โยนสภาตัดสินผุดกาสิโน ‘วิษณุ’บอกต้องจบที่ครม.

“ประยุทธ์-ประวิตร” ประสานเสียงโยนสภาตัดสินใจเรื่อง “กาสิโน” วิษณุเผยศึกษามาทุกยุคสมัยไม่เว้นแม้แต่สมัยทักษิณ รับสุดท้ายต้องจบที่รัฐบาล “มงคลกิตติ์” ฟิตจัด เผยเตรียมชงตั้งอนุ กมธ. 4 ชุดในสัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) ว่าให้เป็นเรื่องของสภาที่ ส.ส.เป็นผู้เสนอ และเป็นเรื่องของ กมธ.จะพิจารณาดูถึงความเหมาะสม ข้อเท็จจริง และดูถึงปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นมาในประเทศรอบบ้านมีเยอะ ซึ่งก็มีการแอบไปเล่นกันเยอะ อันนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเรื่องนี้ให้สภาพิจารณา จะไปสั่งอะไรได้ เพราะไม่ใช่ผู้เสนอเรื่องนี้ เป็นเรื่องของส.ส.

เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวเห็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่ตอบ ตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของประชาชน”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวเช่นกันว่า เป็นเรื่องของสภา เมื่อถามย้ำว่ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการตั้งกาสิโนในประเทศ พล.อ.ประวิตรย้ำว่า เป็นเรื่องของสภากำลังพิจารณากัน ส่วนไทยมีความพร้อมในการตั้งหรือไม่ ก็ดูรอบๆ บ้านเราสิ และคนของเราก็ไปเล่นของเขาเยอะ

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวในประเด็นนี้ว่า ในอดีตมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาทุกสมัย สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ก็ตั้งตนเองเป็นประธานศึกษาเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่ทันพิจารณาจบก็ลาออกจากรองนายกฯ เสียก่อน ส่วนสาเหตุในอดีตที่ไม่สามารถผลักดันได้สำเร็จนั้น มันคงเป็นการต่อสู้กันระหว่างศีลธรรม สังคม และเศรษฐกิจ เหมือนกับเรื่องโควิด-19 ที่เป็นการสู้กันระหว่างเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจ เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งจะมาเจอเรื่องของการบังคับใช้ว่าเราควบคุมได้จริงหรือไม่ ที่จริงมีข้อเสนอเยอะแยะ ทั้งให้ไปตั้งที่เกาะ หรือเสนอให้ตั้งตรงนั้นตรงนี้ มีการระบุชื่อจังหวัดมาแล้วด้วยซ้ำไป

“ครั้งหนึ่งนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาฯ เคยเสนอว่าอย่าไปตั้งในจังหวัดท่องเที่ยว แต่ให้ตั้งในจังหวัดที่ติดกับจังหวัดท่องเที่ยว เพราะหากตั้งในจังหวัดท่องเที่ยวจะสปอยจังหวัดนั้นไปหมด เช่น ไม่ให้ตั้งที่ภูเก็ต แต่ให้ตั้งที่พังงา เพื่อให้เกิดความเจริญใหม่ขึ้น และควบคุมได้ ข้อเสนอค่อยข้างมาเป็นรูปธรรม ในตอนนั้นรัฐบาลส่งผมไปดูงานที่เกนติงไฮแลนด์เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเกนติงไฮแลนด์บอกว่า ถ้าเราจะเปิด เขาพร้อมจะช่วยแนะนำให้ แต่พอผมลาออกก็เลิก”

นายวิษณุยอมรับว่า กรรมการชุดที่มีตนเป็นประธาน ทำหน้าที่ศึกษาเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้กับประเทศ นอกจากนี้จะทำอย่างไรกับเรื่องผลกระทบด้านศีลธรรม รวมถึงเรื่องควบคุมให้ภาษีเข้ารัฐโดยไม่มีเบี้ยบ้ายรายทาง การรีดไถ ที่สำคัญที่สุดคือส่วนใหญ่เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์เป็นบ่อเกิดอาชญากรรม มีเรื่องโสเภณี ค้ามนุษย์ และยาเสพติด ทำอย่างไรจะควบคุมสิ่งเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งคิดว่า กมธ.ที่มีการตั้งขึ้นมาคงพยายามศึกษาสิ่งเหล่านี้ทั้งแพ็กเกจ ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าจะได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า สุดท้ายคนที่จะทำให้มันสามารถเกิดขึ้นได้จริงคือใคร นายวิษณุกล่าวว่า สุดท้ายต้องมาที่รัฐบาล เพราะบางอย่างมันทำได้เลย บางอย่างต้องออกกฎหมาย เหมือน กมธ.ต่างๆ ไม่ว่าศึกษาเรื่องอะไร เขาไม่สามารถทำเองได้ เขาจะส่งข้อเสนอมายังรัฐบาล

เมื่อถามว่า การที่ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ จะถือเป็นปัจจัยสำคัญหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เราพูดถึงศีลธรรม อย่าไปพูดเฉพาะศาสนาพุทธเลย เพราะศาสนาอื่นก็ระมัดระวังเรื่องแบบนี้เหมือนกัน

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ กมธ.ศึกษาการเปิดสถานเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะประชุมนัดแรกกำหนดกรอบเวลา 90 วันและจะวางกรอบการทำงาน ซึ่งตนเองจะเสนอตั้งอนุ กมธ. 4 คณะ ประกอบด้วยอนุ กมธ.ศึกษาปัญหากาสิโนในประเทศที่มีการลักลอบเล่นการพนัน, อนุฯ กาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน, อนุฯ กาสิโนต่างประเทศ และอนุฯ ศึกษาผลกระทบต่อสังคมว่าควบคุมจำกัดการดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

“ถ้าเปิดกาสิโนถูกกฎหมายจริง ต้องดูว่าเราจะลงทุน 100% หรือไม่ หรือจะให้มาเก๊ามาเป็นที่ปรึกษา หรือร่วมทุนกัน ซึ่งทั้งหมดต้องทำประชาพิจารณ์ถามความเห็นของประชาชนว่าเราจะจำกัดคนเล่นอย่างไรได้บ้าง โดยเฉพาะคนไทย เจ้าหน้าที่รัฐจะเล่นได้หรือไม่ คนมีฐานเงินเดือนไม่น้อยกว่าเท่าไหร่ เช่น ไม่น้อยกว่า 50,000 บาท และจะเข้มงวดกับบ่อนอย่างไรไม่ให้เยาวชนเข้ามาถูกมอมเมาเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย” นายมงคลกิตติ์กล่าว และว่า เท่าที่ดูต้องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.การพนัน และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเรื่องนี้ต้องคิดให้รอบด้าน ช้ามากก็ไม่ได้ เร็วมากก็ไม่ได้ ต้องรอบคอบ เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องของความอยู่รอดของประชาชนชาวไทย เป็นเรื่องของส่วนรวม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง