บุญทรงอ่วมซ้ำ! ปปช.จ่อสรุปคดี จีทูเจี๊ยะมัน-ข้าว

"บุญทรง" อ่วมซ้ำ! ป.ป.ช.จ่อสรุปปม "จีทูจีมันเส้น-จีทูเจี๊ยะข้าวล็อต 2" ปลายปีนี้ ดีเอสไอส่งสำนวนคดีพิเศษโครงการจัดซื้อเสาไฟกินรี ถึงมือ ป.ป.ช.แล้ว

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า​ ในช่วงปลายปี 64 มีคดีที่ใกล้จะแล้วเสร็จคือคดีทุจริตระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) แบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของกระทรวงพาณิชย์​ สมัยนายบุญทรง​ เตริยาภิรมย์​ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้ทำสัญญาซื้อขายมันจำนวน 7 สัญญา ปริมาณ 4.79 ล้านตัน โดยบริษัทจากจีนไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลกลาง ซึ่งมีการแจ้งข้อกล่าวหาครบถ้วนแล้ว ประมาณเกือบ 80 ราย และอยู่ระหว่างการสรุป เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปีนี้

นอกจากนี้​ ยังมีคดีทุจริตระบายข้าว จีทูจี ล็อตที่ 2 จำนวน 8 สัญญา ปริมาณ 14 ล้านตัน ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งอาจไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบหมายอำนาจจากรัฐบาลกลางของจีนให้ทำสัญญาซื้อขายกับไทย คดีดังกล่าวคาดว่าหากไม่เสร็จภายในปลายเดือน ธ.ค.นี้ อาจจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน ม.ค.65 อย่างไรก็ตาม​ ทั้ง 2 คดี นายบุญทรงยังอยู่ในกลุ่มผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา

ส่วนคดีจีทูจีอีกคดีคือกรณีการระบายมันเส้นจีทูจี สมัยนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเป็นการขายที่ไม่ถูกต้อง ขายคนละประเภท และมีการเอื้อประโยชน์ แต่เรื่องดังกล่าวไม่รู้ว่ามีมูลเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหารือไม่ เพราะขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันนายบุญทรงอยู่ระหว่างจำคุกจากคดีระบายข้าวจีทูจี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 42 ปี เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ก่อนที่ศาลฎีกาฯ ในชั้นอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษรวมเป็น 48 ปี ในปี 2562 แต่ล่าสุดได้รับพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ลดวันต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 16 ปี

วันเดียวกัน มีความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับร้องเรียนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรี พร้อมโคมไฟระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ชนิดกิ่งเดี่ยว พร้อมติดตั้ง ขององค์การบริหารส่วนตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นคดีพิเศษ ที่ 54/2564 ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูล

ทั้งนี้ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าว และแต่งตั้งนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 2 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยการสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดอาญาที่บริษัทมีพฤติการณ์ในการตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิในการทำสัญญาของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐ หรือโดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ อันอาจเป็นความผิดตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 27 แฟ้ม ไปยัง ป.ป.ช. เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนกล่าวหาผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลราชาเทวะ กระทำการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าว จึงเข้าข่ายเป็นกรณีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกันและความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันด้วย ตามมาตรา 30 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง