บิ๊กตู่ปลื้มEEC รบ.ขับเคลื่อน ฝากให้ต่อยอด

"บิ๊กตู่" ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการ​ EEC​ ระยอง ระบุโลกเปลี่ยนต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แรงงานฝีมือ เป็นอนาคตของประเทศ ชี้ต้องสรุปบทเรียนส่งไม้ต่อให้รัฐบาลใหม่   ประเทศชาติรอความหวัง ถ้าไม่ทำต่อก็ไร้ค่า พร้อมขอทุกคนช่วยกันต่อยอดขับเคลื่อนต่อเนื่อง

เมื่อวันพุธ เวลา 08.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ  รมว.กลาโหม พร้อมคณะ อาทิ นายสุ​พัฒนพงษ์​ พันธ์​มี​เชาว์​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ ​รมว.พลังงาน, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ จ.ระยอง เพื่อตรวจราชการและติดตามความก้าวหน้าโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  (อีอีซี) โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงได้ทักทายสื่อมวลชนว่า​ “ขอให้สื่อมวลชน​ช่วยกันดูสิ่งดีๆ​ ออกข่าวประเทศไทยก้าวหน้าไปเยอะแล้ว”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และคณะได้ร่วมถ่ายภาพบริเวณด้านหน้าอาคาร EECi และถามหานายสุพัฒนพงษ์ว่า   "รองนายกฯ อยู่ไหน​ ทำไมเดี๋ยวนี้ห่างกัน จะไม่อยู่กับฉันแล้วหรือ​ จะแยกตัวแล้วหรือ​" พร้อมกล่าวว่า​ อากาศดี จะกลัวอะไรกับแดด​ สื่อมวลชนจึงถามนายกฯ  ว่าร้อนหรือไม่ เนื่องจากเป็นการถ่ายภาพกลางแจ้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า​ “ไม่ร้อน​ ชินแล้ว” ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าแล้วร้อนใจหรือไม่​ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า​ ไม่ร้อนหรอก เมื่อถามย้ำว่าแล้วการเมืองร้อนหรือไม่​ พล.อ.ประยุทธ์​กล่าวว่า​ “การเมืองจะร้อนเพราะสื่อมวลชนนั่นแหละ”

หลังจากนั้นนายกฯ และคณะได้เข้ารับฟังการรายงานจากคณะผู้บริหารภายในอาคาร EECi​ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นงานหลัก การวิจัยและพัฒนามีโครงการจำนวนมาก ซึ่งนี่คือนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบันที่ดำเนินการมา ที่จะทำให้การวิจัยและพัฒนานำไปสู่การปฏิบัติและใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ทำแล้วทิ้งไว้เฉยๆ  วันนี้โลกเปลี่ยนไปมาก จะต้องดูเทคโนโลยีต่างๆ ภายนอกเขาด้วย

"เราต้องพัฒนาทางกายภาพและทรัพยากรมนุษย์กลุ่มแรงงานฝีมือ ไม่เช่นนั้นจะต่อไม่ได้ นี่คืออนาคตของประเทศที่รัฐบาลทำในหลายปีที่ผ่านมา  สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องสรุปเรื่องนี้ให้ได้เพื่อให้รัฐบาลต่อไปนำไปสู่การศึกษา  ถ้าไม่ทำต่อก็จบ อยู่แค่นี้ ที่ทำมาก็ไร้ค่าไปทั้งหมด ประเทศชาติกำลังรอความหวัง ฝากบอกทุกคนขอให้มองอนาคต​  มองปัจจุบันและอนาคตไว้ด้วย​ ถ้ามองอดีตแล้วมีปัญหากัน​ อะไรก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ทำให้ลูกให้หลานเรา วันนี้เราอายุมากแล้ว​ ก็ต้องส่งต่อ ฝากสื่อด้วยก็แล้วกัน ถ้าเรามีปัญหาอะไรกันมากๆ ก็จะไม่ได้​อะไรเลย​ มีปัญหากันไปทั้ง​หมด สูญเปล่า ต้องช่วยกันดูแลรับผิดชอบด้วย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน รู้ว่าทุกคนทุ่มเท ว้าเหว่อยู่เหมือนกัน มีช้างเป็นเพื่อน​ วันนี้ฝากดูแลช้าง ขอให้ทำให้สถานที่สวยงามน่าท่องเที่ยว” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

ทั้งนี้ ระหว่างเยี่ยมชมงาน เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามในประเด็นการเมืองต่างๆ จากสถานการณ์ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามโดยโบกมือพร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ‘No politic’

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายกฯ ได้เดินทางไปที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ เพื่อตรวจติดตามแนวทางการพัฒนามุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังความก้าวหน้าและการนำเสนอประเด็นต่างๆ

 ก่อนจะเดินทางไปท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3  พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาคภูมิใจในประเทศไทยที่ก้าวหน้าต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้กำชับเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงหลักการ “เคารพ คุ้มครอง เยียวยา” เป็นสำคัญ เพื่อดูแลด้านความปลอดภัย การเฝ้าระวัง ดูแลภาคประชาชนในพื้นที่ และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางเยี่ยมชมโครงการนำพลังงานความเย็นเหลือใช้จากการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกพืชเมืองหนาว ณ อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการลงพื้นที่ว่า ทั้งหมดเป็นความร่วมมือร่วมใจที่เราทำกันมาหลายปี เริ่มตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมาตอนแรก เรามีความคิดว่าประเทศไทยจะต้องเดินหน้าอย่างไร เพื่ออนาคต ทำอย่างไรให้มีรายได้เพียงพอต่อการบริหารราชการและดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งมี 2 อย่าง ส่งเสริมเรื่องการลงทุนภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ  ซึ่งการลงทุนจะต่างประเทศจะต้องมีความพร้อมในการเตรียมพื้นที่ทรัพยากร  โครงสร้างพื้นฐานทางบก ทางเรือทางอากาศ ทั้งหมดเป็นแรงจูงใจให้คนต่างประเทศมาลงทุน ซึ่งถ้าพูดถึงการลงทุนจากต่างประเทศ วันนี้เรากำลังเร่งในประเทศจะทำอย่างไรให้แข็งแรง โดยจะต้องเดินหน้า สิ่งเหล่านี้ไปด้วยเทคโนโลยีการวิจัยนวัตกรรม

โดยตนได้คิดมานานแล้ว ทั้งศึกษาเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ ต้องใช้กำลังสติปัญญาและเทคโนโลยีวิจัยพัฒนาให้เกิดขึ้น เพื่อให้คนของเราได้เรียนรู้ทั้งในส่วนผู้ประกอบการ รายเล็กรายใหญ่ และดูแลประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด และที่มาดูวันนี้ เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ โดยปตท.ที่เป็นแกนหลักของประเทศด้านพลังงาน ถ้าศึกษาข้อเท็จจริงจะเห็นว่ามีความยุ่งยากมากมายในการบริหารและการนำเข้าต่างๆ รวมถึงการแปรสภาพ

"ผมไม่ได้อะไรใครเลย เพียงต้องการขอให้เข้าใจว่าจะต้องเดินหน้าประเทศกันไปอย่างไรด้วยสติปัญญา ด้วยการวิจัยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้การศึกษาพื้นฐานเดินหน้าไปสู่อนาคต จึงบอกว่าวันนี้ต้องมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต อดีตไม่ดีก็อย่าทำ อะไรที่ดีก็ทำต่อเนื่อง ปัจจุบันคือทำให้อนาคตของคนรุ่นหลัง ใครที่มีหน้าที่ต้องทำแบบนี้และคิดแบบนี้ เราเลือกที่รักมักที่ชังใครไม่ได้  เพราะคนไทยมีทั้งหมด 70 ล้านคน ฉะนั้นวันนี้ต้องทำให้เขาทั้งหมดมีความพอใจ จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ศักยภาพที่มีอยู่ ซึ่งวันนี้ต้องขอบคุณทุกหน่วยงาน และนี่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ด้านอุตสาหกรรม ด้านการวิจัยและพัฒนา ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จะต้องต่อยอดในวันข้างหน้า ขอให้ช่วยกันดูแลและขับเคลื่อนไป ซึ่งหลายอย่างยังค้างอยู่ หลายอย่างเป็นนโยบายระยะที่ 3 ขอให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม” นายกฯ ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กฤษฎาฉีกหน้าพิชัย ไม่ให้เกียรติร่วมงานไม่ได้ ‘ทักษิณ’โผล่โคราช25พ.ค.

“เศรษฐา” ทัวร์ ประเดิมดูงานโครงการพระราชดำริ ชี้รัฐบาลให้ความสำคัญ ก่อนลุยตรวจสนามบินหัวหิน สั่งเร่งขยายให้จบก่อนไตรมาส 4 แพลมมีไอเดียเปลี่ยนชื่อเป็น