ตร.ร่ายยิบคดีล่าหัวบอส อินเตอร์โพลมองบิ๊กเคส!

ตำรวจตั้งโต๊ะแถลงคดี “บอส อยู่วิทยา” ร่ายยาวชักแม่น้ำทั้ง 5 ยืนยันตั้งใจลากตัวมาดำเนินคดีก่อนหมุดอายุความ แต่มีปัจจัยนอกเหนือการควบคุม! ส่วนการลงดาบตามผลศึกษา “วิชา” คืบแค่ 80% คาดสิ้นปีรู้แน่ โฆษก ตร.ฟุ้งเวทีประชุมอินเตอร์โพลให้ความสนใจคดีนี้ กมธ.ตำรวจให้คะแนนสอบตก

เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิต โดยมีผู้แทน ตร.ชี้แจงว่า ตำรวจได้ไปชี้แจง กมธ.ไปแล้ว และจเรตำรวจแห่งชาติจะมีการแถลงในส่วนที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่ก็คุยกันไว้ว่าแถลงเท่าที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหาย และก็ไม่มีผลกระทบต่อการสอบสวน จะตอบในทุกประเด็นที่สงสัย ซึ่งจะให้รวบรวมและตอบเสียทีเดียวเลย

ถามถึงกระแสนายวรยุทธอยู่ที่ประเทศออสเตรีย พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า เดี๋ยวจะให้ตอบเสียทีเดียวไปเลยว่าอะไรกันแน่ ซึ่งการจับกุมคนเป็นหน้าที่ตำรวจ แต่ถ้าไปอยู่ในต่างประเทศก็ต้องประสานหลายหน่วยงาน และมีขั้นตอนของมัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงกับ กมธ.ไปแล้ว

ขณะที่นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษก กมธ.การตำรวจ แถลงถึงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ ว่าเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ได้เชิญตัวแทนจเรตำรวจฯ ผู้แทนกองการต่างประเทศ และผู้แทน สน.ทองหล่อ เข้าร่วมชี้แจง ซึ่งกองการต่างประเทศระบุว่าได้ส่งหนังสือไปประเทศต่างๆ เกือบ 100 ประเทศ มี 70 ประเทศ ส่งหนังสือตอบกลับมาแล้วว่าไม่มีตัวผู้ต้องหาในประเทศนั้น แต่พบว่ามีวีซ่า 1 เล่มในประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่ธุรกิจของกระทิงแดง จึงเกี่ยวโยงได้ว่านายบอสได้รับวีซ่าจากออสเตรีย แต่วีซ่าเล่มนี้ไม่เคยใช้และหมดอายุแล้ว กมธ.จึงแจ้งกับผู้แทนกองการต่างประเทศ ว่าถ้าวันนี้ ตร.ยังทำงานแบบนี้ไม่มีทางที่ได้ตัวผู้ต้องการ แต่ต้องทำงานเชิงรุก ส่วนที่บอกว่าไม่มีงบประมาณในการส่งเจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศไปติดตามตัวผู้ต้องหานั้น กมธ.ตำรวจขอเรียกร้องให้ ผบ.ตร.จัดสรรงบให้กองการต่างประเทศ เพื่อไปติดตามตัวผู้ต้องหามายังประเทศไทย

“คดีบอสมีความน่าสนใจและละเอียดอ่อน วันนี้ กมธ.ให้คะแนนตำรวจว่ายังสอบตก และการที่จเรตำรวจบอกว่าจะดำเนินการเรื่องวินัยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 18 ราย และบุคคลที่ให้ความเห็นเรื่องความเร็ว 4 คน ภายในเดือน ธ.ค.นี้ หากการดำเนินการยังเป็นลักษณะนี้คงไม่แล้วเสร็จ นอกจากนี้ กมธ.ได้สอบถามด้วยว่าอดีต ผบ.ตร. 2 คนที่ถูกกล่าวอ้างในสำนวน จเรตำรวจฯ จะมีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ด้วย” นายณัฏฐ์ชนนกล่าว

ในช่วงเย็น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร. (หน.จต.), พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ ผกก.ฝ่ายสิทธิสัญญาและกฎหมาย ตท. ร่วมแถลงความคืบหน้ากรณีนายวรยุทธ

โดย พล.ต.ต.โสภณกล่าวถึงการดำเนินคดีอาญาว่า ได้ออกหมายจับนายวรยุทธในความผิดฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย หมดอายุความ 3 ก.ย.2570 และเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย หมดอายุความ 3 ก.ย.2565 โดยพนักงานสอบสวนได้ส่งหมายจับให้พนักงานอัยการ หลังจากนี้เป็นขั้นติดตามตัวมาส่งให้อัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาล

ขณะที่ พ.ต.อ.ทรงเอกกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ให้ประสานกับสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ และสถานทูตต่างๆ ประจำประเทศไทย และเผยแพร่หมายแดงของนายวรยุทธ ที่ออกไว้เมื่อ 30 ก.ย.2563 ไปตามช่องทางเครือข่ายตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล จำนวน 195 ประเทศ เพื่อเฝ้าระวังความเคลื่อนไหว ทั้งนี้ ตร.ยังทำคำร้องเพื่อขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไว้แล้ว เมื่อได้รับแจ้งข้อมูลถิ่นที่อยู่จะนำมาประกอบคำร้องเสนอให้อัยการสูงสุดดำเนินการตามขั้นตอนได้ทันที แต่ยอมรับว่ากองการต่างประเทศไม่มีข้อมูลว่านายวรยุทธไปหลบอยู่ในสถานที่ใด ข้อมูลสุดท้ายที่ทราบคือการเดินทางออกจากไทยในปี 2560

สำหรับการเอาผิดทางวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายวรยุทธ พล.ต.ท.เชษฐากล่าวว่า ภาพรวมมีการดำเนินการมา 3 ช่วงเวลา 3 ชุด โดยชุดแรกได้ดำเนินการทางวินัย ตั้งแต่ปี 2559-2563 โดยมีคำสั่งตั้ง กก.สืบสวนข้อเท็จจริงกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง 11 นาย สังกัดนครบาลในขณะนั้น กระทั่งปี 2563 ถูกลงทัณฑ์ ภาคทัณฑ์ และยุติเรื่องบางส่วน ชุดที่สอง ก.ย.2563 ถึง ก.พ.2564 มีการสืบสวนทางวินัยเพื่อดำเนินการกับตำรวจเพิ่มเติมอีก 7 ราย ปรากฏว่ามีรายชื่อซ้ำกับ 11 รายแรก เพิ่มเติมมา 3 ราย ทั้ง 7 รายอยู่ในสังกัดนครบาลในขณะนั้น และมีนักวิทยาศาสตร์ของ พฐ. คณะกรรมการชุดนี้ได้สืบสวนเสร็จสิ้นแล้วเมื่อ ก.พ.2564 ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาลงโทษ ส่วนชุดที่ 3 มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามรายงานของนายวิชา มหาคุณ พิจารณามาตั้งแต่ มิ.ย.2564 ดำเนินการทางวินัยกับตำรวจ 4 นาย ขั้นตอนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานสืบสวนข้อเท็จจริง มีความคืบหน้าไป 80% คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน ธ.ค.ปีนี้ ซึ่งตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมดมีทั้งสิ้น 17 นาย

ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ ชี้แจงประเด็นที่ กมธ.การตำรวจระบุว่าตำรวจไม่มีงบประมาณเพียงพอในการบินไปจับตัวนายวรยุทธที่ต่างประเทศนั้น ข้อเท็จจริงคือ การติดตามตัวนายวรยุทธ ตร.ใช้ช่องทางการส่งหมายแดงประสานกับตำรวจสากล ไม่สามารถนำกำลังเข้าไปจับตัวนายวรยุทธได้ เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย ของประเทศนั้นๆ ดังนั้น หน้าที่ของกองการต่างประเทศทำได้เพียงการขอความร่วมมือยังตำรวจสากล เพื่อสืบสวนถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา ช่องทางการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนผ่านอัยการสูงสุด ส่วนประเทศที่อยู่นอกเครือข่ายตำรวจสากล ก็ใช้ความร่วมมือทางการทูต ซึ่งการที่จะมีงบประมาณหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการจับนายวรยุทธ เพราะถึงมีงบประมาณมหาศาลก็ไม่สามารถไปจับตัวนายวรยุทธในประเทศอื่นได้

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายวรยุทธอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรีย พล.ต.ต.ยิ่งยศชี้แจงว่า ประเทศที่อ้างถึงเป็นเครือข่ายอินเตอร์โพลเช่นกัน แต่เขายังไม่แจ้ง แสดงว่ายังไม่พบตัว ยืนยันว่าตำรวจตั้งใจจับกุมตัวนายวรยุทธ ถ้าไม่ตั้งใจจับคงไม่ออกหมายแดง แต่เมื่อเผยแพร่ไปแล้วยังไม่พบ ก็ยังไม่เจอตัว ทั้งนี้ ตำรวจทำงานภายใต้กรอบกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศ ต้องใช้ความระมัดระวังสูงสุด สำหรับหนังสือเดินทางของนายวรยุทธ กต.ได้ยกเลิกไปแล้ว แต่หากนายวรยุทธจะใช้หนังสือเดินทางประเทศอื่น คงไม่สามารถก้าวล่วงได้

พล.ต.ต.ยิ่งยศยังกล่าวอีกว่า ล่าสุด พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท. ผู้ช่วยประจวบฯ ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล ครั้งที่ 89 ที่เมืองอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร โดยได้ส่งข้อมูลระบบไบโอเมตริกซ์ของนายวรยุทธ จากที่ไม่เคยมีอยู่ ให้ตำรวจสากลเพื่ออัปเดตข้อมูลหมายแดงแล้ว ขณะนี้หัวหน้าตำรวจสากลได้มอบหมายให้ผู้ช่วยทูตตำรวจฝ่ายออสเตรียประจำประเทศไทย ประสานงานกับกองการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันพล.ต.ต.เขมรินทร์ยังได้หารือกับหัวหน้าตำรวจสากลประเทศต่างๆ ในแถบยุโรป เพื่อขอความร่วมมือในการสืบสวนติดตามจับกุมนายวรยุทธ ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม เรื่องของนายวรยุทธเป็นบิ๊กโฟกัสของตำรวจสากล มั่นใจหากอินเตอร์โพลได้เบาะแสจะต้องแจ้งกลับทางตำรวจไทยแน่นอน

เมื่อถามว่า ตร.มั่นใจหรือไม่ว่าก่อนคดีสุดท้ายจะหมดอายุความจะได้ตัวนายวรยุทธ กลับมาดำเนินคดี โฆษก ตร.กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์สั่งการทุกมิติว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ และระหว่างที่ พล.ต.ท.ประจวบไปพูดคุยกับเครือข่ายตำรวจสากล น่าจะเป็นการแสวงหาความร่วมมือและสร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง แต่จะ 100% หรือไม่ คงตอบไม่ได้ เพราะเป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง