พิธาโหน‘แบม’อัดพปชร.

“ประวิตร” กำชับห้ามใช้ความรุนแรงสกัดผู้เห็นต่าง บอกสังคมพิจารณาเองได้ “ชัยวุฒิ-ไพบูลย์” อัดไม่เหมาะสม เพราะคนละบริบท เตือนระวังผิดกฎหมาย “พิธา-ทสท.” ได้ทีขย้ำไหนบอกก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อวันอาทิตย์ ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์  หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม พร้อมพวกมาทำกิจกรรมบริเวณเวทีปราศรัยย่อยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 1 เม.ย. จนเกิดเหตุปะทะกันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. รับทราบแล้ว และได้กำชับแกนนำพรรค รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนห้ามใช้ความรุนแรงอย่างเด็ดขาด หากกลุ่มผู้ประท้วงเข้ามาในพื้นที่หาเสียง ให้เชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจ เพราะต้องรักษาบรรยากาศที่ดีไว้ และรอประชาชนตัดสินผ่านการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ส่วนใครทำผิดทำถูก สังคมพิจารณาได้ แต่สมาชิกพรรคอย่าทำผิดกฎหมาย และอย่าใช้ความรุนแรง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า การเข้ามาแจกใบปลิวในเวทีพรรคหาเสียงทำไม่ได้ เพราะนี่เป็นเวทีหาเสียงที่เราขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามกฎหมาย ซึ่งไม่ควรมาป่วนเวที  และเท่าที่ทราบก็สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย ก็อย่าไปทำเลย ประชาธิปไตยก็ต่างคนต่างหาเสียง เวทีใครเวทีมัน

เมื่อถามว่า เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเวทีอื่นอีกหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ก็น่าเป็นห่วง ถ้าสมมุติว่าฝ่ายนี้มาโจมตีเวทีพรรคนี้ เดี๋ยวฝั่งนี้ไปโจมตีเวทีพรรคอื่นบ้าง ก็ไม่จบ ประชาธิปไตยก็เดินหน้าไม่ได้ เราถึงบอกว่าอยากให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง เราหาเสียงกันตรงไปตรงมา ไม่มีใครเอาเปรียบกันหรอก ทำตามกฎหมายตรงๆ ทุกคน ก็อย่ามาป่วนกัน ทำแบบนี้ถือว่าเขาเอาเปรียบเรา เพราะเขามาป่วนเวทีเรา ถ้าฝั่งเราแค้นเคืองไปเอาคืนก็วุ่นวายไปอีก ขอว่าอย่าไปทำเลย เวทีใครเวทีมัน ถ้าเขาอยากแสดงออกในเรื่องที่เขาข้องใจ เขาก็ไปจัดเวทีของเขา ซึ่งก็จัดกันตลอดอยู่แล้ว เห็นออกสื่อตลอด มีโซเชียลมีเดียก็ไปทำของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก แต่เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มาคุยกันเรื่องความขัดแย้งของเขา มันไม่เหมาะ

 “เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมไม่อยากให้เกิดแบบนี้ เพราะนโยบายเราไม่อยากให้มีความขัดแย้งการเมืองในสังคม มีอะไรก็คุยกันดีๆ อย่างที่มีการป่วนเวทีในวันนี้ ถือว่าเป็นความรุนแรงที่เขาทำกับเรา ซึ่งมันไม่ถูกต้อง แต่ถ้าเรานัดคุยกัน ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สัมมนาที่พรรคสามารถทำได้ แต่ถ้าเราปราศรัยแล้วคุณมาป่วน เราถูกกระทำ ผมว่าไม่ถูกต้อง” นายชัยวุฒิกล่าว

เมื่อถามว่าจะแจ้งความหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า เท่าที่ทราบทางฝ่ายกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ว่าถ้าเข้าองค์ประกอบก็จะไปแจ้งความ ในเรื่องนี้โดยหลักการของกฎหมายเลือกตั้ง การมาขัดขวางการหาเสียงทำไม่ได้ มีโทษ แต่ถึงขั้นไหนอย่างไรก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะนำมาพิจารณา

 “โดยหลักการ การที่เราหาเสียง จัดเวทีปราศรัย หรือทำกิจกรรมการเมืองในช่วงเลือกตั้ง มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้มีการกลั่นแกล้ง หรือป่วน ให้ทุกคนได้หาเสียงอย่างเต็มที่  ประชาธิปไตยก็ต้องรับฟังความคิดเห็นทุกคน อย่ามาป่วนกัน ถ้าคุณอยากจะพูดอยากจะแสดงความคิดเห็นก็ไปเวทีของคุณ วิธีใครวิธีมัน จะได้ไม่ขัดแย้งกัน” นายชัยวุฒิกล่าว

เมื่อถามว่า จากนี้ไปจะมีการป้องกันอย่างไรบ้าง นายชัยวุฒิกล่าวว่า อาจจะต้องเพิ่มการ์ดผู้หญิง เพราะคนที่มาประท้วงเป็นผู้หญิง หากให้ผู้ชายไปกั้นผู้หญิงมันก็ดูไม่ดี

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวเช่นกันว่า ไม่เหมาะสม เนื่องจากเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคไม่ใช่สถานที่รับเรื่องความคิดเห็นอะไร การไปยื่นเรื่องในลักษณะดังกล่าวทำให้เกิดปัญหา เป็นลักษณะที่ผิดที่ผิดทาง ดังนั้นอยู่ที่วิธีการไปยื่น ดังนั้นถ้าทำให้ถูกที่ถูกทางก็หมดเรื่อง สำหรับประชาชนไม่ว่ากลุ่มไหนก็ตาม หากมีเรื่องร้องทุกข์มีความเดือดร้อน หรือต้องการเสนอนโยบายก็ติดต่อมายื่น ณ ที่ทําการพรรคได้ โดยประสานงานมาที่ตนเอง จะมารับเรื่องและหารือกัน ดังนั้นหากกลุ่มตะวัน-แบมยังสนใจยื่นเรื่อง ก็ขอให้ติดต่อมา และมายื่นที่พรรค แล้วจะได้พูดคุยกัน เพราะแนวทางของพรรค พปชร.เน้นเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง

 หลักสำคัญคือ จะต้องมีการพูดคุยเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง พรรค พปชร.เปิดกว้างสำหรับการรับฟังความคิดเห็นทั้งหลาย

 “เหตุการณ์วิวาทกันระหว่างประชาชนเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิด แต่ก็ไม่ควรมีต้นเหตุให้เกิด การยื่นข้อเรียกร้องทั้งหลาย ควรยื่น ณ ที่ทําการพรรค ไม่ควรยื่นที่เวทีปราศรัย เพราะจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ว่าเจตนาของผู้ยื่นมีเจตนาอย่างอื่นหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ถือเป็นบทเรียนสำหรับทุกเวทีปราศรัย” นายไพบูลย์กล่าว

เมื่อถามว่า หากมายื่นเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 112 ยินดีใช่หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ไม่พูดถึงว่ายื่นเรื่องอะไร แต่ในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมือง เราก็จะเปิดรับฟังความคิดเห็นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบาย ปัญหาความเดือดร้อน หรือความคิดเห็นต่างๆ เราไม่ปิดกั้นอะไรทั้งสิ้น ส่วนที่รับฟังแล้วเราจะเห็นด้วยหรือไม่ เป็นอีกกระบวนการหนึ่ง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า คงต้องขอความเห็นใจและทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าแน่นอน เรามีทั้งคนที่เรารัก  มีพรรคที่เราชอบ แต่ในช่วงเวลาของการเลือกตั้ง เป็นช่วงเวลาที่ทุกพรรคการเมืองมีสิทธิหาเสียง ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะเป็นวันตัดสิน ขอให้ทุกคนไปใช้สิทธิกันในวันนั้น

 “การปราศรัย อย่าเพิ่งไปคิดเยอะถึงสิ่งที่ไม่ดีที่อาจเกิดขึ้น เรามีเจตนาดี ทุกพรรคการเมืองมีเจตนาดี ดังนั้นหากเกิดเหตุขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมในเบื้องต้นก่อน” นายวราวุธระบุ

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพแสดงออก แต่หากต้องการให้บรรยากาศของบ้านเมืองไปด้วยดี คิดว่าในระบอบประชาธิปไตยก็ควรหลีกเลี่ยงการที่จะไปสร้างความขัดแย้ง การไปแสดงออกก็ควรอยู่ในรูปแบบที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาจะดีที่สุด

“ผมเจอมาเยอะแล้ว และได้มีการกำชับมาตลอดว่าให้ระมัดระวัง แต่ดีที่สุดคือการคำนึงถึงภาพรวมว่าเราอยากให้ประเทศเดินหน้าด้วยกระบวนการประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง”

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับบุคลากรจากพรรค พปชร.หรือไม่ได้เกิดขึ้น เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ พล.อ.ประวิตรพยายามพูดมาตลอดในเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามที่พูด

น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุ ไม่ได้ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ต้องการให้ทุกคนก้าวไปอยู่ฝั่งเดียวกับเขา ซึ่ง 8 ปีที่ผ่านมาก็เป็นลักษณะแบบนี้ พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นหมาป่า หากเป็นแบบนี้ประเทศชาติก็เดินต่อไปไม่ได้

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี แคนดิเดตนายกฯ พรรค ทสท. กล่าวว่า 8 ปีมาแล้วทำไมถึงเพิ่งคิดได้ว่าจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทั้งที่ความขัดแย้งมีตั้งแต่ปีแรกแล้ว ซึ่งไม่เข้าใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง