‘ประยุทธ’อ่วม!เชือด‘สุวิจักขณ์’

ป.ป.ช.เปิดผลคะแนน ITA ปีงบ 66 ภาพรวมได้ 90.19 คะแนน หน่วยรัฐผ่านเกณฑ์ 6,737 แห่ง ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง ปมเอกสารคดีนาฬิกา “บิ๊กป้อม” 1 รายการ ง้างฟัน 2 นักการเมืองครองที่ดินมิชอบสิ้นเดือน  "ประยุทธ มหากิจศิริ" อ่วม! คุก 4 ปี ลดเหลือ 2 ปี 8 เดือน ออกโฉนดที่ดิน จ.กระบี่เหลืออีก 4 สำนวน เปิดแฟ้ม “ทักษิณ” ยังค้างอีก 2 คดี ฟัน “สุวิจักขณ์” อดีตเลขาฯ สภากับพวกทุจริตโครงการนาฬิกา 15 ล้าน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม    พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ  ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเปิดงานประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ 2566 หรือ ITA Day 2023 ว่า การประเมิน ITA เหมือนการตรวจสุขภาพ ปัจจัยสำคัญคือการให้บริการประชาชนตามอำนาจหน้าที่ ITA คือการประเมินว่า 8,323 หน่วย ได้ทำหน้าที่ไปลุล่วงเป้าหมายได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร ปีนี้มีการปรับเปลี่ยน Rating Score หรือการให้คะแนน ให้คะแนนเป็นระดับขั้นตัวอักษรภาษาอังกฤษ (เช่น AA, A, B เป็นต้น) เปลี่ยนเป็นระดับผ่าน (คะแนนรวมเกิน 85 คะแนน) แต่อาจไม่ผ่าน 1 ใน 3 เครื่องมือชี้วัดที่ใช้ประเมิน ถ้าได้คะแนนรวมทุกเครื่องมือชี้วัดได้ 85 คะแนน จะถือว่าผ่านดี แต่ถ้าได้ 95 คะแนน และผ่านทุกเครื่องมือชี้วัดจะได้ผ่านดีเยี่ยม เป็นต้น

สำหรับผลการประเมิน ITA 2566 ในภาพรวมระดับประเทศ พบว่า มีค่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 90.19 คะแนน มีทิศทางแนวโน้มดีกว่าปีที่ผ่านมา 2.62 คะแนน โดยหน่วยงานภาครัฐที่มีผลระดับ 85 คะแนน หรือระดับผ่านขึ้นไป  พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 6,737 หน่วยงาน จากทั้งหมด 8,323 หน่วยงาน คิดเป็น 80.94% โดยเป็นทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 10.42% 

ส่วนหน่วยงานรัฐที่ได้คะแนนสูงสุดในปีงบประมาณ 2566 แบ่งเป็นกลุ่ม ศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ และหน่วยงานในรัฐสภา ได้แก่ สำนักงานศาลปกครองได้คะแนนเฉลี่ย 97.74 คะแนน ได้จัดอยู่ในระดับผ่านดี เพราะยังไม่ผ่านทั้ง 3 เครื่องมือชี้วัด ส่วนราชการระดับกรม คือ กรมการปกครอง ได้ 99.03 คะแนน ได้อยู่ระดับผ่านดี เพราะไม่ผ่าน 3 เครื่องมือชี้วัดเช่นกัน น่าเห็นใจ ทำได้ถึง 99.03 แต่ได้แค่ผ่านดี ขณะที่รัฐวิสาหกิจคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ 99.35 คะแนน อยู่ระดับดีเยี่ยม คือผ่าน 3 เครื่องมือ

องค์การมหาชนคือ องค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้ 98.06 คะแนน อยู่เกณฑ์ผ่านดี หน่วยงานอื่นของรัฐคือ สำนักงาน กสทช. ได้ 98.48 คะแนน อยู่ในระดับผ่านดี กลุ่มกองทุนคือ กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาได้ (กยศ.) ได้ 95.77 คะแนน อยู่ในระดับผ่าน สถาบันอุดมศึกษาคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี คะแนน 98.37 คะแนน ถือว่าผ่านดีเยี่ยม เพราะผ่าน 3 เครื่องมือ กลุ่มราชการส่วนภูมิภาคหรือจังหวัดคือ จ.แพร่ ได้ 99.72 คะแนน ผ่านดีเยี่ยม องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (กทม.และเมืองพัทยา) คือ อบจ.ยโสธร ได้ 99.43 คะแนน ผ่านดีเยี่ยม กลุ่มเทศบาลนครคือ เทศบาลนครสกลนคร ได้ 98.10 คะแนน ผ่านดีเยี่ยม กลุ่มเทศบาลเมืองคือ เทศบาลเมืองบางระจัน 99.63 คะแนน ผ่านดีเยี่ยม กลุ่มเทศบาลตำบลคือ เทศบาลตำบลตะกรุด 99.81 สระบุรี ผ่านดีเยี่ยม กลุ่มองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ประมาณ 5,700 แห่ง คือ อบต.ลาดกระทิง จ.ฉะเชิงเทรา กับ อบต.โคกเจริญ จ.พังงา ได้คะแนนเท่ากัน 99.79 คะแนน ผ่านดีเยี่ยมทั้ง 2 อบต.

ทางด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งรายงานการไต่สวนคดีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้กับนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชันว่า วันเดียวกันนี้ นายวีระจะเข้าพบตนเพื่อมารับเอกสารจำนวน 2 รายการ จากที่ขอไว้ทั้งหมด 3 รายการ เหตุผลที่ให้ 2 รายการ เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีหนังสือขอยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุดไปในวันที่ 10 ส.ค. เกี่ยวกับ 1 รายการที่ไม่ได้ให้ไป คือเรื่องที่เกี่ยวกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ และคำชี้แจงของทุกคนที่เกี่ยวข้อง

"สิ่งที่เราเป็นห่วงคือ ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ภายใน ป.ป.ช.เป็นผู้จัดทำขึ้น ถือเป็นข้อมูลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม การตรวจสอบบัญชีอะไรต่างๆ มีโทษทางอาญา บุคคลที่เข้ามาเป็นพยาน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน หากเปิดเผยออกไปทั้งชื่อ นามสกุล และตำแหน่ง อาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องความปลอดภัย หลักเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราจะต้องคุ้มครอง เราไม่ได้ปฏิเสธคดีนี้ อย่างไรก็ดี หากศาลมีคำพิพากษาอย่างไร จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง" นายนิวัติไชยระบุ

เปิด 2 คดีทักษิณค้างไต่สวน

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนคดีกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังอยู่ในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. ว่าขณะนี้เหลือคดีกล่าวหานายทักษิณอยู่ทั้งหมด 2 เรื่อง โดยจะหมดอายุความในปี 2569 จากทั้งหมด 26 เรื่อง ได้แก่ 1.คดีกล่าวหาว่านายทักษิณ ถูกร้องเรียนกล่าวหาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามแร่เถื่อน โดยถูกร้องเรียนกล่าวหาพร้อมกับพวก กรณีลงพื้นที่ตรวจสอบลักลอบการทำเหมืองแร่ดีบุก จ.พังงา ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ยังไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน

และ 2.คดีกล่าวหาว่านายทักษิณ กับพวก อนุมัติให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. สนับสนุนบริษัท แอร์เอเชีย จำกัด (มหาชน) เมื่อครั้งกลุ่มชินคอร์ปถือหุ้นอยู่ 51% เข้ามาทำธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำ และมีการแก้ไขข้อบังคับหลายกรณี ซึ่งในบอร์ด ทอท.ขณะนั้นมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยนายทักษิณ เป็นบอร์ดรวมอยู่ด้วย ปัจจุบัน ป.ป.ช.มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้แล้ว อยู่ระหว่างสรุปข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการ แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

นายนิวัติไชยกล่าวถึงการตรวจสอบจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถือครองที่ดิน หรือเอกสารสิทธิโดยมิชอบ หรือสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ว่าความคืบหน้าขณะนี้ มีอย่างน้อย 2 สำนวน จาก 10 สำนวน ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดังกล่าว ที่คาดว่าจะสรุปสำนวนเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ และรอบรรจุวาระเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ แต่สามารถไม่ระบุชัดเจนได้ว่านักการเมืองดังกล่าวเป็น สส. หรือ สว.

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 8 พิพากษาจำคุกนายประยุทธ มหากิจศิริ อดีตนักการเมืองชื่อดัง และนักธุรกิจ 2 ปี 8 เดือน จากคดีสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบว่า คดีนี้เป็นกรณีการออกโฉนดที่ดินพื้นที่ ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เนื้อที่ 85 ไร่ เรื่องนี้ ป.ป.ช.มีการชี้มูลผิดนายประยุทธกับพวก หลังจากนั้นส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณา อย่างไรก็ดี ต่อมา อสส.มีคำสั่งไม่ฟ้อง ป.ป.ช.จึงดึงคดีกลับมาฟ้องเอง กระทั่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 8 มีคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยสั่งจำคุกเจ้าพนักงานที่ดิน 6 ปี ส่วนผู้สนับสนุนที่เป็นเอกชนคือ นายประยุทธ ในฐานะจำเลยที่ 6 พิพากษาจำคุก 4 ปี แต่ลดโทษลงมาเหลือ 2 ปี 8 เดือน

สำหรับคดีเกี่ยวกับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบของนายประยุทธ ที่ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนมีทั้งหมด 5 สำนวน โดยสำนวนที่ทำเสร็จแล้วมี 4 คดี ได้แก่ คดีในพื้นที่ จ.กระบี่ 1 สำนวน ศาลมีคำพิพากษาแล้วข้างต้น คดีในพื้นที่ อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อีก 4 สำนวน โดย ป.ป.ช.ชี้มูลผิดไปแล้ว 3 สำนวน อยู่ระหว่าง อสส.พิจารณาสั่งฟ้อง และอีก 1 สำนวนยังอยู่ระหว่างไต่สวนในชั้น ป.ป.ช.

ขณะที่นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายวัชระชัยย์ หรือสุวิจักขณ์ นาควัชระชัยท์ หรือนาควัชระชัย พร้อมพวก กรณีจัดจ้างโครงการปรับปรุงระบบนาฬิกา สำหรับติดตั้งบริเวณภายในและโดยรอบอาคารรัฐสภา โดยมิชอบ วงเงินงบประมาณ 15,122,845 บาท

ชี้มูลทุจริต 'อดีตเลขาฯ สภา'

โดยมีมติดังนี้ 1.การกระทำของนายสุวิจักขณ์ และนายสุชนา ศรีสิยวรรณ กรรมการกำหนดร่าง TOR และร่างเอกสารประกวดราคา (ชุดเดิม) และเป็นประธานกรรมการกำหนดรายละเอียดและคุณลักษณะเฉพาะของงาน (ชุดใหม่) มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 12 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ป.ป.ช.) และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิด พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ.2555 ข้อ 6 (1)

2.การกระทำของนายศราวุธ พงษ์สงวนสุข และบริษัท อิควิป แมน จำกัด มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 264 และมาตรา 268 วรรคสอง ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 4 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

3.การกระทำของนางสาวดวงกมล อุดมกิจปัญญา และบริษัท พรีเชียส ไทม์ เทรดดิ้ง จำกัด มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 4 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 

4.การกระทำของนายสมพงษ์ ปรีชาธนพจน์ นายพิสิฏฐ์ เกตุประเสริฐวงค์ นายสมคิด หรือชรัณ ศึกขันเงิน หรือภู่พานิชพงศ์ และนายภัทร เสถียรกาล มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ และไม่ปฏิบัติตามแบบธรรมเนียมของทางราชการ ตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ.2555 ข้อ 2 (3) และข้อ 5 สำหรับความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง รายนายพิสิฏฐ์ นายสมคิด และนายภัทร เสถียรกาล สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้มีคำสั่งลงโทษลดเงินเดือน เป็นการเหมาะสมแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องแจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยอีก

5.การกระทำของนายทวีเกียรติ เชาวลิตถวิล นายมานิตย์ หน่องพงษ์ นายคม แสงแก้ว และนางสาวสายสมร ตระกูลอำนวยผล มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณีประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ. 2555 ข้อ 3 (4) และข้อ 6 (7)

6.การกระทำของนางสาวจุฑารัตน์ ลิขิตจิตถะ ในฐานะเจ้าหน้าที่พัสดุ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ และไม่ปฏิบัติตามแบบธรรมเนียมของทำงานราชการ ตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ.2555 ข้อ 2 (3) และข้อ 5 ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้มีคำสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือน เป็นการเหมาะสมแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องแจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยอีก

สำหรับการกระทำของนางสาวจุฑารัตน์  ลิขิตจิตถะ ในฐานะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณีประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ.2555 ข้อ 3 (4) และข้อ 6 (7) ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายสุวิจักขณ์ นายสุชนา ศรีสิยวรรณ นายศราวุธ พงษ์สงวนสุข บริษัท อิควิป แมน จำกัด นางสาวดวงกมล อุดมกิจปัญญา และบริษัท พรีเชียส ไทม์ เทรดดิ้ง จำกัด และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายสุวิจักขณ์ นายสมพงษ์ ปรีชาธนพจน์  นายทวีเกียรติ เชาวลิตถวิล นายมานิตย์ หน่องพงษ์ นายคม แสงแก้ว นางสาวจุฑารัตน์ ลิขิตจิตถะ นางสาวสายสมร ตระกูลอำนวยผล และนายสุขนา ศรีสิยวรรณ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง