นายกฯโล่งอก อพยพเยาวชน ‘ซูดาน’ถึง‘ไทย’

"บิ๊กตู่" โล่งอก รับเยาวชนอพยพหนีภัยสงครามกลางเมืองซูดานมาถึงล็อตแรก ชื่นชมทุกหน่วยงานนำคนไทยกลับบ้านปลอดภัย ฟุ้งถอดบทเรียนทีมประเทศไทยประสบการณ์อื้อ  ทำงานฝ่าวิกฤตยุคโควิดช่วยพาคนกลับภูมิลำเนา ขณะที่กรมแรงงานเฝ้าดูแลใกล้ชิดคนไทยในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. เวลา 22.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ รอต้อนรับคณะคนไทยกลุ่มที่ 1 ที่มากับเที่ยวบิน A340-500 เที่ยวบินแรก จากท่าอากาศยานนานาชาติ King Abdulaziz เมืองเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย เป็นเยาวชนจำนวน 78 คน ซึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศซูดาน หลังอพยพจากสถานการณ์สงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพซูดานกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ณ กรุงคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดาน เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ในนามรัฐบาลได้สั่งการหน่วยงานทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือเพื่ออพยพคนไทยกลับสู่ประเทศไทยให้ได้ ทั้งนี้ การดำเนินการไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องประเมินสถานการณ์ตลอด ครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบของรัฐบาลไทยที่สามารถดูแลคนไทยได้ รวมทั้งขอบคุณการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง เช่น อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้กลับบ้าน และยินดีกับทุกครอบครัว ได้กำชับรอติดตามสถานการณ์กลับสู่ความสงบเรียบร้อย

โดยคณะคนไทยจะผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองและการตรวจคัดกรองโรคก่อนเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก และในวันที่ 28 เมษายน คณะคนไทยที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคใต้จะเดินทางกลับพื้นที่ด้วยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ เพื่อกลับสู่ภูมิลำเนาต่อไป

นอกจากนี้ ชุดปฏิบัติการของกองทัพอากาศยังคงเตรียมความพร้อมอยู่ที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือคนไทยชุดต่อไป ซึ่งจะขึ้นเรือจาก Port of Sudan มาที่เมืองเจดดาห์ รวมถึงเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ ในส่วนของเที่ยวบินที่ 2 ซึ่งจะนำเยาวชนอีกกว่า 135 คน เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติ King Abdulaziz เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ถึงท่าอากาศยานทหาร (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 29 เมษายน 2566 เวลา 22.00 น. (โดยประมาณ) และเตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ในวันที่ 30 ด้วยเครื่องบิน C-130H ของกองทัพอากาศ และเดินทางมุ่งสู่ภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์โพสต์เฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ระบุใจความว่า ผมมีความยินดีที่จะเรียนว่าการอพยพคนไทยในซูดาน ถึงเบื้องหลังความสำเร็จจากการทำงานของ "ทีมประเทศไทย" ในครั้งนี้คือ การถอดบทเรียน จากการอพยพคนไทยที่ตกค้างอยู่ทั่วโลกในช่วงวิกฤตโควิด (ช่วง 4 เม.ย.63-30 มิ.ย.65) มากกว่า 1 ล้านคน ให้กลับคืนสู่มาตุภูมิโดยสวัสดิภาพ ปลอดเชื้อเข้าประเทศ และปลอดโรคก่อนกลับบ้าน ซึ่งมีขั้นตอน-กระบวนการ และการเตรียมการอย่างมากมาย ครอบคลุมทั้งเรื่องการเดินทางและการควบคุมโรค อันเป็นองค์ความรู้พื้นฐาน ในปฏิบัติการครั้งนี้ที่ต้องปลอดภัยจากทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งในซูดานและปลอดภัยจากโควิดด้วย

ที่ จ.ปัตตานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ทันทีที่เยาวชนนักศึกษาถึงค่าย พล.ร.15 ต่างเดินเข้าสวมกอดพ่อแม่และคนในครอบครัวที่มาเฝ้ารอรับด้วยความเป็นห่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ส่วนเรื่องการศึกษาต่อของกลุ่มเยาวชนนักศึกษาไทยที่เรียนประเทศซูดาน ทางกระทรวงศึกษาธิการและ ศอ.บต.ได้เตรียมการไว้ขั้นต้นว่าจะรอดูสถานการณ์ความรุนแรงของประเทศซูดานว่าจะร้ายแรงขึ้นอีกหรือไม่ ซึ่งหากไม่สามารถกลับไปศึกษาต่อที่ซูดานต่อได้ ก็จะเตรียมการให้กลุ่มเยาวชนนักศึกษาได้ทำการเทียบโอนวิชากับทางมหาลัยวิทยาลัยในประเทศไทย เพื่อที่จะให้ทางกลุ่มเยาวชนได้สำเร็จการศึกษาครบทุกขั้นตอน

ด้านนายอะหมัด เจะแม ระบุสถานการณ์ว่า ตนอยู่จุดที่เกิดการปะทะกันไม่ไกลมาก ได้ยินเสียงปืน ระเบิดตลอดเวลา บางครั้งทุกคนก็ต้องหมอบกับพื้น การใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นลำบากมาก อาหารการกิน น้ำดื่มก็มีน้อย อีกทั้งร้านค้าต่างๆ พากันปิดหมด ทุกคนต้องอยู่ในบ้านอย่างเดียว

ขณะที่นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ได้สั่งการให้ทูตแรงงานที่กรุงริยาด สำนักงานแรงงานในประเทศซาอุดีอาระเบีย ประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบว่ามีแรงงานไทยเดินทางกลับด้วยหรือไม่ พร้อมไปช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย  ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย. เวลา 22.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ได้มีการอพยพคนไทยจากซูดานชุดที่มาเรือลำที่ 2 จากทั้งหมด 3 ลำ จำนวน 32 ราย ในจำนวนนี้มี 7 ราย เป็นแรงงานหญิง ซึ่งทำงานที่ร้านนวดสปาและโรงแรมอัสซาลาม ทั้งหมดเดินทางมาอย่างปลอดภัย ก่อนส่งเข้าที่พักเพื่อรอเดินทางกลับประเทศไทย

"จากรายงานของทูตแรงงานทราบว่า มีร้านนวดที่จ้างพนักงานนวดไทยทำงานประมาณ 3 ร้าน ในกรุงคาร์ทูม และโรงแรม 1 แห่ง มีพนักงานนวดไทยรวมแล้วประมาณ 24 ราย แต่ส่วนมากได้กลับไปพักผ่อนในช่วงรอมฎอน สำหรับคนไทยที่เหลือจำนวน 34 ราย ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีแรงงานไทยรวมอยู่ด้วยหรือไม่นั้น ทั้งนี้ ได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ ณ เมืองเจดดาห์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือหากมีแรงงานไทยเดินทางกลับมาด้วย” นายบุญชอบระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถึงศาล รธน. แล้ว! 40 สว. ยื่นถอด 'เศรษฐา-พิชิต' พ้นตำแหน่ง

สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ร่วมกันเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

รัฐบาลตีปี๊บ! ช่วยลูกหนี้นอกระบบแล้ว 1.4 แสนราย รวมพันล้านบาท

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้อย่างครบวงจรทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ