ลุ้นฟัน7คดีการเมือง ‘ประหยัด’คุก4เดือน

"อนุทิน" ยันไม่ชงปรับ ครม. แทน "กนกวรรณ" เหตุใกล้ยุบสภาแล้ว  ป.ป.ช.แย้ม 7 คดีนักการเมืองรุกป่า "6 ส.ส.-1 ส.ว." ปัดจงใจเร่งชี้มูลความผิดช่วงเลือกตั้ง แค่ประจวบเหมาะเท่านั้น   ศาลฎีกาฯ พิพากษา "ประหยัด พวงจำปา" แจ้งทรัพย์สินเท็จ สั่งจำคุก 4 เดือน แต่ให้รอลงอาญา ปรับ 1 หมื่น

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาพิพากษานางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ผิดจริยธรรมร้ายแรงปมรุกป่าเขาใหญ่ ตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิตว่า   ได้ให้กำลังใจนางกนกวรรณในฐานะเพื่อนร่วมงาน น้อง และสมาชิกพรรคภูมิใจไทย วันที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นางกนกวรรณก็หยุดปฏิบัติหน้าที่  ศาลมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส่วนจะพ้นสภาพสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบก่อน แต่ในความเป็นพี่น้อง คนทำงานการเมืองยังมีอยู่ ซึ่งตนมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลเขตจังหวัดปราจีนบุรีและภาคตะวันออกในส่วนพรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตามไม่กังวลภาพลักษณ์ เป็นเรื่องส่วนตัว และยืนยันไม่ได้ผิด ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่มีเจตนารมณ์ในการทำผิดกฎหมาย แต่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย คำพิพากษาศาล

"ท่านไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ขณะเป็นรัฐมนตรีช่วยหรือสมาชิกพรรคในการดำเนินการโดยไม่ชอบ เป็นเรื่องที่ติดตัวมาแต่ไหนแต่ไร คำพิพากษามาทีหลัง และเคารพคำพิพากษา ผมให้กำลังใจ แต่ไม่ได้ถามว่าทำไมทำ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว" นายอนุทินระบุ

นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้แม้โควตาตำแหน่งรัฐมนตรีจะว่างลง แต่เวลาเหลือน้อย แม้จะมีช่วงรักษาการ แต่คงไม่เสนอปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว เพราะมีขั้นตอน อีกทั้งยังต้องให้ความสำคัญที่สุดในการไม่ไปทำอะไรระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะรัฐมนตรีต้องเข้าเฝ้าฯ  ถวายสัตย์ฯ และเวลาที่เหลืออยู่นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนแล้วว่าจะยุบสภา   กว่าจะตรวจคุณสมบัติ กว่าจะนำชื่อเสนอ  กว่าจะพิจารณาต่างๆ เป็นสิ่งที่มิบังควร  ตนในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องมีสำนึก

ที่ จ.นครราชสีมา นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้า 7 คดีผู้ดำรงตำแหน่งครอบครองที่ดินโดยมิชอบ  ที่มีการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงว่า ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้ใกล้เลือกตั้ง เราห่วงว่าจะมีผลกระทบ จะมีการตั้งคำถามว่า ป.ป.ช.กำลังเล่นอะไรกันอยู่ที่มาเปิดเผยข้อมูลตอนนี้ เป็นการเร่งรัดคดีหรือไม่ ทั้งนี้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามปกติ แต่ประจวบเหมาะมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในภาพการเมืองมีหลายพรรคที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับเรื่องคะแนนเสียงประชาชน เราต้องคิดวิเคราะห์ว่าจะส่งผลกระทบต่อตัวเขาเอง  ชื่อเสียงของเขา อีกทั้งเป็นขั้นต้นของการไต่สวน เขาจะผิดถูกอย่างไรให้รอคณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัย ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา จึงยังเปิดเผยชื่อไม่ได้ แต่มีบางชื่อที่เราเปิดเผยไปก่อนหน้านี้แล้ว

 "ใน 7 คดีนี้บอกได้เพียงว่าเป็น ส.ส. 6 คน และ ส.ว. 1 คน ในจำนวน ส.ส. 6 คนนั้นมี 1 คนเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย โดยเป็นข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เหมือนกับของนางกนกวรรณ์ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ที่เราใช้เวลาไต่สวนเพียง 6 เดือนเสร็จ เพราะไม่มีความยุ่งยากและซับซ้อน แค่พิสูจน์ว่าครอบครองที่ดินดังกล่าวหรือไม่ และที่ดินนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ พอเราสอบ 2 ประเด็นนี้เสร็จ สามารถส่งศาลฎีกาได้เลยโดยไม่ต้องผ่านอัยการ" นายนิวัติไชยระบุ

เลขาธิการ ป.ป.ช.ยังกล่าวถึงกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตว่า ได้รับการประสานงานจากนายชัชชาติว่าอยากเข้ามาร่วมหารือกับประธานกรรมการ ป.ป.ช. ในเดือน มี.ค. 2566 โดยมีการกำหนดนัดหมาย ส่วนวันจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง โดยการหารือครั้งนี้สืบเนื่องจากการจับกุม ผอ.โรงเรียนที่สังกัด กทม. ที่เรียกรับเงินสินบนนายชัชชาติ อาจหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดกรณีนี้อีก นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ ของหน่วยงานใน กทม. มีเรื่องร้องเรียนกล่าวหาเข้ามา ทั้งนี้ ปัจจุบันฝ่าย กทม.ทำโปรแกรมรับเรื่องร้องเรียน (ทราฟฟี่ฟองดูว์) ถ้าเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตในหน่วยงาน จะประสานส่ง ป.ป.ช. ไปร่วมดำเนินการตรวจสอบด้วย

นายนิวัติไชยกล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน ป.ป.ช.ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย ในส่วนภูมิภาค ตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแม่บท มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีฝ่ายเลขานุการร่วมคือ ป.ป.ช.และ ป.ป.ท. เพื่อนำปัญหาการร้องเรียนสถิติข้อมูล แผนการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ต่างๆ เพื่อนำไปเสนอคณะอนุกรรมการฯ ขับเคลื่อนงานร่วมกัน ไม่ได้ต่างคนต่างทำ เร่งรัดประเด็นที่อาจก่อให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้น ทำให้ลดเรื่องกล่าวหาในพื้นที่ลงได้

ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์ควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินจำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เป็นทรัพย์สินในประเทศ จำนวน 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ จำนวน 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 โดยกรณีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดโดยส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นฟ้อง

โดยในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาล

ศาลฎีกาฯ เห็นว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง และพิพากษาว่า จำเลยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ป.ป.ช.) มาตรา 40, 41 ประกอบมาตรา 43, 114 วรรคหนึ่ง, 158 มีผลให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่มีคำวินิจฉัย และห้ามมิให้จำเลยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 41 กับมีความผิดตามมาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นควรลงโทษจำคุก 4 เดือน และปรับ 1 หมื่นบาท เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้ จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

นายเอนก คำชุ่ม ทนายความนายประหยัด เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะรอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก เพื่อจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อไป เนื่องจากยังมีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องตัดสิทธิ์การเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 5 ปี โดยแนวทางการต่อสู้คดีคงเป็นเรื่องเจตนาที่นายประหยัดไม่ได้มีเจตนาหรือรับทราบการถือทรัพย์สินของคู่สมรส เนื่องจากเมื่อภรรยาแจ้งมาอย่างไรนายประหยัดก็เชื่อไปอย่างนั้น ส่วนประเด็นในศาลปกครอง คงต้องเตรียมข้อมูลในการชี้แจง หากฝั่งคู่ความมีการนำคำพิพากษาในส่วนนี้ไปยื่นเพิ่มเติม ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' นั่งหัวโต๊ะตอกย้ำแนวปฏิบัติจัดระเบียบสังคม

'อนุทิน' นั่งหัวโต๊ะวางแนวปฏิบัติคณะทำงานบูรณาการมหาดไทย – ตำรวจ ขับเคลื่อนจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้กระทำผิด ชี้ความมั่นคงคือหัวใจเมื่อประชาชนเชื่อมั่น สังคมปลอดภัยแล้วเศรษฐกิจจะตามมา