ปัดจ่าแฮกเกอร์ โยงเสธ.นายกฯ ทบ.สั่งฟันวินัย

ผบ.ตร.โวเป็นไปตามประกาศิต 7 วัน นำ "จ่าสิบโท" มือแฮ็กเข้ามอบตัว เร่งขยายผลผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ปัดไม่เกี่ยวเสธ.คนดังข้างตัวนายกฯ ยันไม่ถูกกดดัน ทบ.เร่งช่วยตำรวจหาพยานหลักฐาน พร้อมขออภัยที่กำลังพลทำผิดกฎหมาย ชงต้นสังกัดลงโทษทางวินัยหลังสั่งพักราชการแล้ว

เมื่อวันที่ 13 เมษายน มีความคืบหน้าคดีที่ จ.ส.ท.เขมรัฐ บุญช่วย ทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ซึ่งเป็นแฮกเกอร์ใช้ชื่อบัญชี ‘9near’ ได้โพสต์ขายข้อมูลคนไทย 55 ล้านรายการจากหน่วยงานรัฐไปเผยแพร่ผ่านบนเว็บไซต์ ซึ่งได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังถูกออกหมายจับในความผิดฐาน "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ"

โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)   เปิดเผยความคืบหน้าว่า เป็นไปตามประกาศิตและแนวทางที่เคยให้ไว้ภายใน 7 วัน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากฝั่งทหารในการส่งตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งได้มีการสั่งการให้ บก.สอท.ทำการสอบข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานทั้งทางเอกสารและพยานบุคคล  อย่างตรงไปตรงมา ใครผิดก็ว่าไปตามนั้นไม่มีข้อยกเว้น ส่วนตัวผู้ต้องหาขณะนี้อยู่ที่ศาลทหารและยังไม่ได้มีการประกันตัวแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีการสอบปากคำ แจ้งข้อหา และการฝากขังศาลไปแล้วนั้น  แต่ถือว่ายังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ เพราะต้องสอบข้อเท็จจริงทั้งเรื่องข้อมูลทางคดี  และที่มาที่ไปของข้อมูลส่วนตัวของประชาชนที่หลุดไปอยู่ในเว็บไซต์ต่างประเทศ

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาสนิทกับ เสธ.ทหารคนดังข้างตัวนายกรัฐมนตรีนั้น  ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นแค่ข่าวเท่านั้น และยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองตามที่หลายๆ คนคิด ไม่มีใครโทร.มากดดันแต่อย่างใด

พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากองทัพบกโดยหน่วยต้นสังกัดได้ช่วยติดตามตัวผู้ต้องหามาโดยตลอด การมอบตัวดังกล่าว หน่วยต้นสังกัดได้รับการประสานจากบุคคลใกล้ชิดของกำลังพล จึงได้มอบให้นายทหารพระธรรมนูญจากกรมการขนส่งทหารบกเป็นผู้นำไปมอบตัว พร้อมร่วมรับฟังการสอบสวน รวมทั้งได้ให้ความร่วมมือนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นบ้านพัก เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐาน และจะยังคงอำนวยความสะดวกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกด้าน เพื่อสอบสวนให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี การนำผู้ต้องหาเข้ามอบตัวทำให้คดีเริ่มปรากฏข้อเท็จจริงมากขึ้น และกองทัพบกได้มอบให้หน่วยต้นสังกัดเร่งรัดติดตามความคืบหน้าในทางคดี เพื่อนำผลไปพิจารณาลงโทษทางวินัยต่อไป หลังจากได้สั่งพักราชการไปแล้วตั้งแต่ 7 เม.ย.66

 "เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการกระทำความผิดส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าตัวได้กล่าวขอโทษต่อสังคม ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และอยู่ในระหว่างการพิจารณาโทษจากทางราชการ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกใคร่ขออภัยต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบอีกครั้ง ที่มีกำลังพลไปกระทำความผิดในครั้งนี้ เชื่อว่าการนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสืบค้นมูลเหตุของการกระทำผิด จะช่วยทำให้สังคมเกิดความสบายใจในที่สุด" โฆษก ทบ.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง