ศาลรับร้องพิธา112 กกต.เชือดถือหุ้นITV/ก้าวไกลซัดหลงอำนาจปลุกม็อบบุกสภา

"กกต." มีมติ 4 ต่อ 1 ส่งศาลรัฐธรรมนูญฟัน "พิธา" พ้น ส.ส. เหตุถือหุ้นสื่อไอทีวี พร้อมขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดนซ้ำอีกคดี! "ศาล รธน." รับคำร้องปม "พิธา-ก้าวไกล" หาเสียงแก้ ม.112 ล้มล้างการปกครองหรือไม่ เปิดยื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน "ทิม" ไม่กังวลกำลังใจดี ลั่นถ้ากลั่นแกล้งทางการเมืองมีราคาต้องจ่ายสูง บอก ปชช.เลือกคนของเขามาแล้ว "ก.ก." ซัด กกต.เร่งรีบก่อนวันโหวตนายกฯ จนผิดปกติ "ปิยบุตร" โวยหนังม้วนเก่า ถูกนิติสงครามกระทำซ้ำเหมือนธนาธร "ด้อมส้ม" ปลุกม็อบกดดันหน้ารัฐสภา 13 ก.ค.

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกเอกสารเผยแพร่เรื่อง กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง ระบุว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เสนอรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีหลักฐานปรากฏว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดในวันสมัครรับเลือกตั้ง  อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 82 วรรคสี่ ให้ที่ประชุม กกต.พิจารณา ในวันอังคารที่ 11 ก.ค.66

วันนี้ (12 ก.ค.) กกต.พิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อจากการประชุมคราวที่แล้ว เห็นว่าสมาชิกภาพของนายพิธา มีเหตุสิ้่นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) จึงให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป

มีรายงานว่า ในการพิจารณาของ กกต.ครั้งนี้ มีการลงมติเห็นชอบส่งศาลรธน.ด้วยคะแนน 4 ต่อ 1 เสียง โดย 4 เสียงประกอบด้วย 1.นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. 2.นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ 3.นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ และ 4.นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ส่วน 1 เสียงที่ไม่เห็นด้วยคือ นายปกรณ์ มหรรณพ โดยนายปกรณ์ได้แสดงความกังวลต่อที่ประชุมว่า อาจจะถูกมวลชนมองว่าการกระทำของ กกต.ไม่เหมาะสมที่จะส่งให้ศาล รธน.วินิจฉัยในช่วงนี้  และควรจะต้องมีสอบประเด็นอื่นเพิ่มเติม อาทิ ความเป็นเจ้าของหุ้นไอทีวี ว่านายพิธาเป็นเจ้าของหุ้นจริงหรือไม่ให้ชัดเจนกว่านี้ แม้ทุกคนจะเห็นตรงกันว่าไอทีวีเป็นธุรกิจสื่อก็ตาม

เวลา 13.00 น. ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก และ พ.ต.ต.ณัฐวัฒน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขา​ธิการคณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.)​ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ นำลังเอกสารหลักฐานจำนวน 3 ลัง เดินทางมาที่สำนักงาน​ศาลรัฐธรรมนูญ​ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้ง กกต.มีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญออกเอกสารข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 15.15 น. กกต.(ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 12 ก.ค. พร้อมเอกสารประกอบคำร้อง เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธาสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา  98 (3) หรือไม่ ซึ่งสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญลงรับคำร้องในทางธุรการแล้ว จะได้นำเสนอคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 49 ต่อไป

ศาลรับร้อง 'พิธา-ก.ก.' เลิก 112

นอกจากนี้ ในเอกสารข่าวของศาลรธน.ดังกล่าว ยังได้แจ้งเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดี ของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) อดีตทนายความของพุทธะอิสระ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ.... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเป็นกรณีที่ผู้ร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยว่า การกระทำของนายพิธาและพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่ ซึ่งผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49  วรรคสองแล้ว แต่อัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการตามที่ร้องขอภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม ที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

จึงมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7 (3) แจ้งให้ผู้รับทราบ และให้นายพิธาและพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 54 และเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณา แจ้งอัยการสูงสุดว่าหากอัยการสูงสุดได้รับพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมให้จัดส่งศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว

นายพิธาให้สัมภาษณ์กรณี กกต.ส่งเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยกรณีถือครองหุ้นสื่อว่า ในวันที่ 13 ก.ค. กระบวนการต่างๆ ยังเหมือนเดิม ขอบคุณประชาชนที่ส่งกำลังใจมาให้ ตนยังกำลังใจดีอยู่ ไม่กังวล มองเป็นเรื่องปกติ คิดว่าวุฒิสภาจะแยกแยะได้ว่าแต่ละเรื่องเป็นอย่างไร เพราะตนถือในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้อง ซึ่งคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ ก็ยังมีอยู่

"ผมรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เท่าที่ฟังการแถลง เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นโดยเอาไปเทียบเคียงกับคดีที่เป็นคดีเกี่ยวกับการกู้เงินของพรรค แต่นี่เป็นคนละรูปแบบกัน ดังนั้นระเบียบของ กกต.ควรเปิดโอกาสให้ชี้แจง รวมถึงระยะเวลาถือว่าสั้น พอมานั่งคำนวณดูพบว่าเป็นเวลา 32 วัน  ครึ่งหนึ่งของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ 1 ใน 10 ของรัฐมนตรีที่อยู่ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 4 คน ซึ่งบรรทัดฐานต่างกัน ก็เป็นสิ่งที่ดูว่าเร่งรัดเกินไป และเป็น 1 วันก่อนโหวตนายกฯ ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ควรเกิดขึ้น" นายพิธากล่าว

ถามว่าชัดเจนแล้วหรือไม่ว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง นายพิธากล่าวว่า หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะการที่จะกลั่นแกล้งตนเพียงคนเดียว มีราคาที่ต้องจ่ายสูงกับระบบกลไกในการบริหารราชการ บริหารประเทศ และหลักเกณฑ์ในการดูแลเรื่องบรรทัดฐานของคนที่จะมาเป็นนักการเมือง เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ถ้าจะสกัดแค่ตนเพียงคนเดียวหรือพรรคก้าวไกลไม่ให้เข้า แต่เป็นเรื่องเสียงส่วนมากของประชาชนที่แสดงออกมาผ่านการเลือกตั้งใน 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นความหวังของเขา

ซักว่า เรื่องที่มีการชุมนุมจะไม่มีสถานการณ์อะไร นายพิธากล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยคือการรวมตัวกันอย่างสันติ เป็นการควบคุมวาระทางสังคม เรื่องแบบนี้เข้าใจว่าบางทีมีอารมณ์ เพราะเขาออกไปเลือกคนของเขามาแล้ว แต่ถ้าเรามุทะลุมากเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีกับสิ่งที่พวกเราจะทำ อะไรที่มันสำคัญ อะไรที่มันยิ่งใหญ่ ก็ต้องใช้เวลา และยากเสมอ แต่ตนคิดว่าเราสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่งพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ก็จะเข้าสภาตามปกติ และแถลงวิสัยทัศน์เหมือนเดิม

ขณะที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกรณี กกต.มีความเห็นสมาชิกภาพของนายพิธาสิ้นสุดลงจากการถือหุ้นสื่อและให้ส่งศาล รธน.วินิจฉัย โดยแถลงการณ์ตอนท้ายระบุว่า ​การที่ กกต.จะเสนอเรื่องต่อศาลรธน.โดยอ้างว่าเห็นว่ามีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอ โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเป็นเพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น จึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่ กกต.กำหนดไว้ จึงเท่ากับว่า กกต.ปฏิบัติตามระเบียบแต่เพียงบางส่วน และจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่ตนได้ตราขึ้น อันอาจเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้

ก้าวไกลโวย กกต.รีบผิดปกติ

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค ก.ก. พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค เปิดแถลงข่าวว่า เชื่อว่า กกต.มีความผิดตามที่มีการยื่นคำร้องจริง เนื่องจากความรีบเร่งที่ผิดปกติ ซึ่งเห็นได้จากเมื่อเช้านี้เมื่อมีมติตอนเช้าแล้วเสร็จ ประธาน กกต.ได้รีบลงชื่อในเอกสารและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ กกต.ไปยื่นเรื่องต่อศาล รธน.ทันทีในวันนี้ เพื่อให้ทันการประชุมประจำสัปดาห์ในช่วงบ่าย

 “รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม ถ้าระบบราชการไทยทำงานเช่นนี้ทุกหน่วยงาน ประเทศชาติเจริญแน่นอน เช่นนี้แล้ว มันอดไม่ได้ที่สังคมจะตั้งคำถามกับ กกต. ที่ส่งเรื่องให้ศาล รธน.ตามกระบวนการสมบูรณ์ นำเรื่องเข้าที่ประชุมประจำสัปดาห์ทันที เพื่อให้คุณพิธาถูกสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ให้ได้ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.ใช่หรือไม่” นายชัยธวัชกล่าว

เลขาธิการพรรค ก.ก.กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลายปีที่ผ่านมา การกระทำโดยใช้นิติสงคราม บทบาทขององค์กรอิสระต่างๆ รวมไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถูกตั้งข้อสงสัยมาโดยตลอดว่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่งหรือไม่ กรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่ และเราในฐานะผู้แทนราษฎร ขอฝากเสียงเตือนจากพี่น้องประชาชนไปยัง กกต.และองค์กรอิสระทั้งหมด ว่าท่านที่หลงแก่อำนาจจนเกินขอบเขต วันใดวันหนึ่งเมื่อการเมืองกลับมาเป็นปกติ ประชาชนจะลงโทษพวกท่าน 

 “อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ผมและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคก้าวไกล รวมถึงเพื่อนสมาชิกอีก 7 พรรคการเมือง เรายืนยันว่าจะไม่กระทบกับการเสนอรายชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.)”เลขาธิการพรรค ก.ก.ระบุ

นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนี้เช่นกันว่า หนังม้วนเก่ากำลังกลับมาฉายซ้ำ เมื่อ 4 ปีที่แล้วผมได้แถลงข่าวชี้ให้เห็นว่าเกิดกรณีไม่มีมาตรฐานในเรื่องระยะเวลาในการพิจารณาของ กกต.กรณีลักษณะต้องห้ามของ ดอน ปรมัตถ์วินัย  กกต.ใช้เวลาพิจารณาส่งศาล รธน. 386 วัน ศาล รธน.ใช้เวลาพิจารณารับคำร้อง 70 วัน และไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว กรณีลักษณะต้องห้ามของ 4 รัฐมนตรีสมัยรัฐบาล คสช. กกต.ใช้เวลาพิจารณาส่งศาล รธน. 355 วัน ศาล รธน.ใช้เวลาพิจารณารับคำร้อง 75 วัน และไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว  แต่กรณีของธนาธร กกต.ใช้เวลาพิจารณาส่งศาล รธน. 51 วัน ศาล รธน.ใช้เวลาพิจารณารับคำร้อง 7 วัน และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว กรณีของธนาธรกลายเป็นสถิติที่ กกต.พิจารณาเรื่องเกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามและศาลรธน.รับคำร้องได้รวดเร็วที่สุดราวกับนั่งรถไฟความเร็วสูง

"มาวันนี้ 4 ปีผ่านไป ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศใช้อำนาจของตนร่วมกันแสดงเจตจำนงสนับสนุนให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี  คะแนนเสียงถล่มทลาย คะแนนเสียงมากกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ แต่พิธาก็ยังถูก "นิติสงคราม” กระทำซ้ำ และทำลายสถิติการพิจารณาคำร้องของ กกต. อย่างรวดเร็ว หากพิจารณานับจากวันที่เรืองไกรยื่นคำร้องต่อ กกต.ซ้ำอีกครั้งในวันที่ 20 มิ.ย. ก็เท่ากับว่า กกต.ใช้เวลาพิจารณา 32 วันเท่านั้น!!! พวกเขา บรรดาผู้กำกับภาพยนตร์ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเอาหนังม้วนเดิมกลับมาเล่นใหม่ หนังม้วนนี้เล่นกันมาเกือบ 20 ปีแล้ว เราจะให้มันจบแบบเดิมอย่างนั้นหรือ???" นายปิยบุตรระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง กกต.มีมติดังกล่าว ตลอดช่วงบ่ายวันที่ 12 ก.ค. ทำให้แฮชแท็ก #กกต.มีไว้ทำไม ติดอันดับหนึ่งของเทรนด์ทวิตเตอร์ทันที  และยังมีการแสดงความเห็นอย่างดุเดือดถึงการทำหน้าที่ของ กกต. นอกจากนี้ยังพบว่ามีการโพสต์นัดหมายรวมตัวกันในพื้นที่ต่างๆ เพื่อแสดงออกไม่เห็นด้วยกับมติ กกต.ที่ออกมา

เพจพรรคก้าวไกลโพสต์เชิญชวนร่วมภารกิจด่วน โดยมีใจความว่า "ก้าวไกลขอเชิญทุกคนร่วมทำภารกิจด่วน! "พฤหัสสีส้ม" เชิญชวนทุกคนร่วมใส่เสื้อผ้าสีส้ม ติดสัญลักษณ์ ร่วมสื่อสารทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสนับสนุนให้รัฐสภาลงมติโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ให้สำเร็จ โดยทุกคนสามารถออกมาร่วมติดตามผลการโหวตของรัฐสภาได้ที่แต่ละจุดใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ แต่หากใครอยู่กรุงเทพฯ เราชวนทุกท่านมาร่วมติดตามกันที่รัฐสภา แยกเกียกกาย ในวันที่ 13 ก.ค.2566 โดยพร้อมเพรียงกัน"

นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “วันนี้ 18.00 น. เจอกันหน้าหอศิลป์ กทม.” พร้อมกระดาษและข้อความถึง กกต.และ ส.ว.

กระทั่งเวลา 18.00 น. บริเวณสกายวอล์ก หอศิลป์ กทม. กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล หรือที่เรียกว่าด้อมส้ม ได้มารวมตัวกันตามที่นายอานนท์มีการนัดหมาย ซึ่งมีผู้ร่วมชุมนุมไม่มากนัก โดยมีการเชิญชวนให้ทุกคนไปที่รัฐสภา เพื่อติดตามการโหวตเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ ซึ่งแกนนำที่ชักชวนต่างบอกให้ทุกคนไปร่วมชุมนุมกันด้วยความสงบ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง