ประธานศาลฎีกาตั้ง กก.สดับตรับฟังข้อเท็จจริง รายงานผลใน 30 วัน ปมเพิกถอนหมายจับ "อุปกิต" แต่ยังไม่ใช่กรรมการวินัย ผบ.ตร.สั่งจเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุจำเป็นขนาดไหนถึงไม่ประสาน บช.ปส. ยันโยกย้ายตำรวจชุดทำคดี "ตุน มิน ลัต" เพื่อความเหมาะสมการทำงาน “โรม” บุก บช.ปส.ปูด "พล.ต.อ.นอกราชการ" กดดันตัดชื่อ "ส.ว.ทรงเอ" ออกจากสำนวนคดีฟอกเงิน จ่อยื่่น ป.ป.ช.เอาผิดตุลาการ 3 รายเอี่ยวถอนหมายจับ
เมื่อวันจันทร์ นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสืบสวน สน.พญาไท ทำหนังสือชี้แจงคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เกี่ยวกับการร้องขอออกหมายจับนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรณีถูกซัดทอดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งต่อมามีการเพิกถอนหมายจับและมีการเผยแพร่หนังสือชี้แจงดังกล่าวทางสื่อโซเชียลว่า วันนี้นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสดับตรับฟังข้อเท็จจริง มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อรายงานต่อประธานศาลฎีกาภายใน 30 วัน โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่รวบรวมข้อเท็จจริง โดยสามารถเชิญขอความร่วมมือผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอไปยังประธานศาลฎีกาพิจารณามีคำสั่งต่อไป
"โดยคณะกรรมการดังกล่าวยังไม่ใช่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และยังไม่ใช่ขั้นตอนการดำเนินการทางวินัย ยังไม่ถึงขนาดมีอำนาจเรียกบุคคลมาสอบ เป็นเพียงการขอความร่วมมือเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงรายงานประธานศาลฎีกา" นายสรวิศกล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเอกสารการชี้แจงของตำรวจชุดทำคดีเครือข่ายตุน มิน ลัต ว่าสั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเรื่องนี้ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร การตรวจสอบเรื่องถอนหมายจับทางจเรตำรวจแห่งชาติจะตรวจสอบเรื่องนี้ถึงเหตุต่างๆ แต่ดุลยพินิจของศาลเราไม่อาจไปก้าวล่วง ก็ใช้ดุลยพินิจของท่าน ส่วนทางตำรวจจะตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงอย่างไรหรือไม่ เหตุใดถึงต้องไป มีความจำเป็นขนาดไหนถึงไม่ได้ประสานกับ บช.ปส. เท่าที่เห็นรายละเอียดเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง คดีนี้เกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 มีการส่งสำนวนไปให้ บช.ปส. แต่ทราบว่าวันที่ 3 ต.ค.65 ผู้กำกับการและสารวัตรได้ไปขอหมาย ซึ่งน่าจะเป็นวันแรกที่ พล.ต.ต.ธีรเดชมารับตำแหน่ง ผบก.สส.บช.น. ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดชบอกว่าไม่มีใครมารายงาน มารู้ทีหลังว่ามีการไปขอหมายจับและมีการถอนหมายจับ เป็นเรื่องที่เราจะตรวจสอบข้อเท็จจริง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ยืนยันเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ออกมาว่ามี ผกก.ถูกย้าย ชุดถูกย้ายต่างๆ สารวัตรถูกย้าย ขอชี้แจงว่าในอำนาจของตนคือ ผกก.-รอง ผบก. ตนได้มีการโยกย้ายเป็นไปตามคำยืนยัน หรือคำชี้แนะของผู้บัญชาการ ในการที่จะปรับเปลี่ยนกำลังพลให้เหมาะสมกับการทำงาน ในส่วนของ สว.-รอง ผกก.เป็นอำนาจของผู้บัญชาการ ในส่วนของ ผกก.ที่ถูกย้าย สุดท้ายย้ายไปที่จเรตำรวจ ก็เป็นเพราะเรื่องผลการทำงานก่อนหน้าอาจจะมีผลงานอะไรตนก็ไม่ทราบ แต่เมื่อผู้บัญชาการยืนยันบอกว่าเขามีคนที่ทำงานได้ดีกว่า และดูจากผลประกอบการที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ใครมีผลงานมากน้อยเขาสามารถพิสูจน์ได้ แต่ไม่อยากพูดในตอนนี้ ซึ่งก็มีการหมุนไปตามจังหวะประจำปีไป
"ส่วนการหมุนระดับ สว.-รอง ผกก.เป็นอำนาจของ บช. ของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถ้าดูจากการโยกย้ายแล้ว การปรับเปลี่ยนจากสารวัตรศูนย์สืบมาเป็นสารวัตรสืบสวนพญาไท ถือว่าไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย และไม่มีผลต่อทางคดี เนื่องจากคดีนี้อยู่ในอำนาจของ บช.ปส.ไปตั้งแต่เดือน ก.ย.ด้วยซ้ำ และต่อมาทราบว่าอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นคดีนอกราช (อาณาจักร) ตั้งแต่เดือน พ.ย. ถือเป็นความรับผิดชอบของอัยการสูงสุด ซึ่งได้มอบให้ ผบก.ปส.3 ร่วมกับทีมอัยการตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของท่าน ไม่ได้เกี่ยวกับสารวัตรอีกแล้ว"
ผู้สื่อข่าวถามถึงขั้นตอนการถอนหมายจับ ระบุว่าให้ออกหมายเรียกภายใน 15 วัน ถ้าไม่มาตามหมายเรียกให้ออกหมายจับ ซึ่ง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ได้ไปร้องต่อ บช.ปส. ซึ่ง ปส.เงียบและหายไปนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานและ ผบก.ปส.3 ได้ชี้แจง รวมถึงตนได้อ่านตามคำให้การของ ผบก.ปส.3 ไม่ได้เงียบ แต่เป็นการหารือกันในคณะทำงานอยู่แล้วว่าจะออกหมายเรียกใคร อยู่ในขั้นตอน ขั้นตอนต่างๆ เชื่อว่าคณะนี้จะให้คำตอบได้ดีที่สุด และเชื่อว่าเดี๋ยวสังคมก็จะได้กระจ่างเอง ขอเวลานิดนึงในการทำงาน ทุกอย่างเราต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำป้ายข้อมูลมาแสดงพร้อมแถลงกรณีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี "ส.ว.ทรงเอ" ที่มีการถอนหมายจับเมื่อวันที่ 3 ต.ค.65 โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องการคำตอบว่าเหตุใดการทำคดีของ ส.ว.รายนี้มีความล่าช้า เนื่องจากมีการถอนหมายจับไปเป็นเวลากว่า 162 วันแล้ว เข้าใจว่าช่วงประชุมสภาไม่สามารถออกหมายเรียกได้ แต่หลังประชุมเสร็จกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ กระบวนการของคดีนี้อาจมีการแทรกแซงหรือช่วยเหลือจาก "พล.ต.อ." นอกราชการระดับสูง ที่เข้ามาพยายามช่วยเหลือพร้อมให้คำแนะนำเรื่องรูปคดี เนื่องจากโทษของพฤติการณ์ดังกล่าวสูงถึงขั้นประหารชีวิต เพราะผู้ถูกกล่าวหามีตำแหน่งหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา มีโทษสูงกว่าประชาชน 2-3 เท่า
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าการทำหน้าที่ของตำรวจมีความบกพร่องในคดีตุน มิน ลัต ซึ่งเป็นสำนวนคดีแรกที่ตำรวจปฏิบัติได้อย่างถูกต้องแล้ว แต่สงสัยว่าทำไมถึงมีการถอนหมายจับชั้นตุลาการ ในส่วนนี้อาจมีการแทรกแซงของพนักงานสอบสวนหรือไม่ ซึ่งตนเคยยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมแล้ว ส่วนสำนวนคดีที่ 2 ขณะนี้ที่อยู่กับ บช.ปส. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบออกหมายเรียกหรือหมายจับ พบว่าติดขัด
"ติดใจกับการดำเนินการของ บช.ปส.อย่างเลี่ยงไม่ได้ สัปดาห์หน้าผมจะเดินทางไปยื่นเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดตุลาการทั้ง 3 ราย เรื่องมีการถอนหมายจับทันทีหลังช่วงเช้าออกหมายจับ ด้วยเหตุผลอ้างว่าเป็นบุคคลสำคัญ ซึ่งตามกฎหมายไม่มี" นายรังสิมันต์กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เดินทางมาพร้อมกับหลักฐานพร้อมป้ายไวนิลรายชื่อตำรวจล็อต 2 ที่เอี่ยวพนันออนไลน์ และแฉข้อมูลของ ส.ว.ทรงเอเพิ่มเติม โดยนายอัจฉริยะได้เปิดโปงที่มาที่ไปของแก๊งมิยาบิ ที่มีตำรวจยศ พล.ต.อ.(ส.) เป็นหัวหน้าแก๊ง นอกจากนี้ พล.ต.ท.(อ.) มีหน้าที่ในการเก็บส่วยในภาคตะวันออกทั้งหมดให้แก่ พล.ต.อ.(ส.) รวมไปถึงนายลุค ลูกชายของจ่ามนัส อดีตนายตำรวจใหญ่ใน จ.ปราจีนบุรี ที่เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งยังคงมีทรัพย์สินมากมายหลายพันล้านบาท โดยตนได้ร้องเรียนถึงการทุจริตดังกล่าวนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่กลับยังไม่ถูกยึดทรัพย์หรือถูกจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด
ด้านนายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. เปิดเผยความคืบหน้ากรณียื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ว่า คดีนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 10 เมษายน 2566 เวลา 09.00 น. ซึ่งทีมทนายความได้มีการซักซ้อมพยานและแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม พบว่ารูปคดีฝ่ายโจทก์มีข้อมูลเพียงพอที่จะสามารถเอาผิดจำเลยได้ โดยสามารถตัดพยานบางปากออกไปได้เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาคดีของศาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อิ๊งค์1ใน100ผู้ทรงอิทธิพลโชว์วิชั่นACD
"แพทองธาร" ติดอันดับ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตในปีนี้ของนิตยสารไทม์
หมายจับ‘พิศาล’ โรมขยี้บิ๊กอ้วน เป่าคดีตากใบ
ศาลออกหมายจับ "พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี" จำเลยคดีตากใบ เหตุมีพฤติการณ์หลบหนี
เพื่อไทยดันทุรังแก้รธน. อนุทินลั่นช่วยปชช.ก่อน
ไม่แผ่ว! ยังกระเหี้ยนกระหือรือแก้รัฐธรรมนูญกันต่อ "ชูศักดิ์" คาดสัปดาห์หน้าถกปมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
คลังถกผู้ว่าฯธปท. บีบให้ลดดอกเบี้ย
“พิชัย” ฟุ้งจับเข่าคุย “เศรษฐพุฒิ” เข้าใจกันดี แลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจ
ไล่บี้กรมการขนส่ง กมธ.กังขาตรวจสภาพรถทิพย์/ชงปปช.เชือด!
"ในหลวง" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประธานองคมนตรีประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ครู-นร.
ดีเดย์17ตุลา ขายหวย3ตัว ใบละ20บาท
สำนักงานสลากฯ ดีเดย์ 17 ต.ค. ประเดิมขายหวย N3 ใบละ 20 บาท