บก.ป.จ่อหิ้ว‘ทิดคม’ฝากขัง

ผบก.ป.เผยอดีตพระอาจารย์คมรับโอนเงินวัดป่าธรรมคีรี 180 ล.จริง แต่ไม่มีเจตนาโกง 8 พ.ค.นี้ นัดเปิดตู้เซฟวัด และฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พร้อมค้านประกันตัว “แพรรี่” ฟาดพระบางรูปสอนให้คนลดละแต่ยักยอก 100 ล.

กรณีที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าจับกุมอดีตพระอาจารย์คม อภิวโร หรือนายคม คงแก้ว อายุ 39 ปี, นายวุฒิมา หรือพระหมอ เถาว์หมอ อายุ 38 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี น้องสาวของนายคม ในข้อหาร่วมกันยักยอกเงินวัดไปกว่า 180 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ค. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) เปิดเผยว่า ภายหลังการจับกุม ทางตัวผู้ต้องหาคือนายคม และน้องสาวก็ให้การยอมรับในข้อเท็จจริง ว่ามีการยักย้ายถ่ายโอนเงินของวัด ไปเข้าบัญชีธนาคารน้องสาวของนายคมจริง บางส่วนก็ให้นำไปเก็บไว้ที่บ้าน แต่ก็ยังยืนกรานปฏิเสธตามข้อกล่าวหา  เพราะไม่มีเจตนาที่จะโกงเงินวัดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ส่วนตัวนายวุฒิมานั้นก็ให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งนี้ ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองปราบฯ โดยวันที่ 8 พ.ค. จะมีการนำตัวไปผัดฟ้องและฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริต พร้อมคัดค้านการประกันตัว

นอกจากนี้ ยังทราบมาด้วยว่า ในวันที่ 8 พ.ค. คณะกรรมการฯ ที่คณะสงฆ์มีคำสั่งแต่งตั้งให้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง มีกำหนดนัดหมายที่จะร่วมกันทำการเปิดตู้เซฟของวัด เพื่อตรวจสอบดูว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้างที่สูญหายไป ซึ่งตนได้สั่งการให้ทีมสอบสวนของกองปราบฯ เข้าร่วมตรวจสอบด้วยแล้ว

ขณะที่ “แพรรี่” ไพรวัลย์ วรรณบุตร โพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับข่าวนี้ว่า  “พระบางรูปวางท่าเป็นพระวิปัสสนาจารย์ สอนให้คนลดละ แต่ตัวเองยักยอกเงินบริจาค 100 ล้าน” และยังได้โอวาทธรรมอดีตพระอาจารย์คม โดยระบุว่า “อ้อ หรอคะ!” “คนมารยาสาไถยมีมาก  อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ไม่ควรไว้ใจคนที่แกล้งทำสงบเสงี่ยม คนสมัยนี้หน้าอย่างหลังอย่าง เจ้าเล่ห์เพทุบาย หลอกให้เชื่อว่าเป็นคนดี เพื่อกอบโกยลาภ ยศ สุข สรรเสริญต่างๆ”

สำหรับจุดเริ่มต้นของคดีดังกล่าว  เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ  รับเรื่องร้องเรียนทางลับ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของอดีตพระทั้ง 2 รูป เกี่ยวกับประพฤติผิดพระธรรมวินัยเสพเมถุน และเรื่องของการบริหารเงินไม่โปร่งใส นำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว ภายหลังรับเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าทั้งคู่มีพฤติกรรมส่อไปในทางดังกล่าวจริง จึงแจ้งไปยังคณะปกครองตรวจสอบ ส่วนเรื่องยักยอกเงินวัดนั้น เป็นเรื่องของคดีอาญา  ประสานตำรวจสอบสวนกลางให้ช่วยตรวจสอบจนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน

โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพว่าได้นำเงินของวัดออกมาจริง รวมถึงในระหว่างที่ถือสมณเพศนั้นได้มีการเสพเมถุนภายในกุฏิของวัดอัน ถือเป็นการอาบัติปาราชิก ตามข้อบัญญัติทางธรรมวินัยอีกส่วนหนึ่ง ผู้ต้องหาจึงสมัครใจที่จะลาสิกขา ส่วนจำนวนเงิน เบื้องต้นพบเงิน 51 ล้านบาท ในคอนโดฯ ของน้องสาวนายคมย่านนนทบุรี ถูกเก็บไว้ในลังโฟมและกระเป๋าเดินทาง รวมถึงยังพบเงินที่ถูกเก็บไว้ในบัญชีธนาคารอีกกว่า 130 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดเงิน 180 ล้านบาท เป็นแค่ยอดที่ตรวจสอบพบเบื้องต้น แต่อาจจะมีมากกว่านี้ คงต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง