ด้อมส้มลุยศาล-กกต. บี้เลิกสกัด‘ทิม’นายกฯ

เครือข่าย Respect My  Vote ยื่น "ประธานสภาฯ-ประธาน ส.ว."  บี้ ส.ส. ส.ว. เคารพหลักเสียงข้างมากในการโหวตนายกฯ กลุ่ม 24 มิถุนาฯ   ประกาศศึกองค์กรอิสระ บุกศาล รธน.จี้ปัดตกคำร้อง "พิธา" ปมถือหุ้นสื่อ-ม.112 อ้างจะทำลาย ปชต. ศาลอาญาคดีทุจริตมีคำสั่งให้รับคดียื่นฟ้อง 7 กกต. จัดเลือกตั้งโดยทุจริตฯ กลั่นเเกล้ง "พิธา"  นัดฟังคําพิพากษา 8 ส.ค.นี้ ขณะที่อดีต ส.ส.ร.บุก ป.ป.ช. กล่าวหา 43 ส.ว.งดออกเสียงทุจริตต่อหน้าที่

ที่รัฐสภา วันที่ 18 กรกฎาคม น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ และตัวแทนเครือข่ายคณะรณรงค์ Respect My Vote ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ผ่านนายเจษ อนุกูลโภคารัตน์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สมาชิกรัฐสภาเคารพผลการเลือกตั้งและฟังเสียงประชาชน ในการให้ความเห็นชอบการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

โดยขอเรียกร้องสมาชิกรัฐสภา ดังนี้ 1.ให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินการลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯ ให้กับผู้ที่ได้รับการเสนอโดยพรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากจากสมาชิกผู้แทนราษฎร 2.หลีกเลี่ยงการลงมติด้วยการ "งดออกเสียง" เนื่องจาก การลงมติดังกล่าวจะเป็นผลให้เสียงข้างมากของสภาถูกขัดขวาง และถือเป็นการปฏิเสธผลการเลือกตั้ง 3.เสียงของสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่ถูกนำใช้เป็นข้อต่อรองทางการเมืองให้มีนายกฯ คนที่ผู้มีอำนาจอยากได้ 4.ขอให้สมาชิกรัฐสภารับฟังความต้องการหรือความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชนด้วยความอดทนอดกลั้น

นอกจากนี้ ทางเครือข่ายยังได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภา เพื่อเรียกร้องเกี่ยวกับการพิจารณาให้ความเห็นชอบดำรงตำแหน่งนายรัฐมนตรี

ที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์​ราชการ ​ฯ แจ้งวัฒนะ​ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และคณะรณรงค์รัฐธรรมนูญประชาชน (ครช.) ประมาณ 20 คน นำโดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข   ชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อคัดค้านศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามมาตรา 82 และรับคำร้องกรณีพรรคก้าวไกลแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองอันจะมีผลต่อการยุบพรรคก้าวไกล 

ทั้งนี้ มีมวลชนจำนวนหนึ่งทยอยเดินทางมา ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกองร้อยน้ำหวาน หรือ ตำรวจควบคุมฝูงชนหญิง ที่มีการวางกำลังดูแลพื้นที่บริเวณโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หรืออาคาร A โดยมีเจ้าหน้าที่ศาลเป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน

แกนนำผู้ชุมนุมได้สลับกันปราศรัย และอ่านแถลงการณ์ โดยนายสมยศ กล่าวตอนหนึ่งว่า กกต.ใช้เวลาไม่นานในการเร่งรัดพิจารณากรณีการถือหุ้นสื่อ itv ของนายพิธาก็ส่งเรื่องมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเลย เป็นการใช้กฎหมายโดยไม่สุจริต ใช้กฎหมายเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย จึงมาเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ไต่สวนความสัมพันธ์เชื่อมโยงของผู้ร้อง หากศาลรัฐธรรมนูญหยิบมาพิจารณาจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคม จะนำมาซึ่งการทำลายประชาธิปไตย 

ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ใช้กระบวนการนิติบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะขอแก้ไขกฎหมาย หากปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปในทางที่ทำให้เป็นการทำลายประชาธิปไตย การอภิปรายโหวตนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้วหยิบยกเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมานั้น  เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตนายพิธาเป็นนายกฯ อาจจะเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ทำให้ประชาธิปไตยหยุดลง  บ่อนทำลายความมั่นคงของประชาธิปไตย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเพื่อยื่นต่อ ป.ป.ช. อยากให้ ส.ส.-ส.ว. ตระหนักถึงประชาธิปไตย หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องทำหน้าที่ปกป้องตรงนี้ด้วย

"ขอให้ ส.ว.ยอมรับผลของการกระทำ สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ไม่ใช่การคุกคามหรือไล่ล่าแม่มด การที่มีคนไปกดกริ่งหน้าบ้าน หรือประกาศแบนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.ทั้งหมด เป็นการแสดงออกด้วยสันติวิธี" นายสมยศกล่าว

นายสมยศกล่าวต่อว่า ในวันที่ 19 ก.ค. จะมีการแต่งชุดดำและจัดกิจกรรมฌาปนกิจศพ ส.ว.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.00 น. เราขอประกาศศึกกับองค์กรอิสระ ทั้ง กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ โดยใช้สิทธิ์ในการชุมนุม ไม่ปล่อยให้องค์กรเหล่านี้ทำตามอำเภอใจเพื่อตอบสนองต่อเผด็จการ

ก่อนหน้านี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้สั่งเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือจีโน่ และรถเติมน้ำ พร้อมรถบรรทุกควบคุมผู้ต้องหาขนาดใหญ่ 2 คัน มาจอดสแตนด์บายไว้เพื่อรอรับมือสถานการณ์หากมีการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ค.นี้

ขณะเดียวกัน นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายวีรวิทย์ รุ่งเรืองศิริผล หรือลุงศักดิ์ ซึ่งเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงประธานศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ยกคำร้องที่ กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการขาดคุณสมบัติ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) จากเหตุถือหุ้น itv ซึ่งต้องดำเนินการภายใต้ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวน หากนายพิธามีความผิดและตนอาจจะดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ที่ศาลอาญารัชดาฯ ต่อไป

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต อาชีพทนายความ ได้ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง กับพวก รวม 7 คน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนาร่วมกันออกประกาศ กกต. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 ร่วมกันแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งการเลือก ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อให้แตกต่างจากการเลือกตั้งหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 7 ล้านใบ มีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนว่าผู้ใดไม่มีคุณสมบัติและหรือขาดคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามกฎหมาย แต่จำเลยทั้ง 7 หาได้ทำตามอำนาจหน้าที่ของพวกตนไม่ และร่วมกันกลั่นแกล้งนายพิธา ส่งเรื่องที่นายพิธาถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นสื่อไอทีวีต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างเร่งรีบ ทำให้บุคคลอื่นคือโจทก์และหรือนายพิธาได้รับความเสียหาย

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งให้รับคดีไว้เพื่อตรวจฟ้อง ให้นัดฟังคําสั่งหรือคําพิพากษาวันที่ 8 ส.ค. เวลา 09.30 น.

ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดนครพนม นายเศวต ทินกูล อายุ 63 ปี อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 (ส.ส.ร.) นำเอกสารหลักฐานเข้ายื่นต่อนายสมพจน์ แพ่งประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครพนม เพื่อกล่าวหา ส.ว. จำนวน 43 คน ทุจริตต่อหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยและประชาชน เป็นการเจตนาจงใจ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง สืบเนื่องจากวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 มีการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ส.ว.จำนวน 43 คน ไม่เข้าร่วมประชุม โดยไม่มีเหตุอันควร และมิได้แจ้งเหตุของการขาดประชุมให้ประธานรัฐสภาทราบ ถือว่าเป็นเจตนาจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 272 อันเป็นกฎหมายสูงสุด จึงได้เข้ายื่นหนังสือกล่าวหาสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 43 คน ให้ ทาง ป.ป.ช.พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย.