ศาลโกงฟันคุก 5ปีริบ‘20ล้าน’ อดีตผู้พิพากษา

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 5 ปี ริบเงิน 20 ล้าน "อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8" เรียกรับสินบนผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ชี้พยานหลักฐานมัดแน่น แต่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 3 แสน ห้ามออกนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำ  ที่ อท 178/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องนาย ฐ. อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

โจทก์ฟ้องว่า คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาชาวไต้หวัน  และศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายขังไว้ในคดีอาญา เมื่อระหว่างเดือน พ.ย.61-12 ธ.ค.61 ขณะจำเลยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 8 จำเลยอ้างว่ารู้จักสนิทสนมกับผู้พิพากษาศาลจังหวัดสมุทรปราการ สามารถช่วยเหลือเกี่ยวกับการสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาชาวไต้หวันดังกล่าวได้ โดยจำเลยเรียกและรับเงิน 20 ล้านบาท จากนาย พ. หรือโก พ. เป็นค่าตอบแทน

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า นอกจากโจทก์มีบันทึกถ้อยคำพยานบุคคลที่ให้การต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นยืนยันว่าจำเลยเรียกและรับเงิน 20 ล้านบาท จากนาย พ. รวม 4 ครั้งแล้ว โจทก์ยังมีหลักฐานอื่นที่เชื่อมโยงถึงเหตุการณ์ที่นาย พ. พบและส่งมอบเงินให้กับจำเลย ดังนี้ ครั้งที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 7 พ.ย.61จำนวนเงิน 1 ล้านบาท ที่โรงแรมสินทวี จ.ภูเก็ต, ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 11 พ.ย.61จำนวน 3 ล้านบาท, ครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 30 พ.ย.61 จำนวน 7 ล้านบาท และครั้งที่สี่ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.61 จำนวน 9 ล้านบาท มีการนัดและส่งมอบเงินกันที่ โรงแรมเอ็มบาสซี่ สะพานควาย กทม.  โจทก์มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยและนาย พ. นัดพบเพื่อส่งมอบเงินกันที่โรงแรมเอ็มบาสซี่ในช่วงวันเวลาดังกล่าว

พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเรียกและรับเงินจากนาย พ. 20 ล้านบาท เป็นค่าดำเนินการในการขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ในคดีอาญาของศาลจังหวัดสมุทรปราการจริง แม้จำเลยไม่เคยรู้จักผู้พิพากษาศาลจังหวัดสมุทรปราการที่มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาชาวไต้หวัน หรือจำเลยไม่ตั้งใจจะเอาทรัพย์ที่เรียกไปให้ผู้พิพากษาดังกล่าวเลยก็ตาม ก็เป็นการกระทำที่ครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 175 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 แล้ว และการที่จำเลยรับเงินดังกล่าวจากนาย พ. ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ทั้งไม่ใช่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา จึงเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามมาตรา 128 วรรคหนึ่ง และมาตรา 129 แห่ง พ.ร.ป.ฉบับดังกล่าวข้างต้นอีกกระทงหนึ่งด้วย

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 128 วรรคหนึ่ง, มาตรา 129 ประกอบมาตรา 169, 175 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 175 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 5 ปี ริบเงิน 20 ล้านบาท หรือทรัพย์สินอื่นของจำเลยแทนตามมูลค่าดังกล่าว ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจำนวน 10 นัด รวมระยะเวลาตั้งแต่วันฟ้องถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นเวลา 9 เดือน 3 วัน

โดยภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิจารณาเเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลย โดยตีราคาประกัน 3 เเสนบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง