำนาจไปตรวจสอบเขาหรือไม่ ผบช.ก.ตอบว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงสืบสวน เมื่อเราได้รับคำสั่งมาก็เริ่มทำการเก็บข้อมูล อยู่ระหว่างสืบสวน ถ้าหลักฐานมีพอก็จะตั้งคดีขึ้นมา ส่วนในขบวนการดังกล่าวมีตำรวจเป็นหลานอดีต ผบ.ตร.จะสาวไปถึงหรือไม่ ผบช.ก.ตอบว่า เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจะนำมาตรวจสอบ ส่วนเขาจะเป็นใครไม่เกี่ยว เราทำไปตามข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงจะไปแตะลูกใครหลานใครไม่เกี่ยว ว่าไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
เมื่อถามอีกว่า แล้วความเชื่อมโยงกับนายพล “จ.” ผบช.ก.กล่าวว่า ทุกอย่างว่าไปตามข้อเท็จจริง ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏไปเกี่ยวพันกับใครก็ว่าไปตามข้อเท็จจริงที่เราตรวจสอบพบ
ถามต่อว่า ข้อมูลที่ได้มาเส้นทางการเงินของสารวัตรซัวผิดปกติหรือไม่ ผบช.ก.ตอบว่า ที่มีเงินจำนวนมากก็อยู่ระหว่างตรวจสอบ เราตรวจสอบทุกประเด็น ส่วนที่มีกระแสว่าสารวัตรซัวมีการยักย้ายทรัพย์สินไปต่างประเทศแล้วหลายร้อยล้าน การตรวจสอบของเรายังไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด ใครมีเบาะแสแจ้งมาได้จะทำให้การสืบสวนเร็วขึ้น
ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อมอบข้อมูลเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และรายการทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดของกลุ่มนายเอ็ดดี้-พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมความเชื่อมโยงว่าทั้งหมดร่วมกันฟอกเงินจากการทำเว็บพนันออนไลน์ของกลุ่มสารวัตรซัว โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง ซึ่งเอกสารที่ยื่นมีจำนวนกว่า 183 แผ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสันธนะนำภาพถ่ายของตำรวจยศพลตำรวจโท "จ." ปรากฏเป็นภาพคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ และมีงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน และยังได้นำข้อมูลของตำรวจยศพลตำรวจตรี "อ." ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งนายตำรวจรายนี้อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์พนันออนไลน์ และสั่งให้ก่อเหตุอุ้มตัวหนุ่มโปรแกรมเมอร์ ซึ่งเป็นแอดมินเว็บพนันไปทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฏข่าว มาส่งมอบให้ดีเอสไอตรวจสอบด้วย
ที่ สน.นางเลิ้ง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้นิติกรกรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของ มูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด หลังพบว่าไม่ได้มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานจเรตำรวจ ถนนรามอินทรา คณะกรรมการจเรตํารวจเรียกตัว 4 ตำรวจ ที่ปรากฏในคลิปนักท่องเที่ยวจีนขับรถนำขบวนจากสนามบินไปถึงโรงแรมที่พักมารับทราบข้อกล่าวหา โดย พล.ต.ต.เจนกมล คำนวล ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 8 กล่าวว่า วันนี้เป็นขั้นตอนการเรียกผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาสอบปากคำ โดยคณะกรรมการสอบได้แจ้งข้อกล่าวหาวินัยร้ายแรงตำรวจทั้ง 4 นาย จากนี้ถ้าสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าผิดจริงมีโทษสองสถาน คือไล่ออกจากราชการหรือปลดออกจากราชการ
พล.ต.ต.เจนกมลกล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนตำรวจทั้ง 4 นายยังให้การภาคเสธ คือยอมรับว่าปรากฏอยู่ในคลิป แต่ไม่ได้ทำการใดเป็นการเสียหายต่อราชการหรือเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ซึ่งคณะกรรมการอยู่ในระหว่างขั้นตอนเรียกนักท่องเที่ยวชาวจีนเจ้าของคลิปมาให้ปากคำ สำหรับการสอบปากคำจะใช้ระบบออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องเชิญตัวมา เช่นเดียวกับกรณีของบริษัททัวร์ที่มีการระบุว่า ตำรวจนำขบวนอยู่ในแพ็กเกจทัวร์ก็อยู่ระหว่างเรียกสอบ
“ในการสอบสวนยังคงไม่มีการขยายผลไปถึงนายตำรวจรายอื่น แต่หลังจากนี้หากมีการพาดพิงถึงสำนักงานจเรตำรวจ จะต้องมีการเรียกตัวทุกนายที่ถูกเอ่ยชื่อถึงเข้ามาให้ปากคำ โดยกรอบเวลาของการดำเนินการเรื่องนี้เหลืออีก 165 วัน แต่คณะกรรมการคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 60 วัน สำหรับสถานะนายตำรวจทั้ง 4 ขณะนี้ ถูกต้นสังกัดสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการฯ (ศปก.)” พล.ต.ต.เจนกมลระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน.กระทุ้งกต. ปรับท่าทีเชิงรุก เร่งช่วย4ลูกเรือ
กต.นัดถกเมียนมา 19 ธ.ค.นี้ ช่วยลูกเรือไทย 4 คน “โรม” ผิดหวังคำตอบทางการ
แม้วยันเกาะกูดของไทย ไม่ใช่‘ควาย’ยกให้เพื่อน
“ทักษิณ” ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์เกาะกูดเป็นของไทย ใครจะบ้ายกให้
สจ.จอยประกาศไม่เผาศพ!
7 ผู้ต้องหาคดียิง "สจ.โต้ง" คอตกเข้าคุกเรียบร้อย
กกต.ย้ำ1ก.พ.เลือก47อบจ. พท.จ่อเคาะชื่อเก้าอี้โคราช
กกต.ย้ำเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด 1 ก.พ.2568
พ่อนายกฯขู่เช็กบิล! พรรคร่วมโดดประชุมครม.-นักร้อง/ขอพระเจ้าอยู่ต่ออีก17ปี
"เพื่อไทย" คึก! 3 นายกฯ ร่วมทีมขึ้นรถไฟสัมมนาพรรคที่หัวหิน "นายกฯ อิ๊งค์" ขอ สส.ไม่แบ่งขั้ว-อายุ ยอมรับ 3 เดือนโฟกัสงานรัฐบาล
หัวลำโพงคึกคัก! 'อิ๊งค์' นำทีม พท. สัมมนาหัวหิน ตื่นเต้นขึ้นรถไฟรอบ 20 ปี
’แพทองธาร‘ นำทีม ’เพื่อไทย’ ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ มุ่งหน้าสัมมนาหัวหิน ‘เศรษฐา-โอ๊ค-เอม’ ร่วมด้วย ตื่นเต้นนั่งรถไฟรอบ 20 ปี