เศรษฐาเก่งตรงไหน บิ๊กตู่ลั่นรทสช.ทำงานเป็นทีมไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว

"บิ๊กตู่" ลางานเข้า รทสช.  ทำบุญใหญ่พรรคเสริมสิริมงคล พร้อมสวมเสื้อให้ 40 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ย้ำสมาชิกหาเสียงไม่โจมตีไม่เป็นศัตรูใคร ชี้ทีม ศก.ต้องทำงานเป็นทีม ไม่เก่งคนเดียว   ทำงานเพื่อส่วนรวมไม่ใช่ครอบครัว ลั่นประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ "เสธ.หิ" ยันไม่เกี่ยว "ชูวิทย์" ถล่มภูมิใจไทย "ประวิตร"  คึก! เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ครึ่งร้อย ตื้นตันคนเก่าไม่ทิ้งกัน ตั้งเป้าได้ ส.ส.มากอันดับหนึ่ง "นฤมล" แจง พปชร.ไม่มีดีลกับเพื่อไทย "เศรษฐา" ยังกั๊กแคนดิเดตนายกฯ พท. บอกขอแค่ช่วย "อุ๊งอิ๊ง" หาเสียงก่อน "บัญญัติ" ชู "จุรินทร์" คุณสมบัติโดดเด่นกว่าใคร

ที่ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) วันที่ 1 มี.ค. เวลา 06.50 น. พรรค รทสช.จัดพิธีทำบุญใหญ่พรรคเพื่อความเป็นสิริมงคล มีการประกอบพิธีตามหลักศาสนาอิสลาม และทำบุญเลี้ยงพระสงฆ์ 9 รูป จากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม   โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค รทสช. เป็นประธานในพิธี ร่วมกับแกนนำพรรค นำโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ลาราชการช่วงเช้าเพื่อมาทำงานการเมือง พร้อมถือฤกษ์ดีในการไหว้สักการะศาลพระพรหมและศาลพระภูมิเจ้าที่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคเพื่อความเป็นสิริมงคล

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีทำบุญ พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมต้อนรับสมาชิกใหม่และสวมเสื้อของพรรค รทสช.ให้ว่าที่ผู้สมัครอีกกว่า 40 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ส.และนักการเมืองท้องถิ่นที่ย้ายมาจากพรรคอื่น  อาทิ นายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชา​รัฐ (พปชร.), น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.), นายวินท์ สุธีรชัย อดีต ส.ส.บัญชี​รายชื่อพรรคก้าวไกล (ก.ก.), น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ อดีต ส.ส.กทม.พรรค พปชร., นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการสภาฯ, นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นต้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้โอวาทยอมรับว่าตื่นเต้นเมื่อเจอบรรดาสมาชิก พร้อมพูดหยอกล้อว่า ไม่รู้ว่าจะพูดถึงชั่วโมงหรือเปล่า วันนี้ดีใจที่ได้มาสวมเสื้อให้สมาชิกใหม่และร่วมทำบุญทำกุศลร่วมกัน เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวประเทศไทย เราเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ดีใจกับบรรดาสมาชิกใหม่ด้วย รวมทั้งขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคเป็นอย่างยิ่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ตนยังไม่เคยผิดหวังอะไรที่ได้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกพรรค รทสช.

"จากนี้เราจะต้องพูดจาหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ และไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ให้ทุกคนทำตามบทบาทหน้าที่ และเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพทั้งหมด แต่หากจะทำอะไรให้ได้ดั่งใจทั้งหมดคงลำบาก ดังนั้นผมจึงย้ำว่าจะไม่สั่งอะไรใคร ขอให้เป็นมติของพรรค และเชื่อมั่นว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะได้เป็นตัวแทนทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดหยอกล้อกับสมาชิกตอนหนึ่งว่า อย่าเลือกตั้งเกินบัตร 2 ใบก็แล้วกัน รวมทั้งได้ชื่นชมเสื้อแจ็กเกตของพรรคว่าตอนแรกก็มองว่าใส่แล้วจะหล่อหรือไม่ แต่ได้สวมใส่แล้วก็สวย เมื่อใส่ถ่ายรูปและยืนบนเวทีก็ดูเด่น นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า “วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่นายกฯ มีความสุข” ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าพูดคำว่า "นายกฯ" ไม่ได้ และกล่าวต่อว่า ห้ามพูดคำนั้นโดยเด็ดขาด และชื่อตำแหน่งของตนในพรรคนั้นยาวจนจำไม่ได้

ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ยังขอบคุณสมาชิกทุกคนที่จะลงสนามเลือกตั้งให้กับพรรคว่า เรากำลังทำในสิ่งที่ทำอยู่แล้ว ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ทั้ง 3 ทำคือมอตโตของพรรค  ดังนั้นสมาชิกทุกคนต้องไปดูว่าอะไรที่เราทำไปแล้วบ้าง และต้องทำให้ต่อเนื่องอย่างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ต้องทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับคนทุกระดับ

"ผมไม่ใช่ศัตรูกับใคร และทุกพรรคการเมืองก็ไม่ใช่ศัตรูของผม วันนี้เราได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมาแล้วว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในอาเซียน และอีกหลายอย่างได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับต้นๆ ของโลก สิ่งพวกนี้น่าจะเป็นสิ่งที่บรรดาสมาชิกใหม่นำมาสานต่อได้ ทั้งผลงานรัฐบาล ผลงานลุงตู่ เราต้องช่วยกันสร้างประเทศให้ดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว งานยิ่งใหญ่ งานยิ่งมาก เวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมเชื่อมั่นในทุกคน อะไรที่ผิดผมจะไม่พาไปทำ และจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับประโยชน์จากตรงนี้ ในทางที่ถูกต้องและเป็นไปได้ ถ้าทำอะไรผิดไปมากก็จะเป็นปัญหา พรรคการเมืองอื่นจะว่าอย่างไรผมไม่ขอก้าวล่วง ในโซเชียลฯ ก็เปิดดูให้น้อยลง อย่าไปตอบโต้อะไรกันมาก เพราะตอบโต้กันไปกันมาก็ไม่มีประโยชน์ พรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่โจมตีพรรคใดทั้งสิ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ตอนนี้ตนไม่ใช่คนที่อยู่ที่ทำเนียบฯ เดี๋ยวหมดเวลาก็จะต้องไปอยู่ตรงโน้น ตอนนี้ลาราชการมานะจ๊ะ ต้องทำให้มันถูกต้องและจะต้องกลับไปปฏิบัติภารกิจต่อที่ทำเนียบรัฐบาล

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงทีมเศรษฐกิจพรรค รทสช.ว่า ทีมเศรษฐกิจนั้นมี แต่เขาไม่ให้ตนเอ่ยชื่อ เขาขออยู่เบื้องหลัง และเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา ในขณะที่ตนก็มีทีมของตน การทำงานเศรษฐกิจไม่ใช่ว่าจะเก่งอยู่คนเดียวแล้วบอกว่าสุดยอดแน่นอน อย่างนั้นไม่ใช่ กลุ่มเศรษฐกิจของเรามีอยู่ทุกด้าน และมีข้อเสนอเพื่อนำไปปรึกษาในคณะทำงานก่อนที่จะนำมาเข้ามาในระบบของรัฐบาลเพื่อให้เดินหน้าได้ ดังนั้นการจะเอานักเศรษฐกิจที่เก่งในเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเพียงคนเดียวแล้วบอกว่าเก่งในเรื่องการบริหารประเทศ ตนว่ามันไม่ใช่

ถามว่า มั่นใจว่าจะสู้พรรคอื่นได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แน่นอนๆ   เมื่อถามว่าในวันเดียวกันนี้พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แล้วพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีตัวชูอย่างนั้นบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "แล้วเขาเด่นตรงไหนล่ะ ที่เสนอชื่อเขามา เขาเก่งตรงไหน เขาทำอะไรมา เขาทำธุรกิจ และประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ"

พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า "จำคำพูดผมเอาไว้นะ คำว่าเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจหรือธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง เข้าใจหรือไม่ เป็นของประเทศ ฉะนั้นต้องหาคนที่เหมาะสม และการทำงานก็มีระบบและขั้นตอนมากมายไปหมด ต้องมีคณะกรรมการ มีคนที่เก่งเศรษฐกิจ ด้านการเงิน ด้านการธนาคาร การพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และทั้งหมดต้องมาคุยด้วยกัน ไม่ว่าใครจะเก่งด้านใด เมื่อสั่งแล้วไปไม่ได้ หรือติดกฎหมายก็ไปไม่ได้อีกอยู่ดี เราก็ต้องแก้ไขตรงนี้ แล้วรัฐบาลชุดหน้าจะต้องทำแบบนี้ เข้าใจหรือยัง เลิกถามเสียทีเถอะถึงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเนี่ย"

ส่วนนายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ผู้ประสานงานพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสวิจารณ์อ้างพรรคให้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง มาล้มพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า เรื่องนี้ต้องให้ความยุติธรรม พรรค รทสช.จะไปอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้อย่างไร ขอถามว่านายชูวิทย์โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์นายกรัฐมนตรีมาเป็นปี วิพากษ์วิจารณ์มาตลอดหลายเดือน ถือว่าเสียหายมาก ขอถามว่าหากรู้เห็นเป็นใจกันจะให้คนมายืนด่านายตัวเองนานขนาดนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร ก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย

เสธ.หิลั่นไม่แทงหลังอนุทิน

"สำหรับผมมาทำงานไม่ได้มาหาศัตรู   โดยเฉพาะหาศัตรูที่เป็นผู้ใหญ่กว่า และสำหรับนายเนวิน (ชิดชอบ) ผมให้ความรักและเคารพมาตลอด ผมไม่เหิมเกริมและคิดชั่ว ผมทำไม่เป็น และนายพีระพันธุ์ ผมทำงานด้วยมา ถ้าไม่พอใจก็จะแสดงออกเลย ไม่มีมาทำอะไรลับหลัง พรรคภูมิใจไทยถือเป็นพันธมิตรกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคใหญ่ที่ค้ำจุนความมั่นคงของรัฐบาล ผมมีสติปัญญาพอ การทำแบบนี้มันไม่ใช่ และภูมิใจไทยไม่ใช่คู่แข่งของรวมไทยสร้างชาติเลย และถ้าไม่ใช่คู่แข่ง ทำไปจะได้ประโยชน์อะไร" นายหิมาลัยกล่าว

ถามว่าส่วนตัวได้เคลียร์ใจกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.บ้างหรือไม่ นายหิมาลัยกล่าวว่า พยายามโทร.หาท่าน แต่ท่านก็ไม่รับสาย เมื่อไม่รับสาย เราก็ไม่รู้ว่าจะชี้แจงอย่างไร ที่สำคัญที่สุด ตนคิดว่าใครก็ตามที่ทำเรื่องนี้ เราเป็นเด็กเราไม่ทะเลาะกับใคร กับนายชูวิทย์เราก็ทะเลาะด้วยไม่ได้ ก็ต้องให้เกียรติพี่เขา และหลายสิ่งที่นายชูวิทย์ทำมันก็เป็นประโยชน์

เมื่อถามว่า ต้องการสื่อสารอย่างไรถึงนายอนุทินหรือไม่ นายหิมาลัยกล่าวว่า " ก็ต้องบอกท่านรองฯ อนุทินว่าผมคิดเรื่องเลวๆ ไม่เป็นหรอก"

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเป้าหมายของพรรคในพื้นที่ กทม.ว่า จากการเลือกตั้งปี 62 พรรคได้ 12 ที่นั่ง ถือว่าเกิน 1 ใน 3 โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคมีเป้าหมายรักษาที่นั่งเดิมให้ได้ 

"กระแสข่าวการจับขั้วทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่มีพรรคการเมืองใดมาพูดคุยกันล่วงหน้า เพราะต้องรอดูผลการเลือกตั้ง ถ้าเกิดมีการจับมือกัน คงต้องมีการหลบเลี่ยงให้กันในการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ แต่พรรค พปชร.ส่งผู้สมัครลงสู้ทุกเขต พื้นที่ในภาคอีสานพรรคเราก็สู้กับพรรคเพื่อไทย จึงไม่มีดีลอะไรอย่างที่ว่าแน่นอน" เหรัญญิกพรรค พปชร.ระบุ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดหนองบัวลำภู พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี) “เกษตรอุตสาหกรรมชั้นนํา ศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ การท่องเที่ยวมาตรฐานสากล และเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน” ในวันที่ 2 มี.ค.2566

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊ก "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวข้อ บทที่ 1 จิตวิญญาณในความจงรักภักดี จากอดีตถึงปัจจุบัน พร้อมกับเนื้อหาว่า เป็นคนพูดไม่เก่ง แต่ใครที่ใกล้ชิดจะรับรู้ว่าตนรับฟังมากมาตลอด และพยายามทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นสถาบันการเมืองที่จะเป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงให้กับประเทศ รวมทั้งเขียนถึงประวัติส่วนตัวตั้งแต่วัยเด็กจนเป็นทหาร

"แม้จิตวิญญาณผมยังมั่นคงกับสำนึกอนุรักษนิยม แต่ความเข้าใจต่อความจำเป็นที่ประเทศต้องเดินหน้าไปด้วยประชาธิปไตยเสรีนิยมได้เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้ง ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังในตอนต่อๆ ไปถึงความเข้าใจต่อความจำเป็นดังกล่าว และบอกเล่าถึงความเชื่อมั่นของผมว่าจะประสานจิตวิญญาณอนุรักษนิยมอันหนักแน่นของผม ให้เดินหน้าอย่างเข้าใจความจำเป็นของประเทศที่ต้องขับเคลื่อนด้วยประชาธิปไตยได้อย่างไร จะบอกต่อไปให้ทุกคนมั่นใจว่า ผมทำได้ และจะทำอย่างเต็มที่ หากได้รับโอกาส” พล.อ.ประวิตรระบุ

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้ง ส.ส.เก่า และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ประมาณ 50 คน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มี ส.ส. อดีต ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เดินทางมายังที่ทำการพรรคจำนวนมาก

ป้อมคึกขอได้ ส.ส.อันดับ 1

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอบคุณ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่พรรคนี้ และขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคอื่นด้วย ขอบคุณผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ทุกคนที่จะมาทำชื่อเสียงให้กับพรรคต่อไป ขอบคุณทุกคน รู้สึกตื่นตันใจ โดยเฉพาะ ส.ส.เก่าที่ยังอยู่กับตนไม่ไปไหน ขอบคุณมาก วันนี้เราถือว่าเป็นโอกาสดีวันหนึ่งในการเปิดตัวผู้สมัคร ทั้ง ส.ส.เก่าที่ไม่ไปย้ายพรรคอื่น แม้เราจะโดดดูดไปเยอะ แต่ไม่เป็นไร  

 “พรรคผมถือว่าเป็นพรรคที่โดนดูดส.ส.มากที่สุด แสดงว่าพรรคเราเข้มแข็ง พรรคอื่นถึงดึงไป ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่พรรคนี้ ขอบคุณคนที่ย้ายเข้ามาในพรรคใหม่ ที่มาจากพรรคอื่นมาอยู่ใน พปชร. ซึ่ง พปชร.ยินดีต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สมัคร ส.ส.ใหม่ที่จะมาเป็นกำลังให้กับ พปชร. ที่เราหวังว่าจะได้ ส.ส.มาก คราวที่แล้วเราได้อันดับสอง คราวนี้ผมอยากได้อันดับหนึ่ง” พล.อ.ประวิตรกล่าว 

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเปิดตัวครั้งนี้ มี น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ อดีต ส.ส.ชลบุรี เขต 9 ลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ย้ายจากพรรคพลังท้องถิ่นไท ติดตามนายชัชวาลล์ คงอุดม ไปเปิดตัวกับพรรค รทสช.แล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และแกนนำ รทสช. ได้เจรจากับ น.ส.กวินนาถ เพื่อขอให้ไปลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแทนการลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เพราะนายสุชาติต้องการให้คนของตัวเองลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้งจังหวัดชลบุรี โดยจะใช้ชื่อ ‘กลุ่มพลังเฮ้ง’ ทำให้นายชัชวาลล์และ น.ส.กวินนาถไม่พอใจ ซึ่งหลังจากนั้น น.ส.กวินนาถได้โทรศัพท์หา ส.ส.คนหนึ่งของ พปชร. ก่อนจะมีการแนะนำให้คุย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา กระทั่งเจรจาลงตัว และให้มาเปิดตัวกับ พปชร. ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี 

 รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในวันที่ 1 มี.ค. พล.อ.ประวิตรกับ ร.อ.ธรรมนัสได้หารือกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ รวมถึงเจรจากับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะลงสมัคร ส.ส.กับพรรคใด หรือมีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนว่าจะตัดสินใจอย่างไร  

พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจหลังเปิดตัวผู้สมัครของพรรคในขณะที่พรรคการเมืองอื่นก็เปิดตัวสามารถเอาชนะได้หรือไม่ว่า ก็ต้องถามพรรคอื่นด้วย ถามทุกพรรค

ซักว่า พรรคเพื่อไทยเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานที่ปรึกษา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เข้ามาให้คำปรึกษานโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ใครมาก็ช่างเถอะนะ เรามีของเรา”

ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรค พปชร. กล่าวว่า วันนี้เปิดตัวทั้งหมด 50 คน และจะมีจากพรรคอื่นที่ยังไม่เปิดตัวอีกหลายคน ซึ่งคิดว่าหัวหน้าพรรคจะทยอยเปิดตัว เท่ากับว่าเรามี ส.ส.เขตอีก 60 คนที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้นเรามั่นใจว่าพรรค พปชร.เป็นหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล
พอถามถึงทีมเศรษฐกิจของพรรค พปชร. จะสู้ของพรรค พท.ได้หรือไม่ หลังเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่เราเป็นรองพรรคอื่นมาตลอด แต่วันนี้เรามีทีมเศรษฐกิจหลายคน ทั้งอดีตรัฐมนตรีและหลายคนที่มีประสบการณ์ แต่มีความมั่นใจว่าวันนี้เราไม่เป็นรองใคร

เศรษฐากั๊กแคนดิเดต พท.
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. เปิดเผยว่า พรรค พท.ได้ออกคำสั่ง ที่ 001/2566 แต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าวและดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ น.ส.แพทองธารตั้งครรภ์ ทำให้มีข้อจำกัดในการขับเคลื่อน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และเราได้รับเกียรติจากนายเศรษฐาเข้ามาช่วยงานตรงนี้ และเราคิดว่าจะทำงานกันด้วยดี เพื่อประโยชน์ของประชาชน นอกจากนายเศรษฐาจะเข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยแล้ว ยังเข้ามาเป็นคณะกรรมการพิจารณานโยบายและยุทธศาสตร์ทางการเมืองเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้ จากการพูดคุยกันนายเศรษฐาไม่ได้ขัดข้องที่จะร่วมงานกับพรรคในการที่จะรณรงค์ โดยเฉพาะในฤดูกาลเลือกตั้ง ส่วนจะมีการช่วยลงพื้นที่หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน  

ถามว่าการที่นายเศรษฐาเข้ามาร่วมงาน มีคนมองว่าเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขอบคุณข้อชวนคิดนี้ เราพยายามแสวงหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานพรรคให้ได้มากที่สุด ส่วนจะอยู่ในตำแหน่งไหนขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณา ทั้งนี้โดยกรอบระยะเวลาคร่าวๆ เราจะมีการเตรียมการเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ให้ได้ก่อนเวลาที่มีการคาดการณ์ว่ายุบสภา

ด้านนายเศรษฐากล่าวว่า วันนี้จึงเป็นฤกษ์ดีที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น ส่วนการเดินหน้าทำการเมืองเพื่อรณรงค์ไปสู่การเลือกตั้ง ขอให้เป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตลอดการหาเสียงช่วงที่ผ่านมา น.ส.แพทองธารก็ทำได้ด้วยดีมาโดยตลอด แต่คนที่ตั้งครรภ์ 7 เดือน ก็มีขีดจำกัด ส่วนตัวก็พร้อมที่จะมาช่วยในลักษณะที่ตนถนัด

ถามว่า นี่คือก้าวแรกของการเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้นเลย ขอให้เป็นขั้นตอน เพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ซึ่งต้องให้เกียรติสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วย โดยมีหลายท่านที่มีความเหมาะสม

ซักว่าหลายฝ่ายฟันธงไปแล้วคือแคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐากล่าวว่า วันนี้ตนมาเป็นที่ปรึกษาให้ น.ส.แพทองธาร มาช่วยเติมเต็มในส่วนที่คิดว่าจะช่วยประเทศชาติได้ หลังจากนี้จะไปช่วยหาเสียง ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจก็อยู่แค่เมืองหลวงอย่างเดียว ซึ่งการลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการลงพื้นที่ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ตนไปทำ แต่ก็ต้องมีความเป็นตัวตนของตนด้วย และทำในสิ่งที่ตนเองถนัด

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติงบกลางเกือบ 2,000 ล้านบาท ใน 2 โครงการภายใต้การกำกับดูแลของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ว่ามีเวลา 4 ปี ทำไมคุณไม่ทำ 60 วันก่อนจะมีการเลือกตั้งคุณค่อยมาทำ จะให้คนอื่นมองแบบอื่นได้อย่างไร เขาก็ต้องเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง ฉะนั้นควรมีมารยาทบ้าง อย่าใช้งบประมาณต่างๆ ในการหาเสียงสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง เรื่องแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ชอบทำนัก ชอบอ้างว่าเป็นสุภาพบุรุษ แต่เป็นสุภาพบุรุษแบบไหน ดูความเหมาะสมเรื่องงบประมาณบ้าง

ขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ประกาศเทียบเชิญอดีต 3 หัวหน้าพรรค ปชป. มาร่วมสู้ศึกเลือกตั้งว่า ได้คุยรายละเอียดคร่าวๆ แล้ว แต่มองว่าเป็นปกติประเพณีของพรรคว่าทุกครั้งที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง คนทุกรุ่นจะมาช่วยกัน ข้อบังคับพรรคเองก็เขียนไว้ชัดเจนว่าสมาชิกมีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายจุรินทร์ตั้งใจประกาศความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ สืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองมาเป็นทอดๆ และให้คนทั้งประเทศรู้ว่าประชาธิปัตย์เป็นตัวแทนคนทุกรุ่น

"มั่นใจว่านายจุรินทร์จะนำพาประชาธิปัตย์กลับมาสู่ยุคเฟื่องฟูได้ และถือว่าที่ผ่านมานายจุรินทร์ทำงานหนักและประสบความสำเร็จ แต่นายจุรินทร์มีข้อเสียคือการคร่ำเคร่งกับงานมากเกินไป ไม่มีเวลาทำให้คนเห็นภาวะความเป็นจริงมากนัก และจากพฤติกรรมก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สุงสิงกับใคร ก็เกิดมุกใหม่ว่านายจุรินทร์เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเสน่ห์" นายบัญญัติกล่าว

ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค กล่าวว่า ในวันที่ 3-4 มี.ค. พรรคจะยกทัพบุกพื้นที่อีสาน 2 จังหวัด คือขอนแก่นและร้อยเอ็ด นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และมีไฮไลต์สำคัญคือกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติเปิดตัว 3 ขุนพล อดีตแกนนำอนาคตใหม่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงพร้อมเดินสายทั่วประเทศสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ โดยประเดิมที่แรกเวทีปราศรัยจังหวัดขอนแก่น มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยเป็นครั้งแรก ถือได้ว่าเป็นการเข้าสู่บรรยากาศโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไหลไม่หยุด! 'พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว' แกนนำสำคัญภาคใต้ ลาออก รทสช.

นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี ในฐานะสมาชิก และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ จ.สุราษฎร์ธานี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

'หมอเหรียญทอง' ประกาศลงสมัครรับเลือก สว.67

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า นี่คือคำประกาศของ 'ตาแป๊ะหลักสี่' ทหารหมอผู้ไม่มีวันตายไปจากความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์