ฝากรักษาสถาบัน บิ๊กตู่ควงเสี่ยนิดชมทำเนียบ โผครม.กระทรวงใหญ่ลงตัว

"บิ๊กตู่" ควง "เศรษฐา" ชมทำเนียบฯ ชื่นมื่น มอบแจกันดอกไม้จับมือแสดงความยินดี ฝากรักษาสถาบัน ดูแลบ้านเมืองให้ดี ขอทุกฝ่ายเลิกแบ่งสี "เสี่ยนิด" บอก "ประยุทธ์" น่ารัก เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ "ก.ก." ขัดตา 2 นายกฯ พบกัน ชี้แค่การส่งมอบอำนาจใหม่ที่ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย "จตุพร" บอก ปชช.ถูกหลอกต้มให้ต่อสู้ แต่ต้องเสียรู้เพื่อไทยการละคร "สมศักดิ์" ระบุโผ "ครม.เศรษฐา 1" เสร็จต้นสัปดาห์หน้า แย้มกระทรวงใดใหญ่นิ่งแล้ว "พท." รุมฉะ "หมออ๋อง" กลางสภา แต่งกายไม่เหมาะสม

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 24 ส.ค. เวลา 10.56 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร เพื่อพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ห้องโดมทอง ตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มารอต้อนรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพูดคุยระหว่างนายเศรษฐาและ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. และ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบแจกันดอกไม้พร้อมจับมือแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา และพานายเศรษฐาเยี่ยมชมห้องต่างๆ ภายในตึกไทยคู่ฟ้า รวมถึงห้องทำงานและเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แวะชมทำเนียบภาพอดีตนายกฯ  และพาไปเยี่ยมชมตึกภักดีบดินทร์ โดยระหว่างพาเดินเยี่ยมชม พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้แนะนำอาคารต่างๆ ภายในทำเนียบฯ กับนายเศรษฐาด้วย

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินมาส่งนายเศรษฐาขึ้นรถที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายเศรษฐาได้ยกมือไหว้ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับไหว้ ทั้งสองมีสีหน้ายิ้มแย้ม นายเศรษฐาได้ยกมือทักทายสื่อมวลชนและเดินทางออกจากทำเนียบฯ

ต่อมาช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปประชุมสภากลาโหม ซึ่งภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ถ่ายรูปและเซลฟีกับสื่อมวลชนอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก พร้อมทั้งกล่าวหยอกล้อว่า "ฉันยังไม่ได้ไปไหนหรอกนะ" โดยสื่อมวลชนได้ร้องเพลงคนไม่สำคัญ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มออกมาพร้อมทั้งกล่าวว่า ร้องเพลงให้นายกฯ คนนี้แล้ว ก็ให้ไปร้องเพลงนี้ให้นายกฯ คนใหม่ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเข้าพบของนายเศรษฐาว่า ฝากดูแลทุกอย่าง ซึ่งท่านก็รับไป ซึ่งตนก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจ ซึ่งตนพร้อมส่งมอบงานและข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการบริหารราชการต่อไป

ถามว่า มีงานที่คั่งค้างและฝากนายกฯ คนใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี ท่านก็คงนำไปพิจารณาและทำต่อ อะไรที่ต้องปรับก็ปรับ ส่วนเรื่องสถาบันฝากแล้ว เมื่อถามว่าได้มีการมองหารัฐมนตรีว่าการกลาโหมคนใหม่เพื่อดูแลกองทัพต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าใครเป็น

เมื่อถามว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่นายกฯ ทั้งสองคนมาเจอกันเพื่อสลายขั้ว สร้างความสามัคคีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าไปมองว่าสีไหนเป็นสีไหน เลิกแบ่งสีได้แล้ว วันนี้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า มีรัฐบาลใหม่มา เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีที่นายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ เพราะได้รับการสนับสนุนจากพล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่าไปมองอย่างนั้นสิ รัฐบาลมาตามขั้นตอนและกระบวนการ เรื่องต่างๆ ในสภาก็เป็นเรื่องของรัฐสภา ตอนนี้อย่าไปสร้างประเด็นหรือคิดเอาเองกัน เขียนออกมาก็ต้องระมัดระวังด้วย วันนี้ขัดแย้งกันไม่ได้แล้ว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินเข้าไปนั่งในรถประจำตำแหน่ง ลดกระจกลงและโบกมือให้สื่อพร้อมกล่าวว่า ยังไม่ได้ไปไหนสักหน่อย วันนี้ข้าราชการอำลาเกษียณ 60 ฉันเกษียณ 70 เมื่อถามว่าจะไปทำอะไรดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พักผ่อน

'เศรษฐา' ชม 'บิ๊กตู่' น่ารัก

ขณะที่นายเศรษฐา ภายหลังจากเดินทางไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ได้เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการไปเยี่ยมเยือนและเป็นการเคารพตามมารยาท และ พล.อ.ประยุทธ์ฝากความเป็นห่วงบ้านเมือง ตนในฐานะเป็นผู้น้อยและเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง จึงเข้าไปพบเพื่อปรึกษาหารือว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีอะไรฝากฝังหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็น่ารักที่พาชมทำเนียบฯ ด้วย

ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ฝากฝังประเด็นอะไรเป็นพิเศษในการบริหารบ้านเมือง  นายเศรษฐากล่าวว่า "ท่านบอกว่าผมมาจากภาคเศรษฐกิจ วิธีการบริหารก็อาจจะแตกต่างกับการบริหารบ้านเมือง ก็มีหลายภาคส่วนที่ต้องคำนึงถึง ให้ระวังด้วย ให้มีความใจเย็น ให้มีความอดทน ดูแลเรื่องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และนโยบายอะไรดีๆ ที่ท่านทำไว้ก็ฝากดูแลต่อด้วย ซึ่งผมก็จะไปพบปะกับคนที่ทำงานให้ท่านมาด้วย โดยจะมีการนัดกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่คิดว่ามีความเหมาะสมเราก็จะทำต่อ"

ซักว่าได้ขึ้นไปชมห้องทำงานด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ชมหมด ทั้งห้องทำงานและห้องที่เปิดให้เด็กเยี่ยมชมในวันเด็กแห่งชาติ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าท่านไม่ได้นั่งตรงนั้น แต่นั่งห้องเล็กอีกห้องหนึ่ง ซึ่งท่านก็ได้พาไปดู แต่ตนไม่ได้ลองนั่ง

เมื่อถามว่า มีการปรึกษาหารือกันถึงตำแหน่งกระทรวงกลาโหมหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มี ก็เป็นการพูดคุยกันธรรมดา เป็นเรื่องที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไป แล้ววันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง และมาดูแลบ้านเมืองให้ดี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำถึงเรื่องนี้

"พล.อ.ประยุทธ์ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพครับ ไม่มีอะไร ก็คุยกันดีแบบผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นความตั้งใจหลังรับตำแหน่งจะไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ก็บอกว่าเป็นครั้งแรก เป็นประวัติศาสตร์ที่นายกรัฐมนตรีสองคนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ฝากฝังบ้านเมืองกัน  ซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

เมื่อถามว่า มองว่าภาพที่เกิดขึ้นวันนี้จะสามารถลบภาพความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าคงลำบาก เรื่องความขัดแย้งที่มีอยู่ ซึ่งตนคิดว่าไม่ใช่พบปะกันหนเดียวแล้วจะจบกันไป ต้องให้เวลาและการกระทำเป็นตัวพิสูจน์ แต่อย่างน้อยตนก็ทราบเจตนารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านอยากจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และมีความเป็นห่วงบ้านเมืองด้วยความจริงใจ เราต้องทำงานร่วมกันต่อไป

ถามว่า เราเป็นฝ่ายนัดไปหรือเขาเป็นฝ่ายนัดมา นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันของฝ่ายทำงาน

เวลา 16.00 น. กลุ่มเสื้อแดงปทุมฯ นำโดยนายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ อดีตผู้สมัครสส.ปทุมธานี เขต 3 พรรค พท. พร้อมมวลชน เดินทางมาที่พรรค พท. มอบดอกไม้ให้กำลังใจนายเศรษฐา โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มที่วันนี้มากันมากมาย ภูมิใจที่วันนี้มาถึงตรงนี้ได้ แม้จะไม่ได้ สส.ทุกจังหวัด แต่ก็ทราบดีว่ามีการสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด

"พรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลในรอบ 9 ปี และมีนายกฯ ที่มาจากพรรค พท. โดยได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพี่น้อง เพราะเรามีสส.ที่มีคุณภาพ นโยบายดีๆ ต่างๆ เชื่อว่าจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกคน" นายเศรษฐากล่าว

ส่วนนายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ดีใจที่นายเศรษฐาได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งสวัสดิการเรื่องปากท้อง ผู้สูงอายุ ที่พรรคพท.จะผลักดันไปได้ดี เพราะนายเศรษฐาเป็นนักธุรกิจใหญ่ ทำความสำเร็จมาแล้ว

อย่างไรก็ดี ก่อนเดินทางกลับ กลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีพร้อมใจกันตะโกนว่า “นายกฯ ชื่อเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี” และ “เพื่อไทยจงเจริญ”

ก.ก.เหน็บ 2 นายกฯ พบกัน

ด้านนายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐาเดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกอะไรกับการส่งมอบอำนาจ เป็นอำนาจใหม่ที่ประชาชนมีข้อเคลือบแคลงสงสัย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งยึดอำนาจมาเกือบ 9 ปี สุดท้ายมาส่งมอบอำนาจให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสงสัยในหลายประเด็น

"หลังจาก พท.จับมือกับ พปชร.และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ต้องมีเสียงของ สว.เกี่ยวข้องด้วยแน่นอน เพราะเช้าวันที่โหวตนายกฯ ผมได้พูดคุยกับ สว.ที่รู้จักกัน ก็ยังไม่มีสัญญาณมา แต่โค้งสุดท้ายก็มีการส่งสัญญาณไฟเขียวโหวตให้นายเศรษฐา ช่วงเวลาระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แน่นอนว่าต้องมีการเจรจากับนอกรอบอย่างแน่นอน" นายณัฐชากล่าว

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้เผยแพร่เนื้อหาของการจัดรายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "น่ายินดี?" ระบุว่า สว.โหวตนายเศรษฐาส่วนมากมาจากกลุ่มทหารเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจปี 2557  ดังนั้นปฏิบัติการโหวตเห็นชอบจึงเป็นใบเสร็จยืนยันการสมรู้ร่วมผ่องถ่ายอำนาจให้กันและกัน ระหว่างพรรค พท. นายทักษิณ ชินวัตร และการรัฐประหาร

 “ผมไม่รู้สึกดีใจหรือเสียใจกับรัฐบาลนี้เลย และคนที่เข้ามาใหม่ก็ไม่มีความหวังใดทั้งสิ้นกับประเทศ เพราะประเทศนี้ควรทำอะไรที่ถูกทำนองคลองธรรมกันเสียบ้าง และนี่การตั้งรัฐบาลที่คนไทยเสียรู้อย่างเบ็ดเสร็จมากที่สุด หากย้อนไปพิจารณารายชื่อ สว.ที่โหวตให้นายเศรษฐาแล้ว ในจำนวน 152 คน ล้วนเป็นคณะรัฐประหารและเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจจากรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อปี 2557 ดังนั้น ประชาชนไปต่อสู้ให้เหนื่อยยากกันทำไม เมื่ออำนาจเป็นสมบัติผลัดกันชมและแบ่งภารกิจต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ เช่นนี้" นายจตุพรกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ประจำห้องทำงานรองนายกรัฐมนตรี ได้เริ่มทยอยเก็บของออกจากห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 แล้ว อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บของใช้ส่วนตัวในห้องทำงานของตนเองที่ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 แล้ว ทั้งเก้าอี้พับ  กรอบรูป ขณะที่สิ่งของชิ้นเล็กได้บรรจุใส่ลังกระดาษบรรทุกใส่รถตู้ออกไป ซึ่งเป็นการทยอยเก็บในห้องทำงานรองนายกฯ ที่ตึกบัญชาการ 1 ก่อน แต่ห้องทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้มีการเก็บ

นอกจากนี้ ยังพบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่สัปดาห์นี้ไม่ได้เข้ามาปฏิบัติภารกิจในทำเนียบฯ เลย ได้ให้เจ้าหน้าที่ทยอยเก็บเอกสารต่างๆ บ้างแล้ว เช่นเดียวกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ทีมงานทยอยเก็บข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาจากบ้าน รวมถึงพระบูชาหลายองค์ในห้องทำงานชั้น 3 ออกจากห้องทำงานเช่นกัน

แบ่งเค้กกระทรวงใหญ่ลงตัว

ส่วนความคืบหน้าการจัดสรรโควตารัฐมนตรีนั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า เท่าที่ได้ฟังจากนายเศรษฐา ทราบว่าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเสร็จสิ้นในต้นสัปดาห์หน้า เพราะขณะนี้แต่ละพรรคการเมืองยังไม่นิ่ง ยังไม่จบ 100%

"นายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมจะไปนั่งคุมแต่ละกระทรวงเพื่อขับเคลื่อนงาน ตอนนี้กระทรวงใหญ่มากๆ นั้นนิ่งแล้ว ส่วนกระทรวงขนาดกลางๆ ที่ยังไม่นิ่ง เพราะมีหลายพรรคที่อยากได้ตรงกัน" นายสมศักดิ์กล่าว

ที่รัฐสภา ระหว่างที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรกำลังพิจารณารับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 นั้น นายนิคม บุญวิเศษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ลุกขึ้นตำหนิการแต่งกายของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ที่แต่งกายใส่เสื้อคอจีนและใส่เสื้อสูททับ โดยไม่ติดเนกไท  เป็นการแต่งกายไม่สุภาพ

นายนิคมกล่าวว่า ข้อบังคับการประชุมสภาฯ สส.ต้องแต่งกายเครื่องแบบรัฐสภา ชุดสากลนิยม ชุดพระราชทาน หรือชุดตามระเบียบที่สภากำหนด แต่ชุดที่ประธานแต่ง เห็นแล้วไม่สบายใจ ไม่เรียบร้อย เกรงจะเป็นบรรทัดฐานให้ที่ประชุม นี่คือรัฐสภา ขอให้เป็นตัวอย่างแก่สมาชิก

เช่นเดียวกับนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า การแต่งกายของประธานไม่ใช่สากลนิยม ควรตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาเรื่องการแต่งกายของ สส.ให้เป็นสากลนิยม ให้ทุกคนปฏิบัติโดยพร้อมเพรียง ไม่อยากให้ประธานโดนอะไรไปมากกว่านี้ มองยังไงไม่ใช่ชุดสากล

ด้านนายปดิพัทธ์ชี้แจงว่า การแต่งกายชุดสากลนิยมเคยหารือแล้วว่าการใส่เสื้อคอจีนแล้วใส่สูททับโดยไม่ใส่เนกไทเป็นชุดสุภาพตามระเบียบสภา ตนเคารพทุกคน ถ้าไม่สบายใจก็จะแต่งตัวให้ดีขึ้น แต่ยืนยันว่าแต่งกายถูกต้องตามระเบียบ

"วันนี้ถ้าจะยึดแบบสากลนิยมจริงๆ การแต่งกายหลายคนคงไม่ผ่าน ขอให้เดินหน้าประชุมก่อน เรื่องระเบียบต่างๆ จะนำกลับไปพิจารณา ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น" รองประธานสภาฯ กล่าว

ต่อมานายปดิพัทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ ว่า คิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับงานด้านนิติบัญญัติ เพราะว่าเราเป็นเอกเทศต่อกัน ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติ  ซึ่งตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ มาจากการเลือกตั้ง เป็นการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร และโปรดเกล้าฯ เรียบร้อยแล้ว จึงคิดว่าไม่ได้เป็นความเกี่ยวข้องกันกับในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล

ถามว่า จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปโดยไม่ลาออกใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ก็ไม่ได้มีรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับสภาบอกไว้ว่าต้องย้ายหรือต้องเปลี่ยน เมื่อถามว่าการที่พรรค ก.ก.ต้องเป็นฝ่ายค้าน จะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า คิดว่าประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทั้ง 3 คนต้องวางตัวเป็นกลางอยู่แล้ว การเป็นกลางของเราก็คืออำนวยความสะดวก อำนวยการประชุมให้กับสมาชิกทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เพราะฉะนั้นเราทำหน้าที่ได้ไม่ว่าเราจะสังกัดพรรคไหนก็ตาม

ซักว่าจะยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านให้กับพรรค ปชป.หรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ทางพรรคเขาหารือกันเอง เพราะว่าตนไม่ได้อยู่ในวงเจรจา และไม่ได้อยู่ในวงคณะกรรมการบริหารของพรรค ก.ก. ดังนั้นการตัดสินใจทั้งหมด ถ้าฝ่ายรัฐบาลชัดเจนแล้วคิดว่าฝ่ายค้านก็ต้องมีความชัดเจนว่าจะดำเนินพันธกิจของฝ่ายค้านอย่างไร และตนก็รอการตัดสินใจของทางฝ่ายค้าน

ซักว่าพรรคต้องชั่งน้ำหนักระหว่างตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านกับรองประธานสภาฯ หรือไม่ นายปดิพัทธ์กล่าวว่า คิดว่าทุกฝ่ายก็ต้องชั่งน้ำหนักหมด เพราะไม่ว่าจะเลือกอย่างไรมันก็คงจะมีผลลัพธ์และความรับผิดชอบที่ต่างกัน แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่พรรคเขาจะคุยกัน

นายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ สส.กทม. พรรค ก.ก. กล่าวถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ของนายปดิพัทธ์ว่า ยังคงต้องให้นายปดิพัทธ์ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นกลไกที่ได้มาโดยชอบ ผ่านการเลือกของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างถูกต้อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง